ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 484 อารยธรรมประหลาด

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 484 อารยธรรมประหลาด

บทที่ 484 อารยธรรมประหลาด

ขึ้นขบวนอุปกรณ์คมนาคมไปแล้ว หุ่นกลอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับหุ่นกลซึ่งอยู่ใกล้กับประตูขบวนรถก็ปล่อยแสงไฟสว่างจ้าผ่านดวงตามาปกคลุมร่างคนทั้งสอง

ถังรั่วเวยกับไป๋ชิวหรานพลันสะดุ้ง รีบสะกัดกั้นความนึกคิดในทันใด แต่ดูเหมือนหุ่นกลตนนี้เพียงแค่ต้องการจะตรวจหาตั๋วที่อยู่ในมือคนทั้งสองเท่านั้น

“ผู้โดยสารสองท่าน”

หลังจากที่หุ่นกลเก็บแสงไฟไปแล้ว มันก็ใช้น้ำเสียงไร้ชีวิตกล่าวออกมา

“ที่นั่งของพวกท่านคือที่นั่งหมายเลขสามและสี่ แถวที่สิบสามของตู้โดยสารนี้ อุปกรณ์เคลื่อนย้ายกำลังจะออกตัวแล้ว เชิญประจำตำแหน่งเดี๋ยวนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บอันเกิดจากแรงกระชาก”

ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยถือตั๋วรถและมองดูซ้ายขวา สุดท้ายจึงนั่งลงในตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง ไม่ว่ามองไปทางใด ชาวเมืองที่มีรูปลักษณ์เหมือนพวกเขาทั้งสอง กล่าวคือ มีผิวสีฟ้า เขายาว และมีหางก็นั่งเต็มตู้โดยสาร พอเห็นพวกเขาเข้ามา คนเหล่านี้เพียงแค่ชายตามองดูสักครู่ ไม่ได้กล่าวความอันใด

ทั้งสองนั่งติดกัน โดยมีหนุ่มน้อยผิวสีฟ้ากับผู้ชายวัยกลางคนผิวสีฟ้าอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อพวกเขาเห็นไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยขึ้นรถมา ชายวัยกลางคนผิวสีฟ้าคนนั้นเพียงแค่ชายตามองแล้วละสายตาไป แต่หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าอีกคนกลับแอบสังเกตดูพวกเขาทั้งสองอย่างสนอกสนใจ ราวกับต้องการจะพูดคุยด้วย

ทว่าหนุ่มน้อยยังไม่ทันได้เอ่ยเอ่ยอะไร ก็มีหุ่นกลตัวเล็กเคลื่อนกายผ่านช่องทางเดินระหว่างที่นั่ง เข้ามาสอบถามไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยว่าต้องการอาหารและเครื่องดื่มหรือไม่

เพื่อแสร้งทำให้คล้ายกับนักเดินทางผู้หิวกระหายและเหน็ดเหนื่อยมาจากป่านอกเมือง ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยจึงสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาบังหน้า หุ่นกลตนนี้ยืนอยู่กับที่อยู่อึดใจหนึ่ง ท้องของมันก็เปิดออก ก่อนยื่นแขนออกมาจากด้านข้างลำตัว และหยิบอาหารออกมาให้ผู้โดยสารทั้งสอง

ถังรั่วเวยยกอาหารมาวางบนโต๊ะตรงหน้าตัวเองแต่ไม่ได้กิน ไป๋ชิวหรานเสียอีกที่ถือว่าตนเองหนังเหนียวและมีความสามารถในการย่อยอาหารสูง จึงชิมอาหารและเครื่องดื่มของอารยธรรมแห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ดูเหมือนว่าอาหารจะทำจากเนื้อสัตว์ที่มีเฉพาะในโลกวัตถุแห่งนี้ ประกอบกับผักที่มีสีสันประหลาด แต่รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ส่วนเครื่องดื่มสีม่วงที่มีฟองผุดขึ้นมานั้น ครั้นดื่มแล้วก็คล้ายกับน้ำจัณฑ์รสฝาด

หลังเห็นไป๋ชิวหรานวางผ้าเช็ดปากด้วยความพึงพอใจแล้ว ในที่สุด… หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งคอยสังเกตพวกเขามาตั้งแต่ขึ้นรถก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป

“ขอถามหน่อยขอรับ พวกท่านก็กำลังจะไปเมืองเส้อหล่าซือเท่อเพื่อเข้าร่วมพิธีบรรลุในครั้งนี้เช่นกันอย่างนั้นรึ?”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าถามไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเขินอายและคาดหวังอยู่บ้าง

“ใช่ พวกเราจะเข้าไปในเมืองกัน”

ไป๋ชิวหรานเออออตามไป และแสร้งทำเป็นถามต่อด้วยความสงสัย

“ขออภัย พวกเราอยู่ป่านอกเมืองมานาน ระยะนี้มีการจัดพิธีบรรลุด้วยรึ?”

ไป๋ชิวหรานไฉนเลยจะรู้ว่าสถานที่ที่ตัวเองต้องการจะไปนั้นใช่เมืองเส้อหล่าซือเท่อหรือไม่ เรื่องพิธีบรรลุอะไรนั่นก็ยิ่งไม่รู้ ทว่าชีวิตคนเปรียบดั่งละคร ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยทักษะการแสดง เขากลับมีท่าทีเหมือนรู้ ทั้งยังสามารถหลอกถามข้อมูลจากหนุ่มน้อยที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ได้

“ใช่ ใช่! ได้ยินมาว่าตอนนี้ท่านมหาเทพหุ่นกลผู้ยิ่งใหญ่พบรังของพวกอสูรแล้ว และเตรียมจะใช้กำลังทหารจับพวกอสูรจนหมดไม่มีเหลือ! จึงจัดพิธีบรรลุขึ้นทั่วโลก เรื่องนี้เป็นโอกาสอันดี ถ้าพวกเราผ่านพิธีบรรลุ ก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นเทพสวรรค์ เท่านี้ก็จะสามารถเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อปกป้องโลกวัตถุนี้ เป็นโอกาสยิ่งใหญ่มากทีเดียว!”

ไป๋ชิวหรานเห็นดีเห็นงามไปกับหนุ่มน้อย ทว่าในใจกลับครุ่นคิดถึงข้อมูลที่อีกฝ่ายเผยออกมา

ผู้ปกครองหุ่นกลเหล่านี้หรืออย่างน้อยก็เป็นผู้นำระดับสูงของหุ่นกลก็คือผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘มหาเทพหุ่นกล’ ส่วน ‘พิธีบรรลุ’ ที่เจ้าหนุ่มคนนี้เอ่ยถึงก็คงจะหมายถึงรูปแบบการเลื่อนขั้นบางอย่าง

ทว่าสัมผัสเทวะของไป๋ชิวหรานตรวจพบว่าหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าตรงหน้านี้ไม่ได้มีระดับการฝึกตนอันใดเลยแม้แต่น้อย ในร่างของเขาไม่มีคฤหาสน์ม่วง ไม่มีพลัง และไม่มีอักขระยันต์ เป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง

เรื่องนี้ทำให้ไป๋ชิวหรานเกิดความอยากจะรู้ขึ้นมาว่าการบรรลุของอารยธรรมหุ่นกลมีวิธีการเช่นใด

“นานแล้วที่ข้าไม่ได้เข้าไปในเมือง”

ไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นถอนใจพลางจับมือถังรั่วเวย

“ข้าอยากจะพานางไปเดินเล่นในสถานที่คึกคักบ้าง ไม่รู้ว่าพิธีบรรลุสามารถให้คนเข้าไปรับชมได้หรือไม่”

“ได้แน่นอน! ไม่ว่าใครก็สามารถชื่นชมเกียรติยศของท่านมหาเทพหุ่นกลได้!” หนุ่มน้อยผิวสีฟ้ายิ้มพลางกล่าว “เหตุใดพวกท่านต้องเกรงใจมากถึงเพียงนี้ด้วย มหาเทพหุ่นกลมีน้ำใจยิ่งใหญ่ ประทานสติปัญญาทั้งหมดแก่พวกเรา ถึงเวลานั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน พวกท่านทั้งสองจะมาชมด้วยก็ได้นะ!”

นิ่งเงียบไปสักครู่ หนุ่มน้อยมองไปที่ถังรั่วเวยกับไป๋ชิวหรานพลางกล่าวถาม

“จะว่าไป ตอนนี้พวกท่านทั้งสองเป็น ‘ล่ายเท่อซื่อ’ กันรึ?”

‘ล่ายเท่อซื่อ’ ในภาษาต่างเผ่านี้หมายความว่าคู่รัก ไป๋ชิวหรานคิดพลางมองไปที่ถังรั่วเวยสักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้า

“น่าอิจฉาจริง ล่ายเท่อซื่อหลายคนไม่อยากไปใช้ชีวิตอยู่ในป่านอกเมืองร่วมกับคู่ของพวกเขา”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้ารำพึง

“ถึงแม้ที่ป่านอกเมืองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมหาเทพหุ่นกล แต่มีเรื่องมากมายล้วนต้องพึ่งพาอาศัยตัวเอง และยังมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายอีก… ก่อนที่จะบรรลุ พวกเราก็ไม่ต้องการจะเจอกับพวกมัน”

“ถ้าพกอาวุธไปด้วยน่าจะต่อกรด้วยได้ง่ายขึ้นกระมัง?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยความลังเล

“ไฉนเลยจะง่ายถึงเพียงนั้น! พี่ชาย ท่านก็รู้ว่ามหาเทพหุ่นกลควบคุมอาวุธทรงอานุภาพไว้ทั้งหมด มีแต่พวกเทพสวรรค์เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ใช้”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าไม่รู้ความหมายของไป๋ชิวหราน ด้วยเหตุนี้จึงตั้งหน้าตั้งตาพูดต่อ

“อาวุธที่พวกเราสามารถซื้อได้มากสุดก็เป็นอาวุธจำพวกยุทธภัณฑ์ขนาดสั้นลงยันต์เท่านั้น เอามาต่อกรกับสัตว์ป่าขนาดเล็กยังพอไหว แต่กับสัตว์ป่าขนาดใหญ่หนังหนามีผิวหนังเป็นเกราะแข็งพวกนั้น ไม่มีประโยชน์ และในบรรดาพวกเราก็ไม่มีใครที่วิ่งได้เร็วกว่าพวกมันด้วย คงจะมีแต่ผู้ชายแข็งแกร่งที่หาได้ยากยิ่งอย่างท่านเท่านั้นที่อยู่ในป่านอกเมืองพร้อมกับยุทธภัณฑ์ขนาดสั้นได้”

“คงจะเป็นเช่นนั้น”

ไป๋ชิวหรานไม่แสดงความเห็นแย้ง

“จะว่าไป อันที่จริงคนกล้าหาญอย่างพวกท่านก็เหมาะจะเข้าร่วมพิธีบรรลุที่สุด”

ดูท่าทางหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าเป็นคนพูดน้อย แต่พอได้พูด ก็พูดมากไม่ยอมหยุด

“มหาเทพหุ่นกลชอบราษฎรผู้มีวิญญาณเหล็กแห่งความกล้าหาญอย่างพวกเจ้าเช่นนี้ หากว่าเจ้าเข้าร่วมพิธีบรรลุ จะต้องผ่านอย่างแน่นอน”

“เออ…”

ไป๋ชิวหรานลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลใดมาอ้างเพื่อปฏิเสธ

แต่หนุ่มน้อยผิวสีฟ้ามองไปที่ถังรั่วเวยแล้วกลับเข้าใจขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า

“ใช่สิ ท่านไม่สามารถทิ้งคู่รักของท่านไปได้ หลังจากผ่านการคัดเลือกพิธีบรรลุแล้ว พวกเราจะต้องตัดความสัมพันธ์ทางโลกทั้งหมด จะว่าไปด้วยร่างของเหล่าเทพสวรรค์ สามารถร่วมรักได้หรือไม่นะ?”

ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยนิ่งเงียบ… เท่ากับยอมรับเหตุผลที่หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าช่วยคิดแทนพวกเขา

ตลอดทาง หนุ่มน้อยผิวสีฟ้ายังสรรหาเรื่องมาพูดคุยกับไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยไม่หยุด ตั้งแต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในต่างถิ่น จนถึงเรื่องอาหารอร่อยที่สุดในเมืองเส้อหล่าซือเท่อว่ามีอะไรบ้าง

ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยเออออห่อหมกไปกับหนุ่มน้อย หลาย ๆ ครั้งกลับฟังเขาพูดอยู่คนเดียว ทว่าจากที่เขาพูดมา ทั้งสองก็ได้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่มากมายของโลกวัตถุแห่งนี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์เคลื่อนย้ายแบบมีรางขับก็เคลื่อนเข้าสู่ท่าเมืองเส้อหล่าซือเท่อ… เมืองที่สร้างขึ้นจากกลไก!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท