ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 486 หุ่นกลบรรลุขั้น

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 486 หุ่นกลบรรลุขั้น

บทที่ 486 หุ่นกลบรรลุขั้น

พิธีบรรลุกำลังจะถูกจัดขึ้นบนลานขนาดใหญ่คล้ายกับวงเวียน

ไม่เหมือนกับที่ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยจินตนาการไว้ มันเป็นการจัดให้ผู้สมัครทุกคนรวมตัวกันและทดสอบครั้งใหญ่พร้อมกัน ดูคล้ายกับการทดสอบเข้าร่วมสำนักชั้นนำเสียมากกว่า

หากมีบุคคลที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมลงชื่อสมัคร หุ่นกลก็จะพาไปในกระบอกโลหะขนาดใหญ่ที่ปิดสนิท เพื่อทำการตรวจร่างกาย และเมื่อตรวจร่างกายผ่าน มนุษย์ผิวสีฟ้าดังกล่าวก็จะหายตัวไปหลังม่านแสง ก่อนที่หุ่นกลทั้งหลายจะประกาศว่าผ่านพิธีบรรลุ!

แต่หากไม่ผ่าน มนุษย์ผิวสีฟ้าก็จะถูกหุ่นกลเชิญออกมาจากประตูอีกด้านของกระบอกโลหะ เพื่อกลับสู่ใจกลางเมืองแห่งนี้…

ตอนที่พวกไป๋ชิวหรานมาถึงลานกว้าง พวกเขาก็เห็นมนุษย์ผิวสีฟ้าเพศหญิงนางหนึ่งเพิ่งผ่านการทดสอบพอดี นางถูกหุ่นกลสองตนขนาบข้างพาไปอยู่หลังม่านแสง บนม่านแสงมีอักขระยันต์ไหลผ่านจนกลายเป็นเครื่องบดบังสายตาของคนอื่น ๆ

ไป๋ชิวหรานกะพริบตาหนึ่งครั้ง นัยน์ตาของเขาปล่อยแสงที่ยากจะจับได้ออกมา สายตาของชายหนุ่มมองผ่านทะลุม่านแสงที่ประกอบขึ้นจากอักขระยันต์จนมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง

ด้านหลังม่านแสงนั้น เผยให้เห็นบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับโลงแก้วขนาดใหญ่หกโลงวางเรียงกันอยู่บนพื้น จากคำสั่งของหุ่นกล มนุษย์ผิวสีฟ้าเพศหญิงคนนั้นก็เข้าไปหลังม่านแสง และเข้าสู่โลงแก้วพร้อมกับมนุษย์ผิวสีฟ้าคนอื่น ๆ อีกห้าคน

เมื่อโลงแก้วปิดสนิท ไป๋ชิวหรานก็มองผ่านประตูใสจนเห็นอักขระยันต์ปรากฏขึ้นภายในโลงแก้ว มีพลังประหลาดที่ทำให้พวกเขาหลับใหล จากนั้นท่อที่เชื่อมโยงกันอยู่ด้านบนของโลงแก้วก็เริ่มทำงาน ก่อนที่พลังงานนับไม่ถ้วนจะส่งผ่านมาตามเส้นสายระโยงระยาง จนทำให้โลงแก้วส่องสว่าง และวิญญาณของมนุษย์ผิวสีฟ้าที่หลับใหลเหล่านี้ก็ถูกส่งเข้าไปในห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่ไกลออกไปตามเส้นทาง

อีกด้านหนึ่ง ห้องโดยสารของหุ่นกลสั่นสะเทือนไม่หยุดก่อนจะเปิดออก และหุ่นกลหกตัวที่เปล่งประกายสีทองก็เดินออกมาจากห้องโดยสาร

“นี่ก็คือพิธีบรรลุที่พูดถึงเช่นนั้นน่ะรึ?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างประหลาดใจ

“บรรลุหุ่นกลอย่างนั้นรึ?”

เขาสังเกตเห็นว่าในร่างของหุ่นกลที่เกิดใหม่เหล่านี้ล้วนมีดวงวิญญาณมนุษย์ในคฤหาสน์ม่วง ปฐมวิญญาณกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง และปล่อยพลังปราณและแสงเจิดจ้าออกมาส่องสว่างคฤหาสน์ม่วงประดิษฐ์

ปราณไหลวนเวียนอยู่ในร่างของหุ่นกล กลไกอันประณีตภายในร่างค่อย ๆ เปิดใช้งานอักขระยันต์บนอะไหล่ในแต่ละชิ้น ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ครู่เดียว หุ่นกลเกิดใหม่เหล่านี้ก็มีระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนขั้นแยกวิญญาณกับขั้นสร้างลมปราณธาตุ

“บัดซบ!”

มองดูคฤหาสน์ม่วงกับปฐมวิญญาณที่อยู่ในนั้นแล้ว ไป๋ชิวหรานพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในใจ

“หุ่นกลเหล่านี้ไม่ต้องฝึกตนอย่างมนุษย์ แต่เอาปฐมวิญญาณที่พวกเราผู้ฝึกตนต่างต้องฝึกฝนด้วยความยากลำบากมาทำเป็นอะไรหมดแล้ว?”

ถังรั่วเวยชายตามองไปที่ไป๋ชิวหราน ถึงแม้นางจะไม่ได้มองผ่านม่านแสงเพื่อมองดูพลังด้านหลังโดยตรง ลำพังแค่การบอกเล่าของไป๋ชิวหราน นางก็สามารถเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านอาจารย์ แต่ละคนล้วนมีบุญวาสนาของแต่ละคน ท่านอาจารย์อย่าอิจฉาไปเลย”

นางตบไหล่ไป๋ชิวหรานพลางกล่าวเบา ๆ

ไป๋ชิวหรานยิ่งโกรธเกี้ยว ก่อนตบไปที่เอวของหญิงสาวจนนางถึงกับร้องอุทานออกมา

“อยากตายเช่นนั้นรึ!”

ถังรั่วเวยเตะน่องของไป๋ชิวหรานเป็นการตอบโต้

“เล่นแบบนี้เลยรึ?”

พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของกระดูกทั่วทั้งตัวนางในตอนนี้ ทำให้คนทั่วไปไม่อาจทำร้ายอวัยวะภายในได้อีก ทว่าสวรรค์ริษยากลับเป็นข้อยกเว้น

“พี่ชาย…”

เวลานี้หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าที่ยืนด้านหน้าพวกเขาทั้งสองหันหน้ากลับมา และเห็นภาพถังรั่วเวยกับไป๋ชิวหรานกำลังหยอกล้อกันพอดี

“พวกท่านสองคนดูรักกันจัง”

เขาอิจฉาเล็กน้อย

“หากข้ามีหญิงที่เป็นคู่รักเช่นนี้บ้างก็คงดี”

“เจ้าก็ไปหามาสิ!”

ไป๋ชิวหรานแนะนำ

“ดูเจ้าสิ… ชวนคุยได้ตั้งหลายเรื่องและยังมีมารยาท พูดจาก็ไพเราะ เพียงแค่เอ่ยปาก หาผู้หญิงที่ชอบสักคนคงไม่ยากหรอกกระมัง?”

“แต่ข้าพูดไม่ออก และหาสตรีไม่ได้ ถึงได้มาร่วมพิธีบรรลุนี่ไง”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าหัวเราะฝืดพลางประชดประชันตัวเอง

“หากว่าสามารถบรรลุสำเร็จจนได้กลายเป็นเทพสวรรค์ จะมีหรือไม่มีคู่รักก็ไม่เป็นไร…”

ไป๋ชิวหรานตบไหล่เขา และไม่รู้จะตอบอย่างไร

“อันที่จริง…ในฐานะที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ บางครั้งคู่รักก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีงามเหมือนที่เจ้าฝันไว้หรอก!”

ไป๋ชิวหรานย้อนนึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีนักขึ้นมา พลันสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ท่านก็พูดได้สิ!”

กระทั่งหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าที่ว่ามีอารมณ์เย็นแล้ว เวลานี้ก็ยังอดกล่าวไม่ได้

“แค่ก ๆ เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ…” ไป๋ชิวหรานไอสองที “เมื่อสักครู่เจ้าตามหาพวกเราเพราะมีอะไรจะพูดใช่ไหม?”

“ใช่ ข้าจะไปสมัครแล้ว”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้ากล่าวกับไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวย

“ที่ข้าได้มีโอกาสรู้จักกับพวกท่านทั้งสองตอนเป็นคนธรรมดา ข้ารู้สึกดีใจมาก หากว่าข้าบรรลุได้สำเร็จ บางทีในอนาคตพวกเจ้าอาจจะยังได้พบกับข้าที่กลายเป็นเทพสวรรค์แล้ว ถึงเวลานั้น ข้าอาจจะขอเทพหุ่นกลไปช่วยงานของพวกเจ้าที่ป่านอกเมืองก็เป็นได้”

“อืม”

ไป๋ชิวหรานยิ้มให้กับความอ่อนโยนของเขา ก่อนจะพูดให้กำลังใจ

“ขอให้เจ้าทำสำเร็จ!”

“สมพรปากเถอะท่าน!”

ครั้นบอกลาหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าคนนั้น และมองดูเขาเดินไปยังจุดลงสมัครที่ไกลออกไป ไป๋ชิวหรานก็พลันหุบรอยยิ้ม

เขาท้าวคาง ยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิมสักครู่ จากนั้นจึงกวักมือเรียกถังรั่วเวย…

“รั่วเวย ตามข้ามา”

“จะทำอะไร?”

ถังรั่วเวยตามชายหนุ่มไปยังมุมหนึ่งของลานกว้าง

ไป๋ชิวหรานใช้สัมผัสเทวะตรวจสอบรอบด้านสองครั้งก็ไม่พบวัตถุเวทตรวจจับของหุ่นกล เขาจึงยื่นมือไปแหวกมิติ จากนั้นจึงคว้ามือของถังรั่วเวยให้หายตัวเข้าไปในนั้น

ถังรั่วเวยตามเขาเข้าไปจนมาถึงใจกลางของมิติเงา ทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นโลกล้วนกลายเป็นเงาสีดำมืดครึ้ม ๆ น่ากลัวยิ่งนัก

ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถังรั่วเวยมาที่นี่ จึงไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร นางเพียงกอดอกถาม

“ท่านอาจารย์ มีเรื่องอะไรต้องปรึกษากันหรือไม่?”

“พวกเราก็ไปร่วมพิธีบรรลุนั้นด้วย!”

ไป๋ชิวหรานบอก

“พวกเราก็ไปด้วยรึ ท่านอาจารย์ ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีนัก อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ทำให้ท่านอาจารย์อิจฉาด้วย เดาว่าคงจะเป็นเรื่องที่หุ่นกลจับเอามนุษย์ผิวสีฟ้าไปเป็นสมาชิกของพวกมันกระมัง!”

ถังรั่วเวยกล่าวด้วยความสงสัย

“พวกเราไปร่วมงานด้วยร่างจริงเช่นนี้รึ? จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ถูกพวกหุ่นกลบังคับควบคุมจิตอะไรทำนองนี้เล่า… เดี๋ยวก่อนนะ!”

นางนึกถึงท่าทีอิจฉาริษยาของไป๋ชิวหรานในอดีตขึ้นมา จู่ ๆ ก็นึกถึงความเป็นไปได้ประการหนึ่ง

“ท่านอาจารย์คงไม่คิดจะเลิกล้มการฝึกตน แล้ววิ่งไปให้หุ่นกลข่วยติดตั้งคฤหาสน์ม่วงประดิษฐ์กับปฐมวิญญาณประดิษฐ์เพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองว่ามีปฐมวิญญาณกับเขาแล้วกระมัง?”

“เจ้าศิษย์ทรยศพูดเหลวไหลอะไรกัน? อาจารย์เป็นผู้ชายที่เลิกล้มความตั้งใจง่ายถึงเพียงนั้นเลยรึ?”

ไป๋ชิวหรานเคาะกระโหลกถังรั่วเวยอย่างแรง จากนั้นกล่าวเสริมขึ้นว่า

“ถ้าแค่แบ่งร่างไปทดสอบความรู้สึกของผู้ฝึกตนหุ่นกลขั้นแยกวิญญาณ ก็น่าจะได้อยู่!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท