บทที่ 977 ใครแอบรักใคร
ครั้งที่แล้วจู่ๆ ซือเยี่ยหานก็กระอักเลือด เธอถูกซือหมิงหลี่เล่นงาน
ตอนนั้น เซี่ยเจ๋อจือมาหาเธอพร้อมกับหยกแขวนและแหวนที่ซือเยี่ยหานเคยเอาให้เธอดูในห้องใต้หลังคา และต้องการจะพาเธอไปจากที่นี่
หลังจากที่ตกตะลึงเมื่อพบว่าผู้มาเป็นเซี่ยเจ๋อจือ เยี่ยหวันหวั่นย่อมไม่ยอมไปกับเขาอยู่แล้ว
แต่เยี่ยหวันหวั่นเองก็รู้ดี ถ้าหากเธอยืนยันที่จะไม่ไป เพื่อทำให้คำไหว้วานของซือเยี่ยหานสำเร็จ เขาจะต้องใช้ไม้แข็งบังคับเธอแน่
เพราะฉะนั้น…
ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น เธอเลยทำได้เพียงใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเท่านั้น…
อืม ตอนนั้นเธอบอกกับเซี่ยเจ๋อจือว่า ถ้าหากเขากล้าบังคับพาตัวเธอไปจากที่นี่ เกิดซือเยี่ยหานไม่ตาย เธอจะบอกว่าซือเยี่ยหาน…ว่าเซี่ยเจ๋อจือแอบชอบเธอ…แล้วเซี่ยเจ๋อจือก็รอวันนี้มานานแล้ว…วันที่เขาจะพาเธอหนีไป…
ปฏิกิริยาของเซี่ยเจ๋อจือในตอนนั้น…ไม่ต้องบอกก็คงรู้…
ถึงแม้การที่เธอใช้วิธีนั้นจะดูทำเกินไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะเธอไม่มีทางเลือกนี่นา!
หลังจากนั้นความจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็น ว่าวิธีนั้นได้ผลจริงๆ เซี่ยเจ๋อจือตกใจหนีเตลิดไปทันที…
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สนใจเรื่องที่เซี่ยเจ๋อจือพูดเมื่อกี้ คิดแค่ว่าเขาจงใจหยอกเล่น จึงหันไปกินข้าวกับถังถังต่อ
เซี่ยเจ๋อจือยื่นมือไปหยิบเครื่องดื่มตรงหน้า แต่กลับไม่ระวังทำขวดเครื่องดื่มเอียง จนหกเลอะตัวซือเยี่ยหาน
เซี่ยเจ๋อจือทำหน้ารู้สึกผิด “โอ๊ะ ขอโทษที!”
ซือเยี่ยหานเงยหน้า ตวัดสายตาตักเตือนไปที่เซี่ยเจ๋อจือแวบหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้น “ฉันไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”
เซี่ยเจ๋อจือลุกตาม “ฉันไปกับนายเอง”
เยี่ยหวันหวั่นกัดตะเกียบมองสองคนที่เดินไปทางห้องน้ำ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเซี่ยเจ๋อจือตั้งใจล่ะ?
ข้างหน้าต่างซึ่งอยู่สุดทางเดินไปห้องน้ำ
ซือเยี่ยหานมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่เหมือนปีศาจ ด้วยสีหน้าเอือมระอา “มีอะไร?”
เซี่ยเจ๋อจือที่ถูกมองด้วยสายตาเอือมระอาทำหน้าพูดไม่ออก “ต้องเย็นชาขนาดนี้ด้วยเหรอ…เฮ้ย นี่นายคงไม่ได้คิดว่าฉันแอบรักยัยเด็กนั่นจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
สายตาของซือเยี่ยหานเย็นชาลงหลายส่วน
เซี่ยเจ๋อจือ “ถึงแอบรักจริง ก็ต้องเป็นยัยนั่นแอบรักฉันมากกว่าถึงจะฟังขึ้นไม่ใช่หรือไง?”
เอาเถอะ พอพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของใครบางคนก็ยิ่งดูไม่ได้กว่าเดิม…
เซี่ยเจ๋อจือยกมือยอมแพ้ “โอเคๆ ฉันยอมรับว่าเรื่องครั้งที่แล้วฉันจัดการไม่ดีเอง แต่ว่า ฉันทำงานไม่ดีน่ะแค่สามส่วน แต่อีกเจ็ดส่วนที่เหลือเป็นเพราะเด็กหมีบ้านนายดื้อเกินต่างหาก ตอนนั้นถ้านายตายไปก็ดี แต่ถ้านายไม่ตาย แล้วยัยนั่นใส่ร้ายฉันขนาดนั้น ฉันจะยังมีชีวิตรอดไปได้ยังไง? เพราะงั้นฉันก็เลยทำได้แค่รอให้มั่นใจว่านายตายไปแล้วจริงๆ ถึงค่อยกล้าพาเธอไปจากที่นี่ไงเล่า!”
เซี่ยเจ๋อจือพูดด้วยสีหน้าเหมือนตัวเองทำถูกต้องแล้ว
“แล้วตกลงว่าเด็กคนนั้นมาจากไหน? คงไม่ใช่ลูกของพวกนายสองคนจริงๆ หรอกใช่ไหม?” เซี่ยเจ๋อจือเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
ซือเยี่ยหานพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ช่วยคนอื่นเลี้ยงไม่กี่วัน”
เซี่ยเจ๋อจือหัวเราะเบาๆ “สมกับเป็นยัยนั่นจริงๆ…”
ได้ยินมาถึงตรงนี้ สีหน้าของซือเยี่ยหานก็เปลี่ยนไปทันที
เซี่ยเจ๋อจือทำหน้าเหนื่อยหน่าย “นายปิดบังเจ้าโง่หลินเชวียก็แล้วไป แต่นายเห็นฉันไอคิวระดับเดียวกับหมอนั่นหรือไง? บอกตามตรง ตอนแรกฉันก็เกือบโดนนายหลอกแล้ว ไม่เคยคิดสงสัยอะไรเลย จนกระทั่ง…ครั้งนั้นที่ฉันไปรับเธอที่ตระกูลซือ…สไตล์การทำงาน เห็นชัดๆ เลยว่าเป็น…”
คำพูดที่เหลือของเซี่ยเจ๋อจือ ถูกกลืนลงคอไปพร้อมกับสายตาเย็นยะเยือกของซือเยี่ยหาน
เซี่ยเจ๋อจือละคำพูดสุดท้ายไว้ แล้วพูดอย่างมีความนัยแฝง “แน่นอน คนที่ทำให้ฉันมั่นใจไม่ใช่เธอ แต่เป็นนาย”
เขารู้จักซือเยี่ยหานดีเกินไป ฉะนั้นตอนแรกเขาจึงสงสัยเยี่ยหวันหวั่น
————————————————————————————-
บทที่ 978 รสนิยมความงามต่างกันเกินไปแล้ว
พอเซี่ยเจ๋อจือพูดจบ สีหน้าของซือเยี่ยหานก็ยังคงนิ่งสงบ เขาพูดอย่างไม่แยแสว่า “เธอตายไปแล้ว”
พอเห็นเขาไม่ยอมรับ เซี่ยเจ๋อจือก็ทำได้แค่ยักไหล่ และไม่พูดมากอีก
“นี่ๆๆ พวกพี่มาแอบคุยอะไรกันลับหลังผมเนี่ย? เซี่ยเจ๋อจือ ผมดูก็รู้แล้วว่าพี่จงใจลากพี่เก้าออกมา!” หลินเชวียวิ่งเข้ามาอย่างไม่พอใจ “มีความลับสุดยอดอะไรกัน ทำไมต้องปิดบังผมด้วย! ตกลงว่าเด็กนั่นมันยังไงกันแน่?”
เซี่ยเจ๋อจือเหล่มองหลินเชวียแวบหนึ่ง “เสี่ยวเยี่ยจื่อช่วยคนอื่นเขาเลี้ยงช่วงหนึ่ง พี่เก้าของนายเป็นคุณพ่อจำเป็นไปแล้ว”
หลินเชวียทำหน้าเหมือนเจอเรื่องช็อกโลก “ให้ตาย น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว พี่เก้าก็ยอมเธอเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อจือหัวเราะเบาๆ “นายกำลังมีความรัก หรือพี่เก้าของนายกำลังมีความรักกันแน่?”
“รสนิยมความงามของพี่เก้าจะต่างกันเกินไปไหม…” หลินเชวียพึมพำ
ได้ยินหลินเชวียพูดอย่างนั้น นัยน์ตาของซือเยี่ยหานยังคงเรียบนิ่ง
สีหน้าของหลินเชวียดูเหมือนไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจคัดค้านคำพูดของเซี่ยเจ๋อจือได้ เขาพูดด้วยสีหน้าที่ขรึมลง “ใช่สิ สถานการณ์ของอิทธิพลทางฝั่งนั้นแย่ลงเรื่อยๆ แล้ว พี่เก้า พี่จะไม่สนใจจริงเหรอ…”
ตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าดังมาจากอีกด้านของทางเดิน เยี่ยหวันหวั่นมองสามคนนั้นที่จับกลุ่มคุยกันอยู่บนทางเดินอย่างพูดไม่ออก “ทำไมผู้ชายอย่างพวกคุณถึงชอบเข้าห้องน้ำด้วยกันจัง?”
ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าสองคนนี้ต้องกำลังถามเรื่องถังถังอยู่แน่ๆ
แต่ว่า ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นพูด สายตาของเธอมีแววสงสัย เมื่อกี้ทำไมเธอได้ยินพวกเขาพูดคำว่า ‘อิทธิพล’ ล่ะ?
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่?”
ซือเยี่ยหานรีบซุกซ่อนสายตาเย็นชา แล้วสาวเท้าไปหาหญิงสาว “กำลังคุยกันเรื่องบริษัทของเธออยู่”
หลินเชวียเห็นสายตาเย็นชาของเขาก็ตกใจจนคอหดทันที
“หา? บริษัทฉันทำไมเหรอคะ?” เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจ
เซี่ยเจ๋อจือพูดด้วยน้ำเสียงปกติไม่มีพิรุธ “ช่วงนี้ เดาว่าจะมีคนเล่นงานคุณ คุณควรหาคนมาเฝ้าระวังความปลอดภัยที่กองถ่ายสักหน่อย”
ได้ยินเซี่ยเจ๋อจือพูดอย่างนั้น สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นขรึมลงเล็กน้อย จากนั้นก็รับคำทันที “ขอบคุณที่เตือน ฉันทราบแล้วค่ะ”
เธอออกหน้าในวงการบันเทิงเร็วขนาดนี้ ต้องมีคู่แข่งอิจฉาแน่ๆ เรื่องนี้เธอเองก็คาดเดาไว้อยู่แล้ว
เพียงแต่เธอนึกไม่ถึง ว่าจู่ๆ เซี่ยเจ๋อจือจะแสดงความหวังดีกับเธออย่างนี้…
เดาว่าคงเป็นเพราะเห็นแก่ซือเยี่ยหาน…
“ใช่สิ คุณเยี่ย อย่าลืมรับผมไว้พิจารณาด้วยล่ะ” เซี่ยเจ๋อจือยิ้มเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เหอะๆ นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะรับเขาไว้พิจารณาหรือไม่ เซี่ยเจ๋อจือเชียวนะ มีบริษัทไหนบ้างไม่อยากได้ตัว แน่นอนว่าเธอเองก็อยากได้ตัวเขาเหมือนกัน แต่ปัญหาคือบริษัทเล็กๆ ของเธอรองรับเขาไม่ไหวน่ะสิ…
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นถูกเบี่ยงเบนความสนใจ สีหน้าของซือเยี่ยหานก็อ่อนลง เพียงแต่สีหน้าก็ยังคงไม่น่าดูเหมือนเดิม……
ณ คฤหาสน์กุหลาบ
หลังกลับจากกินมื้อค่ำเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็พาถังถังเข้านอน จากนั้นก็มาคุยกับซือเยี่ยหาน
เยี่ยหวันหวั่นถามเขา “คุณมู่จะมาเมืองจีนเมื่อไรคะ?”
ซือเยี่ยหานตอบว่า “มะรืน”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องเตรียมตัวอะไรไหมคะ?”
ซือเยี่ยหานตอบ “ไม่ต้อง”
โธ่ ถามก็เหมือนไม่ได้ถาม…
ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านน่ะ[1]ไม่เคยได้ยินหรือไง!
เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “หือ คุณเป็นอะไรไป? ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกว่าคืนนี้คุณอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยล่ะ? มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
ก็คงมีแค่เยี่ยหวันหวั่นกระมัง ที่จะดูออกว่าซือเยี่ยหานอารมณ์ไม่ดี จากสีหน้าที่ไร้อารมณ์อย่างนั้นของเขา…
ถือเป็นทักษะการเอาตัวรอดที่ไม่ธรรมดาจริงๆ!
……………………………………………………….
[1] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน เป็นสำนวนเปรียบเปรยถึงไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้