ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 532 บุตรชายคนที่สอง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 532 บุตรชายคนที่สอง

บทที่ 532 บุตรชายคนที่สอง

‘เตี่ยนจี้เจ๋อ’ คือนามที่ไป๋ชิวหราน และคนอื่น ๆ มอบให้หุ่นกลเซียนยักษ์นี้ มันเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าครั้งสำคัญของภูมิปัญญาการสร้างของโลกเซียน

ในความเป็นจริงแล้ว ไป๋ชิวหรานต้องการตั้งชื่อมันว่า ‘รากฐาน’ แต่ทุกคนยกเว้นเขารู้สึกว่าไม่ดีนัก ดังนั้นช่างฝีมือทั้งหมดจึงไม่ยินยอมที่จะใช้ชื่อนี้!

หลังจากสร้างหุ่นกลเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานลองแยกความคิดของตนพร้อมเข้าสู่หุ่นกลเพื่อลองควบคุมมัน

ด้วยความสามารถของเขา เขาสามารถควบคุมหุ่นกลนี้ได้ด้วยตนเอง แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักของกลุ่มช่างฝีมือรวมถึงตัวเขาเอง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับร่างจริงของสวรรค์ริษยา

ท้ายที่สุด ไป๋ชิวหรานสามารถสร้างหุ่นกลยักษ์นี้เพื่อเข้าสู่ขั้นปฐมวิญญาณได้ แต่เขาไม่สามารถทำให้มันทะลวงสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน

อย่างไรก็ตาม หากหุ่นกลตัวนี้ถูกเซียนควบคุมในอนาคต อาจจะจำเป็นต้องจัดให้จักรพรรดิเซียนหรือเซียนหลายสิบคนเพื่อสร้างค่ายอาคมขนาดใหญ่ก่อนจะควบคุมมันเข้าสู่สนามรบและสามารถสังหารศัตรูได้

หลังจากได้รับผลงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว ไป๋ชิวหรานอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวันเพื่อช่วยช่างฝีมือออกแบบหุ่นกลจักรพรรดิหลากหลายประเภทสำหรับใช้งานในโลกเซียน

หลังจากเสร็จสิ้นการผลิตเตี่ยนจี้เจ๋อนี้แล้ว ช่างฝีมือต่างได้รับรางวัลมากมาย การทำงานหนักเนิ่นนานนี้ทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าทั้งกายใจ เวลานี้ทั้งหมดกำลังจะกลับสู่โลกเซียน เล่อเจิ้นเทียนพิจารณาวันหยุดยาวให้กับทุกคนเพื่อให้ช่างฝีมือเหล่านี้ได้พักผ่อนหลังจากซึมซับประสบการณ์อย่างหนักมาหลายปี หุ่นกลจักรพรรดิตัวที่สองของโลกเซียนสามารถเริ่มทำงานได้อย่างเป็นทางการแล้ว!

มีบางอย่างเกิดขึ้น ไป๋ชิวหรานยืนอยู่บนไหล่ของเตี่ยนจี้เจ๋อ และนำหุ่นกลเซียนยักษ์นี้ออกสู่ห้วงเวลาที่ถูกเร่ง เขาเข้าสู่เส้นทางเวลาปัจจุบันในความว่างเปล่า และทันทีที่ออกจากโรงหลอมเหล็กสวรรค์ เขาเห็นเรือเหาะลำเล็กจากโลกเซียนจอดอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เขาปรากฏตัวบนแม่น้ำแห่งความว่างเปล่าด้วยท่วงท่าการว่ายน้ำกับหุ่นกลยากจะจินตนาการเผยสู่สายตาทุกคน จักรพรรดิเซียนรีบโค้งคำนับแสดงความยินดีกับเขาทันที

“ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะทำงานเสร็จแล้ว ศิษย์โม่เฉินมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับท่าน”

“โอ้! นี่แหละความสำเร็จของพวกเราทั้งหมด”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของปฐมวิญญาณประดิษฐ์ที่เดือดพล่านในหุ่นกลที่เขากำลังควบคุม ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

“ช่างฝีมือแห่งโลกเซียนและปรโลกนั้นสมควรได้รับคำชื่นชม ตอนนี้พวกเขาเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าแห่งโลกเซียน เช่นเดียวกับโรงหลอมเหล็กสวรรค์นี้ เราต้องส่งกองกำลังอาวุธหนักเพื่อสร้างป้อมปราการคอยปกป้องพวกเขาเอาไว้ เจ้ามาที่นี่เพื่อรับตัวพวกเขากลับไปใช่หรือไม่? เช่นนั้นคอยคุ้มกันเขาให้ดี อย่าให้มีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเด็ดขาด”

“อาจกล่าวได้ว่าศิษย์ผู้นี้มาเพื่อช่วยพี่น้องอาวุโสของช่างฝีมือก็ย่อมได้ อย่างไรแล้วกองทัพเซียนขนาดใหญ่ก็จะตามมาในภายหลังเช่นกัน”

เซียนหงเฉินวางมือลงพร้อมกล่าวตอบ

“ท่านอาจารย์ เหตุผลที่ศิษย์มาที่นี่ก่อนเวลาก็เพื่อมาพบเจอท่าน”

“หืม? มาพบข้า?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“ท่านอาจารย์ซู ภรรยาที่สองของท่านอาจารย์ถูกส่งสู่ห้องคลอดแล้วขอรับ”

เซียนหงเฉินยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา

“บุตรชายของท่านกำลังจะคลอด… แต่ภรรยาที่สองของท่านยังคงอั้นไว้ นางไม่ยินยอมโดยบอกว่าจะรอให้บิดาของเด็กกลับมาก่อน นางจึงจะยอมให้เขาเกิด”

“บ้าจริง! ข้าลืมไปเสียสนิท!”

ไป๋ชิวหรานตบหน้าผาก

เหตุผลที่เขาสร้างกำแพงเวลาศักดิ์สิทธิ์ใกล้กับโรงหลอมเหล็กสวรรค์และปรับการไหลของเวลาโดยรอบเพราะเขาคิดว่าบุตรชายในครรภ์ของซูเซียงเสวี่ยใกล้จะคลอดเต็มที

นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีแล้ว ไป๋ชิวหรานหมกมุ่นอยู่กับความสุขในการสร้างหุ่นกลปฐมวิญญาณจนเกือบจะลืมเลือนบุตรชายของตน

“ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้”

เขาเร่งความเร็วของหุ่นกลเซียนยักษ์ทันที

“โม่เฉิน ข้าฝากเรื่องนี้กับเจ้าด้วย เมื่อเสร็จสิ้นแล้วอย่าลืมเรียกหาเจิ้นเทียนและศิษย์ไร้ประโยชน์ของข้ามาที่บ้านเพื่อร่วมงานเลี้ยงแต่งงานด้วย”

“ศิษย์ทราบแล้ว”

เซียนหงเฉินโค้งคำนับก่อนจะเฝ้ามองหุ่นกลเซียนยักษ์ว่ายหายไปในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่าด้วยท่วงท่าผีเสื้อ…

ในลานเล็ก ๆ ของสำนักเหอฮวนของเก้าทวีปมหาสิบแผ่นดิน ไป๋ชิวหรานวิ่งเข้ามาในลานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ข้ากลับมาแล้ว!”

ก่อนที่จะมองได้ชัดว่าใครเป็นผู้มาเยือน ไป๋ชิวหรานเปิดประตูพร้อมตะโกนลั่น

“เซียงเสวี่ยอยู่ที่ใด?”

จากนั้นเขาก็เห็นชัดเจนว่าใครอยู่ในลานบ้าง ทั้งเจียงหลาน หลีจิ่นเหยา ถังรั่วเวย โหยวเหมยเฉียวผู้นำสำนักเหอฮวนในปัจจุบัน และยังมีอาวุโสจี้หลิงอวิ๋นผู้นำสำนักอสูรสวรรค์ และเจวี๋ยอวิ๋นจื่อจากสำนักกระบี่ชิงหมิงซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรผู้ฝึกตน

แม้แต่คนของสำนักกระบี่ชิงหมิงและผู้อาวุโสที่อยู่ในอาณาจักรเซียนกลางห่างไกลก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็พาไป๋ซวี่เซียงมาด้วย

“หึ เจ้ามัวแต่เล่นสนุกอะไรอยู่?”

เมื่อเห็นใบหน้าของไป๋ชิวหราน เจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงกล่าวตำหนิพร้อมมือไพล่หลัง

“เจ้าไม่ทราบเวลากลับบ้านหรือไร!? ภรรยาเจ้ากำลังจะคลอด เจ้าไปมุดศีรษะอยู่ที่ใด!”

เจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงเป็นบุคคลเดียวในโลกที่กล้าตำหนิไป๋ชิวหราน เมื่อได้รับชมภาพเช่นนี้ บุคคลที่เคยถูกไป๋ชิวหรานรังแกทั้งหมดก็เผยรอยยิ้ม พวกเขายินดีนักที่เจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงกล่าวตำหนิบุรุษผู้นี้

เจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงหยิบคัมภีร์ไร้ชื่อออกจากแขนเสื้อ มันถูกห่อไว้ด้วยปกสีน้ำเงิน ไป๋ชิวหรานทราบดีว่ามันคืออะไร เพราะชายผู้นี้มักจะมีคัมภีร์เล่มเล็กสำหรับจดความผิดของผู้อื่น และใช้มันเป็นเครื่องย้ำเตือนใจว่า… สุภาพบุรุษ สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย!

อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานไม่รู้ว่าชายผู้นี้กล้าหาญจะเขียนนามของเขาลงในสมุด เขามองทุกสิ่งและเก็บไว้ในใจก่อนจะเดินตรงเข้าหาเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงอย่างใจเย็น

ไป๋ชิวหรานไม่ใช่บุคคลของสำนักอสูร เขาย่อมเคารพอาจารย์ของตน ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิและคำถามของเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิง เขาจึงตอบกลับอย่างสัตย์ซื่อ

“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ข้าช่วยโลกเซียนในการสร้างเรื่องยิ่งใหญ่”

“เรื่องยิ่งใหญ่?” เจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงกล่าวต่อ “แล้วมันยิ่งใหญ่เพียงใด?”

“มันยิ่งใหญ่มาก นับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญ”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น

สีหน้าของเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงอ่อนลงเล็กน้อย หลิวซือก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับชี้ไปยังห้องส่วนตัวของซูเซียงเสวี่ยแล้วกล่าวว่า

“รีบเข้าไปเถิด เซียงเสวี่ยและหมอทำคลอดอยู่ด้านในนั้น”

“ขอบคุณท่านอาจารย์แล้ว”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้า ก่อนจะเดินไปหาหลีจิ่นเหยา และคนอื่น ๆ เขากล่าวสองสามคำกับนางและเจียงหลาน ก่อนจะลูบศีรษะบุตรสาวและเดินตรงเข้าสู่ห้องของซูเซียงเสวี่ย

ไป๋ซวี่เซียงอยากรู้อยากเห็นและต้องการวิ่งตามบิดาของตนไป แต่เจียงหลานคว้านางเอาไว้พร้อมกอดรัดแน่นหนา

โดยปกติแล้ว บิดามารดามักจะต้องตามเช็ดก้นเด็กสาวผู้ซุกซนนี้เสมอ แต่ในเวลานี้หากไป๋ซวี่เซียงก่อปัญหา น้องชายที่เพิ่งเกิดอาจจะได้ตายตั้งแต่เกิด

เด็กหญิงฉลาดไม่น้อย นางทราบดีว่านางไม่ควรสร้างปัญหา จึงอยู่ในอ้อมแขนของมารดาอย่างสงบ โดยมีเพียงดวงตากลมโตคู่นั้นที่หันไปมาเป็นครั้งคราว

ไม่นานหลังจากไป๋ชิวหรานเข้าไปในห้อง พลังงานไร้ลักษณ์ประหลาดก็พลันปรากฏขึ้น!

ก่อนจะมีเสียงทารกร้องลั่นดังออกมาจากในห้องคลอด…

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท