บทที่ 536 เรือไม้ลำเล็กในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
บทที่ 536 เรือไม้ลำเล็กในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิ่งต่าง ๆ ล้วนเปลี่ยนแปลง ดวงดารานั้นเคลื่อนย้าย วันเดือนปีที่ผ่านไปเป็นเพียงเรื่องราวในขณะหนึ่ง
หลายปีผ่านไปในพริบตา แต่สำหรับไป๋ชิวหรานและครอบครัวของเขา ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
แตกต่างจากงไป๋โม่เสวี่ยผู้เกิดในราชวงศ์อสูร เขาเติบโตอย่างรวดเร็วจนแทบจะเหมือนเด็กชายเผ่ามนุษย์
เพียงไม่กี่ปี เจ้าก้อนแป้งก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากทารกที่ร้องไห้ขดตัวอยู่ในผ้าห่อตัว กลายเป็นเด็กชายอสูรตัวน้อยผมสีขาวหน้าตาน่ารักน่าชัง
สำหรับเขาแล้ว หลังจากเลี้ยงดูบุตรสาวที่มีพัฒนาการช้าอย่างไป๋ซวี่เซียง ทั้งไป๋ชิวหรานและเหล่ามารดาทั้งหลายในครอบครัวต่างก็รู้สึกราวกับฝัน!
อัตราการเติบโตของไป๋โม่เสวี่ยช้ากว่ามนุษย์ทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทำให้ซูเซียงเสวี่ยและคนอื่น ๆ กังวลว่าเด็กคนนี้อาจจะเติบโตเร็วเกินไปจนอ่อนแอเหมือนมนุษย์
อย่างไรก็ตาม… สิ่งที่พวกเขากังวลก็ไม่ได้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วไป๋โม่เสวี่ยก็เติบโตอย่างแข็งแรง และพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่เขาสืบทอดจากสายเลือดจักรพรรดิอสูรก็ค่อย ๆ แสดงออกมา
ล่องเมฆาห่มพิรุณ บัญชาวายุอสนี แปรเปลี่ยนมังกรทะยานฟ้า อำนาจจักรพรรดิปีศาจ และยังมีความสามารถอื่น ๆ ไป๋โม่เสวี่ยแข็งแกร่งกว่าซูเซียงเสวี่ย รวมถีงลุงกับปู่ของเขามาก
ตอนนี้ไป๋ชิวหรานเริ่มสอนให้เด็กคนนี้ฝึกฝน และไป๋โม่เสวี่ยก็ฉลาดมาก เขาพัฒนารวดเร็วเกือบจะเทียบเท่าพี่สาวแล้ว ซึ่งเวลานี้ เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานอย่างรวดเร็วภายใต้แววตาที่หดหู่ของผู้เป็นบิดา!
สิ่งเดียวที่ทำให้ไป๋ชิวหรานไม่พอใจคือเด็กผู้นี้สามารถสร้างรากฐานได้… อ่า นี่มันไม่ถูกต้อง ไป๋โม่เสวี่ยที่แข็งแกร่งเก่งกาจเกินวัยของเขา
ไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะเด็กชายถูกไป๋ซวี่เซียงกลั่นแกล้งบ่อยครั้งหรือไม่ บุคลิกของไป๋โม่เสวี่ยนั้นติ๋มหงิมเงียบงันยิ่งนัก และที่แย่ที่สุดก็คือความขี้ขลาดของเด็กชาย โชคดีที่ตอนนี้เขายังเยาว์ซึ่งยังพอมีเวลาแก้ไข ไป๋ชิวหรานและซูเซียงเสวี่ยจึงร่วมมือกันและพยายามหาทางเปลี่ยนแปลงบุคลิกของเด็กชายผู้นี้ อย่างน้อย… ก็เพียงแค่ให้ทุกสิ่งอย่างเดินอยู่บนทางสายกลางก็พอ
…
อีกด้านหนึ่งของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ภายในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่าซึ่งห่างไกลจากอาณาเขตของราชสำนักหุ่นกลในอดีต ตอนนี้เป็นสถานที่ของชาวนครสรวงสวรรค์ในฟองอากาศ ตอนนั้นเอง …เทพเจ้ายักษ์พลันโผล่ออกจากกระแสพลังงานที่ปั่นป่วนของแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
เขาแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำนั้น บนศีรษะนั้นใหญ่เทียบเท่ากับประเทศหนึ่ง อีกทั้งยังมีครอบครัวหนึ่งนั่งอยู่บนนั้นและกำลังจัดโต๊ะเก้าอี้อย่างเรียบง่าย มีของว่างวางอยู่บนโต๊ะ พลางจิบชาและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ระหว่างแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
และยังมีเด็กสองคนวิ่งเล่นอยู่ใกล้เคียง ช่างเป็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา
นั่นคือไป๋ชิวหรานพร้อมกับครอบครัวของเขานั่นเอง เมื่อคิดว่าเวลานี้ไม่มีอะไรทำ และไป๋ซวี่เซียงก็อยู่ในช่วงวันหยุด ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงพาพวกเขาออกมารับลมโดยใช้ ‘เตี่ยนจี้เจ๋อ’ เป็นเรือและให้ครอบครัวนั่งชมทิวทัศน์ของแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า
เหตุผลที่เขาเลือกแม่น้ำว่างเปล่าสำหรับการท่องเที่ยว สาเหตุหนึ่งก็คือหลังจากที่ไป๋ชิวหรานสร้างเตี่ยนจี้เจ๋อเสร็จสิ้น การสืบเชื้อสายจากดินแดนถัดไปของปรโลกได้มาถึงขั้นตอนสำคัญ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า เขาจึงต้องการเก็บข้อมูลเล็กน้อย ประการที่สอง หากได้รับชมทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่นี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กทั้งสองคนอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าสำหรับเด็กที่ไร้เดียงสาทั้งสองคนนี้ หลังจากที่ตกตะลึงในคราวแรกที่ได้มอง พวกเขาก็กำลังเล่นกันสนุกสนาน จนมันกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปเสียแล้ว
สำหรับรูปร่างของเตี่ยนจี้เจ๋อ หุ่นจักรกลเซียนนั้นเต็มไปด้วยช่องหลุมลึก แน่นอนว่าไป๋ซวี่เซียงผู้ซุกซนนักได้บังคับน้องชายของตนออกไปสำรวจช่องหลุมตรงหน้า พวกเขาวิ่งขึ้นและลง พร้อมสวมบทบาทของนักสำรวจ
ไป๋ชิวหรานใช้สัมผัสเทวะเพื่อตรวจสอบพวกเขาตลอดเวลา เวลานี้ทั้งสองได้รับอนุญาตให้วิ่งเล่นได้ ซึ่งการได้วิ่งเล่นกับไป๋ซวี่เซียงทำให้ไป๋โม่เสวี่ยร่าเริงมากขึ้น จนกระทั่งถังรั่วเวยรีบติดตามพวกเขาไปเพราะต้องการสนุกสนานร่วมกัน
ตัวเขาเองอยู่กับเจียงหลานและคนอื่น ๆ ซึ่งในสัมผัสเทวะของไป๋ชิวหราน เด็กชายตัวน้อยสองคนนี้เกือบจะแตะขอบศีรษะของหุ่นเซียนยักษ์แล้ว
“สตรีผู้นี้วิ่งได้เรื่อย ๆ จริง ๆ”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะและกล่าวกับเจียงหลาน
ศีรษะของหุ่นจักรกลจักรพรรดินี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และด้วยการฝึกฝนในปัจจุบันของไป๋โม่เสวี่ยมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทะยานขึ้นไปสู่จุดนั้น แต่เป็นเพราะพี่สาวของเด็กชายเก่งกาจและใช้การจัดการมิติเปิดช่องว่าง เพื่อพาเขาไปที่นั่น
ไป๋ชิวหรานกำลังพูดคุยกับเจียงหลานและคนอื่น ๆ เกี่ยวกับประวัติการฝึกฝนของครอบครัว ในขณะที่กำลังพูดคุยนั้น เวลานี้ไป๋ซวี่เซียงและไป๋โม่เสวี่ยก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
ทันใดนั้นพลันเกิดรอยแยกขึ้นในอากาศ ไป๋ซวี่เซียงดึงมือไป๋โม่เสวี่ยร่วงหล่นลงมาจากรอยแตกของมิติ!
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋ชิวหรานกอดบุตรสาวและบุตรชายเอาไว้แล้วกล่าวถาม
“เมื่อครู่ ข้ากับโม่เสวี่ยเห็นคนกำลังพายเรืออยู่ในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า!”
ไป๋ซวี่เซียงชี้ไปตามทิศทางนั้นแล้วบอกเล่าต่อไป
“นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีคนอื่น ๆ สามารถพายเรือในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่าได้!”
“พายหรือ?”
ไป๋ชิวหราน ภรรยาของเขาและศิษย์หันมองหน้ากัน สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากสวนนครสรวงสวรรค์ในฟองอากาศ และแม่น้ำแห่งความว่างเปล่านี้เต็มไปด้วยกระแสพลังงานผันผวน ซึ่งมันมากล้นยิ่งกว่าทางต้นน้ำเสียอีก มันยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทรและเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบอารยธรรมระดับสูงที่สามารถเดินทางผ่านแม่น้ำแห่งความว่างเปล่านี้ได้
“มันไม่ใช่อย่างที่ท่านพ่อกำลังคิด!”
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นบิดา ดูเหมือนนางจะทราบว่าไป๋ชิวหรานคิดสิ่งใด ดังนั้นนางจึงรีบกล่าวอธิบาย
“มีคนกำลังพายเรือในแม่น้ำ เขากำลังพายเรือ ไม่ใช่แล่นเรือเหาะ!”
“ท่านพ่อ”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนกล่าวไม่รู้เรื่องแล้ว ไป๋โม่เสวี่ยจึงกล่าวออกมา
“ชายผู้นั้นนั่งบนเรือไม้ลำเล็ก แล้วพายเรือในแม่น้ำแห่งความว่างเปล่า!”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
ไป๋ชิวหรานหลับตาลง จิตใจของเขาเข้าควบคุมหุ่นกลเซียนยักษ์ และขณะเงยศีรษะขึ้น เขาก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ในระยะหลายลี้ในรัศมีโดยรอบ
จากนั้น ชายหนุ่มก็มองเห็นจริง ๆ ว่าบนพื้นผิวของแม่น้ำแห่งความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด บัดนี้มีเรือไม้ลำเล็กลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนคลื่นและมุ่งหน้ามาทางนี้!
“โอ้ เป็นเรื่องจริงเสียด้วย?”
ไป๋ชิวหรานเล่าให้ครอบครัวฟังถึงสิ่งที่เขาเห็น ทุกคนรวมถึงเจียงหลานรู้สึกตื่นเต้นและสนใจยิ่ง
“ไปดูกันเถอะ”
เจียงหลานกระตุ้น
“อาวุโสชิวหราน พาพวกเราไปดูว่าชายผู้นั้นเป็นใคร”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานยืนขึ้นพร้อมโบกมือ พื้นที่พลันแปรเปลี่ยนกระทันหัน และทุกคนก็ปรากฏตัวที่ขอบของศีรษะหุ่นกลเซียนยักษ์ ซึ่งทำให้มองเห็นได้ในระยะไกล
จากสายตาของพวกเขาในเวลานี้ เรือลำเล็กกำลังแกว่งไกวไปมาในเกลียวคลื่น และกำลังเคลื่อนตัวมาทางนี้