ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 546 ข้าแค่มาเที่ยว

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 546 ข้าแค่มาเที่ยว

บทที่ 546 ข้าแค่มาเที่ยว

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยข้าก็สามารถไปในที่ที่ข้าต้องการได้อย่างอิสระ”

แสงสีเขียวจางในแววตาของหุ่นกลปรากฏ จากนั้นหน้ากากจึงเปิดออก หน้าภายในของมันว่างเปล่าก่อนจะมีเพียงหัวกะโหลกเผยเปลวไฟวิญญาณสีเขียวเปล่งประกายจากเบ้าตา

มันมองเจียงหลานและหลีจิ่นเหยาว่า

“แล้วสตรีอีกสองคนในครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ใด?”

“เซียงเสวี่ยดูแลเด็กอยู่ที่บ้าน นางกังวลว่าหากปล่อยให้โม่เสวี่ยอยู่ใกล้ชิดกับรั่วเวยมากเกินไปจะ… อ่า สตรีผู้นั้นไร้ความสามารถ ข้าจึงส่งนางเข้าเรียนที่สถาบันแห่งแดนเซียนและบังคับให้นางเข้าเรียนแล้ว”

ไป๋ชิวหรานตอบกลับพร้อมเย้ยหยันในเวลาเดียวกัน

“ฮึ่ม… คิดว่าตนเองสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของชีวิตแล้วหรือ?”

ทั้งหมดนี้เพราะเจ้าไม่มีความสุขที่เห็นว่าศิษย์ของตนแข็งแกร่งว่า… และเวลานี้เจ้ากำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ เพื่อตอบโต้นาง?

จื้อเซียนลอบมองเขาอย่างเงียบ ๆ

ชายผู้นี้ไม่ต่างจากขยะ

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นอยู่ภายในใจและไม่คิดเอ่ยมันออกมา

“บอกกล่าวกับข้า”

ไป๋ชิวหรานหันไปหาเซียนหงเฉินและจื้อเซียน

“เจ้าสองคนขุดซากปรักหักพังไปตั้งมากมาย ยังไม่พบอีกงั้นหรือว่าสิ่งใดทำลายอารยธรรมของโลกวัตถุใบนี้? มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”

“ข้าไม่แน่ใจนัก เพราะภาพจิตรกรรมบนผนังทั้งหมดที่เหลืออยู่นั้น ล้วนแต่ใช้ทักษะที่เกินการคาดเดา”

จื้อเซียนส่ายหน้าพร้อมกล่าวเสริม

“แต่สิ่งที่เราสามารถยืนยันได้ก็คือภัยคุกคามขนาดใหญ่ที่ทำลายอารยธรรมแห่งนี้ก็คือ พวกมันสามารถกลืนโลกวัตถุได้ทั้งใบ จากมุมมองนี้พวกมันไม่ต่างอะไรจากแมลงเลย”

“ข้าไปพบกับมหาเทพหุ่นกลเพื่อรับชมการทดลองของแมลงห้วงความว่างเปล่า”

ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ

“อาจกล่าวได้ว่าโชคดีที่แมลงเหล่านี้มาจากด้านล่างของสายธารแห่งความว่างเปล่า และพวกมันจะผ่านเขตแดนของชาวนครสรวงสวรรค์ก่อน ตราบใดที่เราสามารถต้านทานการรุกรานของแมลงพวกนั้นภายใต้การใช้โลกวัตถุของนครสรวงสวรรค์เป็นกันชน อาณาเขตแห่งแดนเซียนย่อมไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง”

“แต่นครสรวงสวรรค์ไม่อาจช่วยเหลือพวกเราได้อย่างแท้จริง”

เซียนหงเฉินส่ายหน้า

“แม้พี่ชายรองจะยืนยันว่ากองกำลังทั้งสามของเซียน ปีศาจ และหุ่นกลจะถูกส่งไปช่วยนครสรวงสวรรค์เพื่อป้องกันแนวหน้า แต่ก็ยากจะบอกว่าสามารถต้านทานไว้ได้หรือไม่ มันมีโอกาสมากที่ชาวนครสรวงสวรรค์จะกลับสู่การปกครองที่ล่มสลายกลายเป็นคนพเนจรอีกครั้ง”

“นั่นไม่ใช่ปัญหาของเรา ใครปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น? ในคราวแรกมหาเทพหุ่นกลอยู่ที่นั่น พวกเขาน่าสังเวชยิ่งกว่านี้ด้วยซ้ำ”

ไป๋ชิวหรานยักไหล่พร้อมกล่าวต่อ

“เรื่องเหล่านี้อย่างไรแล้วก็ไม่น่าสนใจ ข้าคิดว่าเหล่าตัวอันตรายพวกนั้นจะต้องถูกกำจัดทิ้งให้สูญสลายหายไปจากความว่างเปล่า”

เขานึกถึงแมลงสีทองในห้องทดลองซึ่งกลืนกินหุ่นกลก่อนจะพัฒนาให้ร่างกายตนเองมีคฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์และครอบครองปฐมวิญญาณ… ก่อนจะกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า

“พวกมันต้องตาย!”

จื้อเซียนมองเจียงหลานและหลีจิ่นเหยา ทั้งสองเพียงแค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“มันคงไม่สายเกินไปสำหรับเรื่องนั้น รีบออกเดินทางกันเถิด”

จื้อเซียนเริ่มเตรียมตัว

“ลึกเข้าไปในดินแดนหลังสายธารแห่งความว่างเปล่า จงตรวจสอบระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตนั้น”

“ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่”

ไป๋ชิวหรานหันไปกล่าวกับเซียนหงเฉิน

“วัตถุโบราณที่อารยธรรมนี้ทิ้งไว้ต้องศึกษาให้ชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด และอะไรคือสาเหตุที่บังคับให้พวกเขาต้องสร้างเขตแดนจิตสำนึก อีกทั้งยังต้องใช้เกราะกั้นเขตแดนจิตสำนึกเพื่อปิดผนึกจากภายใน ปัจจัยที่ทำให้เกิดการล่มสลายของอารยธรรม… อ่า ถ้าแมลงพวกนั้นไม่ใช่ อย่างไรเราก็ยังต้องระวังและเตรียมตัว”

หลังจากกล่าวจบ ไป๋ชิวหรานตรงขึ้นเรือพร้อมกับจื้อเซียน ก่อนจะผ่านรอยแยกของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ผ่านประตูนครสรวงสวรรค์และมาหยุดอยู่ในอาณาเขตของนครสรวงสวรรค์

ไป๋ชิวหรานไม่ได้คิดจะมาหาชาวนครสรวงสวรรค์ในคราวนี้ เขากรอกเอกสารต่าง ๆ เพื่อยืนยันตัวให้กับตนเอง เจียงหลาน และหลีจิ่นเหยาเพื่อเดินทางไปยังชายแดนของอาณาเขตนครสรวงสวรรค์ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปยังชายแดน หุ่นกลจักรพรรดิหยุดอยู่ที่นั่นเพื่อรอพบเจอเขา

ในสวนนครสรวงสวรรค์ คนเดียวที่สามารถจัดการควบคุมหุ่นกลจักรพรรดินี้ได้คือผู้นำคนปัจจุบันของนครสรวงสวรรค์ ซึ่งคือหงหลิง

ดังนั้นเมื่อเขาเห็นหุ่นกลจักรพรรดิจากระยะไกล ไป๋ชิวหรานจึงลดความเร็วของเรือและหยุดลงตรงหน้าหุ่นกลนี้อย่างช้า ๆ เวลานั้นหุ่นกลก้มหน้าลงเล็กน้อย ชั่วเวลาถัดมา หงหลิงพลันปรากฏขึ้นในห้อง

คราวนี้หงหลิงจำแสลงตนเป็นร่างสตรีเพื่อเป็นตัวแทนของเผ่า

“เคารพบรรพชนกระบี่และสุภาพสตรีทั้งสอง ยินดีที่ได้พบ”

ภาพจำแลงขอหงหลิงยังคงวนเวียนอยู่กับไป๋ชิวหราน เจียงหลาน และหลีจิ่นเหยา สุดท้ายนางกวาดตาผ่านจื้อเซียนที่อยู่ภายในร่างของหุ่นกลระดับทั่วไป

มันคิดว่าจื้อเซียนเป็นเพียงหุ่นกลของมหาเทพหุ่นกลที่ถูกส่งมาเพื่อขับเรือเหาะ ท้ายที่สุดทุกคนก็ทราบดีว่ามหาเทพหุ่นกลองค์ใหม่คือม้าผู้สัตย์ซื่อของบรรพชนกระบี่

“แล้วเหตุใดคราวนี้เจ้าจึงเป็นสตรีล่ะ?”

ทั้งไป๋ชิวหรานและเจียงหลานไม่ได้สนใจกับการปรากฏตัวของหงหลิงมากนนัก แต่แม่มดน้อยจับจ้องสิ่งที่กำลังชี้ใบหน้าและเชิ่ดคอขึ้นสูงอย่างดุดัน

“เจ้าคิดใช้วิธีนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมอาวุโสชิวหรานของครอบครัวเราหรือ?”

“ท่านผู้หญิง ข้ามิได้มีความปรารถนาเช่นนั้น และข้าก็จะไม่มีวันคิดเช่นนั้นด้วย”

หงหลิงถึงกับกล่าวไม่ออกเล็กน้อย

“รูปร่างหน้าตาของพวกข้าถูกสุ่มเลือกจากกลุ่มเผ่าพันธุ์ชุดสุดท้ายของเรา แต่คราวนี้บังเอิญได้เป็นสตรีคนหนึ่ง นี่คือผู้รอดชีวิตคนที่สามร้อยเจ็ดสิบ”

ไป๋ชิวหรานเคาะหน้าของหลีจิ่นเหยาเบา ๆ ก่อนจะกล่าวถาม

“แล้ววันนี้เจ้ามีสิ่งใดหรือ? มารอพวกข้า?”

“โอ้ บรรพชนกระบี่เพียงพาภรรยาของท่านมาท่องเที่ยว พวกท่านต้องการไปท่องโลกวัตถุทางชายแดน… แล้วท่านอยากทราบหรือไม่ว่าแมลงพวกนั้นอยู่ที่ใด?”

หงหลิงกล่าว

“หืม ข้าต้องทราบ?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างไม่รู้ไม่เห็น

“หลานเอ๋อ จินเหยา พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องแมลงมาก่อนหรือไม่?”

เจียงหลานเงยหน้าขึ้นส่ายหน้าไม่ได้กล่าวตอบใด ในขณะที่หลีจิ่นเหยาทำตามที่เขากล่าวพร้อมเอ่ยปากตอบ

“มีแมลงอยู่ในครัวเรามากมาย พวกมันทั้งหมดคือปีศาจชั่วร้ายชอบขโมยน้ำมันของข้า น่ารำคาญนัก! คราวนี้ข้าจะต้องหาวิธีทำความสะอาดและกำจัดแมลงพวกนี้ให้สิ้นซาก”

“ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก พวกเราทุกคนทราบดี”

ร่างจำแลงของหงหลิงเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“ถึงแม้ท่านจะไม่ทราบจริง ๆ แต่ข้าคงต้องบอกว่า… โลกวัตถุชายแดนที่ข้าเพิ่งไปเตือนถึงอันตราย พวกเขาขาดการติดต่อโดยสมบูรณ์เมื่อสามวันที่แล้ว”

“หืม?”

ไป๋ชิวหรานตกตะลึง

“คนเหล่านั้นคือเผ่าพันธุ์ที่เป็นอิสระ?”

สิ่งที่เขากล่าวนั้นหยาบคาย และหงหลิงกลั้นความโกรธในใจอยู่นานก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น

“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอิสระ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับกฏแห่งนครสรวงสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ หลายสิ่งที่พวกเขาต้องการใช้สำหรับดำรงชีวิต พวกเขาไม่อาจสร้างมันขึ้นได้ จึงต้องพึ่งพาพวกเรา และสามวันที่แล้วพวกเขาขาดการติดต่อกับเราโดยสมบูรณ์ ซึ่งสามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวคือเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นบนโลกวัตถุใบนั้น… เป็นไปได้สูงว่าอารยธรรมแห่งโลกวัตถุนั้นถูกทำลายสิ้นแล้ว”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท