ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 548 ตามหารัง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 548 ตามหารัง…

บทที่ 548 ตามหารัง…

เขาเข้าสู่โลกวัตถุใบหนึ่งเต็มไปด้วยป่าทึบ ทั้งในเวลานี้ท้องฟ้าพลันมืดครึ้ม

บรรยากาศบนท้องฟ้าคล้ายจะถูกปนเปื้อนด้วยบางอย่างก่อเกิดสีเหลืองสลัวและสายฟ้าสีแดงนับไม่ถ้วนกำลังแล่นแปลบปลาบราวกับมีคนเริงระบำอยู่ภายในก้อนเมฆ ในขณะที่เสียงท้องฟ้าคำรามกึกก้องต่อเนื่อง

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ไม่ไกลนักบนท้องฟ้า มีสัตว์ประหลาดบินได้นับไม่ถ้วนกำลังส่งเสียงร้องพร้อมกระพือปีกบินด้วยความสิ้นหวัง ไม่ว่าพวกมันจะบินไปที่ใด ก็จะมีกลุ่มเมฆาสีดำมืดมิดบินตามไปอย่างใกล้ชิด!

หากเพ่งมองกลุ่มเมฆาสีดำทั้งหมด… แท้จริงแล้วมันคือกลุ่มแมลงยักษ์ที่บินอยู่ในอากาศ มันถูกปกคลุมด้วยเปลือกแข็งสีดำขลับ ทั้งยังมีพลังแห่งยันต์ที่ดูแปลกประหลาดเปล่งประกายออกมา ซึ่งรูปร่างของมันค่อนข้างแตกต่างจากแมลงทั่วไป

แมลงเหล่านั้นมีเขาโค้งบนศีรษะ และปีกที่กระพือด้านหลังไม่ใช่ปีกแมลงที่โปร่งใสแต่อย่างใด แต่มันคือปีกเนื้อขนาดใหญ่ ที่มีหนังหุ้มปีกคล้ายกับปีกของค้างคาวหรือมังกร

แมลงกลุ่มนี้ขนาดใหญ่มาก และตัวที่เล็กที่สุดมีความยาวถึงหกจั้ง! พวกมันดูไม่เหมือนกับแมลง …แต่เป็นปีศาจบินได้เสียมากกว่า

แต่ในเวลานี้แมลงบินติดตามกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่กำลังพยายามหลบหนี เขาแหลมคมบนศีรษะของมันเปล่งประกายปลดปล่อยสายฟ้าสีแดงระเบิดกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลบหนีอยู่ด้านหน้า

บนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองของโลกวัตถุใบนี้ถูกเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายจึงร่วงหล่นสู่พื้นดิน

สถานการณ์บนพื้นดินยิ่งเลวร้ายกว่า ไม่ไกลนัก แมลงยักษ์สีดำนับไม่ถ้วนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นราวกับพรมขนาดใหญ่ปกคลุมแผ่นดิน พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกระแสน้ำป่าถาโถม ป่าทึบทั้งหมดถูกแมลงเหล่านั้นทำลายและกลืนกิน

ภายใต้การกวาดล้างของฝูงแมลงสีดำนี้ ป่าทึบทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และสิ่งมีชีวิตที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็ถูกพวกมันกลืนกินด้วยเช่นกัน ทุกสิ่งเลือนหายไปในพริบตาเมื่อแมลงฝูงใหญ่นี้ผ่านไป

เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานเปิดใช้งานการล่องหนของเรือเหาะทันที ในขณะเดียวกันก็เปิดวัตถุเวทบันทึกภาพเพื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้ค้นคว้าภายหลัง

“ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตะกละตะกลามและน่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้”

จื้อเซียนนั่งอยู่ข้างแผ่นแสงแสดงผล ก่อนจะมองฝูงแมลงบนท้องฟ้าและพื้นดินแล้วถอนหายใจ

“มันเกือบจะเหมือนกับสิ่งที่พิเศษกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว”

“มันยังอยู่ในตระกูลแมลงจริงรึ?” หลีจิ่นเหยามองฉากตรงหน้าก่อนจะถามว่า “ไม่ว่าจะมองทางใด อารยธรรมของโลกวัตถุใบนี้ย่อมตกอยู่ในอันตรายทั้งสิ้น!”

“ไม่ใช่พบเจอความโชคร้ายหรอก แต่ทุกสิ่งพังทลายสิ้นแล้ว” ไป๋ชิวหรานชี้ไปที่สิ่งตรงหน้าก่อนจะกล่าวต่อ

“ดูนั่น! แมลงพวกนั้นมีสัญลักษณ์บนร่างกาย! ทั้งหมดนั้นคือพลังแห่งยันต์! มันคือสิ่งที่ชาวนครสรวงสวรรค์ทิ้งไว้เพื่อให้อารยธรรมในโลกวัตถุชายแดนที่พวกเขาไม่อาจควบคุมได้มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง และแมลงขนาดใหญ่ที่บินได้ หรือวิธีที่มันปลดปล่อยสายฟ้าเพื่อโจมตีศัตรู ทั้งหมดล้วนแต่ผ่านพลังแห่งยันต์… อารยธรรมบนโลกวัตถุใบนี้ถูกพวกมันกลืนกินและย่อยจนหมดสิ้นแล้ว!”

“ข้าแทบรอที่จะได้ศึกษาพวกมันไม่ไหวแล้ว!”

จื้อเซียนถูมือไปมาพร้อมกล่าวว่า

“แล้วจะทำสิ่งใดต่อกับเรื่องทั้งหมดนี้ เจ้าเป็นผู้สั่งการ”

ไป๋ชิวหรานพูดคุยกับเจียงหลาน หลีจิ่นเหยาและจื้อเซียน

“เจ้าเป็นนักค้นคว้ามืออาชีพ และพวกเราสามคน… ไม่มีประสบการณ์ในการค้นคว้าสิ่งมีชีวิต”

“งั้นไม่มีปัญหา!”

แน่นอนว่าจื้อเซียนไม่ปฏิเสธคำขอนั้น เป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสออกคำสั่งกับไป๋ชิวหรานโดยตรงเพื่องานค้นคว้า

หลังไตร่ตรองสักครู่ จึงกล่าวว่า

“เราต้องเปิดการพรางตัวก่อน แล้วมาดูกันว่าโลกวัตถุแห่งวัตถุนี้ตรงหน้านี้ให้ดี ความรู้เบื้องต้นและข้อบกพร่องของมันเรายังมีข้อมูลน้อยเกินไป”

“อืม”

ตามคำพูดของจื้อเซียน ไป๋ชิวหรานเปิดใช้งานการพรางตัว และขับเรือลำนี้ล่องไปในโลกวัตถุ

ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะบินได้หรือไม่ได้ เพราะหลังจากบินไปเรื่อย ๆ แล้วพวกเขายังได้พบเจอหลายสิ่งหลายอย่างที่สร้างความตกตะลึงไม่หยุดหย่อน

สิ่งที่ได้รับชมคือ… แมลงเหล่านี้มีการแบ่งงานออกอย่างเป็นระเบียบ นอกจากแมลงยักษ์ที่กัดกินป่าทึบ แมลงที่บินไล่ล่าสัตว์มีปีก แต่ในโลกวัตถุใบนี้ยังเต็มไปด้วยแมลงอื่น ๆ อีกมากมาย

มีบางสิ่งพวกมันคล้ายกับหนอนเมือก เป็นแมลงชนิดนึงมีเมือกปกคลุมทั่วร่างกายคล้ายกับก้อนเนื้อ พวกมันเคลื่อนตัวไปตามพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ขณะเคลื่อนตัวไปก็เหลือคลื่นโลหิตแปลกประหลาดน่าขยะแขยงไว้ สิ่งนี้ปกคลุมพื้นดินของดาวนี้

เมื่อหนอนเหล่านี้ยืดตัว มันขยายตัวอย่างรวดเร็วราวกับมีชีวิต พวกมันยืดหนวดที่คล้ายกับเส้นเลือดนับไม่ถ้วนทิ่มลงในดินก่อนจะดูดซับสารอาหารในดินเพื่อกลืนกิน

นอกจากนี้ยังมีสัตว์ยักษ์ที่คล้ายกับอสูรในยุคแห่งทวยเทพ มีความใหญ่โตกว่าหลายลี้ปกคลุมด้วยเกราะหนาสีดำ มีเขาหน้าคู่หนึ่งบนศีรษะ มันทุบทำลายภูเขาได้ในกระบวนท่าเดียว ในขณะที่ร่างกายใหญ่โตกำลังวิ่งพล่านไปทั่วพื้นที่ ภูเขาน้อยใหญ่ก็ต่างล้มถล่มไปตาม ๆ กัน

อสูรร้ายเหล่านี้ใช้วิธีนี้เพื่อจัดการกับภูเขาบนโลกวัตถุใบนี้ทีละดวง!

นอกจากนี้ยังมีแมลงบินได้ขนาดใหญ่ที่เกือบจะเทียบเท่าสัตว์ร้ายเมื่อครู่ มันเพียงสยายปีกออกแล้วกระพือเล็กน้อย ร่างกายพลันทะยานข้ามหุบเขาของโลกวัตถุนับไม่ถ้วนแห่งนี้ จากนั้นมีลูกกลมเหนียวเหนอะขนาดต่าง ๆ ร่วงหล่นจากท้องของมันร่วงลงสู่หุบเขา ก้อนเหนียวเหล่านั้นเติมเต็มช่องว่างระหว่างหุบเขาอย่างรวดเร็ว

และในแม่น้ำยังมีแมลงสะเทินน้ำสะเทินบกมากมาย ปลากระโจนลงน้ำกินสัตว์ที่อยู่ในน้ำอย่างบ้าคลั่ง ที่ชายทะเลก็มีแมลงชนิดเดียวกันเพียงแค่รูปร่างใหญ่กว่า มันกระโดดขึ้นลงอยู่ในมหาสมุทรล่าสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ใต้ผืนโลกวัตถุ

ไป๋ชิวหรานขับเรือออกจากชั้นบรรยากาศของโลก และพบว่านอกชั้นบรรยากาศมีแมลงบางชนิดที่ใหญ่กว่าสัตว์บนพื้น มีพลังไร้ลักษณ์บางอย่างที่ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไม่เคยพบเจอมาก่อน มันกำลังโคจรรอบชั้นความว่างเปล่าด้านนอกของโลกใบนี้

ด้านบนของ ‘หมึก’ สีดำขนาดใหญ๋เหล่านี้มีไข่แมลงสีดำจำนวนมากทั้งเล็กและใหญ่นับไม่ถ้วน ซึ่งมันน่าจะเป็น ‘รัง’ ของเหล่าแมลง

กระบวนการล่องเรือใกล้สิ้นสุดแล้ว ในระหว่างกระบวนการนี้จื้อเซียนปรับแต่งวัตถุเวทบันทึกภาพบนเรือ และถ่ายภาพแมลงทั้งหมดจากทั่วทุกมุมเก็บเอาไว้

เขาคิดด้วยซ้ำว่าวัตถุเวทบันทึกภาพบนเรือนี้ไม่เพียงพอ เช่นนั้นเขาจึงหยิบเอาศิลาบันทึกภาพจำนวนมากออกมาจากที่ใดไม่ทราบแล้ววางมันไว้บนกำแพงโปร่งแสงของเรือ ขณะนั้นก็คล้ายพึมพำบางสิ่งไปด้วย

“พวกเราเกือบจะเสร็จสิ้นการถ่ายภาพรอบโลกวัตถุใบนี้แล้ว”

ไป๋ชิวหรานจอดเรือเหาะบนเมฆาหนาทึบ ก่อนจะแปลงระบบยานให้พรางตัวเป็นก้อนเมฆ จากนั้นจึงกล่าวถาม

“จื้อเซียน แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?”

“ต่อไป… อ๊ะ!”

จื้อเซียนปรบมืออย่างแรง

“ต้องมองหารังของพวกมันเหล่านั้น รูปแบบพฤติกรรมของพวกมันนี้ เก้าในสิบย่อมมีรังเก่าอขยู่แน่นอน เราจะไปตรวจสอบเมืองที่เคยมีอารยธรรมในโลกวัตถุใบนี้ คาดว่า…นั่นน่าจะเป็นรังเก่าของแมลงพวกนี้!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท