ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 562 ไป๋โม่เซวี่ยเปลี่ยนไป

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 562 ไป๋โม่เซวี่ยเปลี่ยนไป

บทที่ 562 ไป๋โม่เซวี่ยเปลี่ยนไป

แมลงยักษ์เหล่านั้นหวาดกลัวต่อกลิ่นอายของไป๋ชิวหรานและผู้ก่อตั้งที่ถูกเขาควบคุม แม้แต่นางพญา องครักษ์ และแมลงบัญชาการระดับสูงยังถูกกวาดล้างหมดสิ้นในการต่อสู้ครั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อฟื้นฟูกองกำลังใหม่

ตราบใดที่ระบอบการปกครองของชาวนครสรวงสวรรค์รักษาแนวป้องกันและมีความรอบคอบเสมอ แมลงเหล่านั้นจะไม่สามารถโจมตีได้อีกในช่วงเวลาสองสามทศวรรษ

ปัญหาเดียวคือ เพื่อที่จะวิวัฒนาการและเพิ่มจำนวนอีกครั้ง แมลงเหล่านี้จะต้องบุกเข้าโลกวัตถุใบใหม่เพื่อจัดการกับสิ่งมีชีวิตภายในโลกใบนั้นอีกครั้ง และสถานการณ์ปัจจุบัน แม้แต่ไป๋ชิวหรานก็ไม่ทราบว่าแมลงเหล่านี้เข้าสู่โลกไหนบ้าง ดังนั้นครั้งต่อไปจึงจะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างมหาเทพหุ่นกล โลกแห่งเซียน และเผ่าพันธุ์แมลงห้วงแห่งความว่างเปล่า

หลังจากนี้ยิ่งนักค้นคว้าของมหาเทพหุ่นกลถอดรหัสการสื่อสารของแมลงและพัฒนามาตราการรับมือได้เร็วเท่าไหร่ โลกก็จะยิ่งประสบปัญหาน้อยลงเท่านั้น

ดังนั้นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ จึงไม่แม้แต่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของชาวนครสรวงสวรรค์ พวกเขาตรงไปที่สถานทดลองของมหาเทพหุ่นกล ก่อนจะทิ้งร่างของจื้อเซียนและจิตวิญญาณของนางพญาแมลงให้กับเล่อเจิ้นเทียนและมหาเทพหุ่นกล

คราวนี้ แม้แต่เจียงหลานก็อาสาอยู่ช่วยเหลืองานค้นคว้า ในฐานะผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากอาวุโสระดับสูงแห่งแดนเซียน และความเชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในด้านพิษของเจียงหลานก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ปกติแล้วนางมักจะเล่นกับแมลงมีพิษบนโลกเซียนเสมอ ดังนั้นนางจึงช่วยค้นคว้าลักษณะของแมลงมากมายได้

หลังจากกล่าวลาเจียงหลานแล้ว ไป๋ชิวหรานพาหลีจิ่นเหยาออกจากสถานทดลองเพื่อกลับบ้าน ในขณะที่เจียงหลานและคนอื่น ๆ กำลังศึกษาร่างของนางพญาแมลงยักษ์ ไป๋ชิวหรานก็วางแผนจะทำการใหญ่ด้วยเช่นกัน

การทะลวงสู่ดินแดนถัดไปหลังจากขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนค่อย ๆ สมบูรณ์ขึ้น และในครั้งต่อไปเขาวางแผนที่จะหาเวลาเพื่อศึกษาขอบเขตนี้อย่างแท้จริง

แม้เขาจะไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่เจียงหลานซึ่งมีขอบเขตการฝึกฝนสูงสุด และหลีจิ่นเหยานั้นมีพรสวรรค์มากล้น จึงมีความหวังว่าจะสามารถก้าวผ่านขอบเขตถัดไปของซากปรักหักพังหวนคืน หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ขอบเขตทำลายล้าง ภายในไม่กี่พันปี

และจักรพรรดิเซียนอย่างเล่อเจิ้นเทียนและเซียนหงเฉินก็สมควรที่จะหาโอกาสเพื่อบุกทะลวงขอบเขตจักรพรรดิเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนด้วยเช่นกัน

ในเวลานั้น ผู้ฝึกตนเหล่านี้จะสามารถเป็นเสาหลักของโลกแห่งเซียนได้ง่ายดาย ไป๋ชิวหรานจะไม่ต้องรับผิดชอบปัญหาใด ๆ ของพวกเขาอีก และจะมีเวลาเพื่อฝึกฝนขั้นของตนเองโดยเร็วที่สุด

ทว่าก่อนหน้านั้น เขาต้องกลับบ้านและพูดคุยกับซูเซียงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะสรุปเรื่องราวต่าง ๆ และมุ่งสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง

กลับมาที่ลานเล็ก ๆ ของสำนักเหอฮวน ก่อนที่ไป๋ชิวหรานและหลีจิ่นเหยาจะเปิดประตู ทันใดประตูถูกผลักออกอย่างแรง เวลานั้นมีเด็กตัวน้อยผมสีขาววิ่งออกจากประตูอย่างตื่นตระหนก ร่างของเขากระแทกเข้ากับขาของไป๋ชิวหรานอย่างแรง

“โอ๊ย!”

เด็กน้อยล้มลงพร้อมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเห็นเด็กตัวน้อยนี้ หลีจิ่นเหยาก้าวไปด้านหน้าพร้อมกะพริบตาถี่

“อ๊ะ?”

นางอุทานอย่างประหลาดใจ

“ลูกสาวใครหนอ… น่ารักน่าชังนัก”

ไป๋ชิวหรานมองสาวน้อยขึ้นลง เส้นผมสีขาวแต่ดูไม่แก่ ตรงกันข้ามกลับดูบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ดวงตาแดงเล็กน้อยมีน้ำตาเปรอะเปื้อนทำให้ผู้มองเห็นรู้สึกเอ็นดู

ต้องยอมรับว่าสาวน้อยผู้นี้น่ารักยิ่งกว่าซวี่เซียงเมื่อครั้งเยาว์วัย

ไป๋ชิวหรานถอนหายใจพร้อมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เด็กคนนี้… เหตุใดจึงคุ้นตานัก?”

เสียงพึมพำของแม่นางน้อยดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าหลีจิ่นเหยารู้สึกถึงความผิดปกติบางสิ่ง

ในเวลานี้เด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้น ทันทีที่มองเห็นไป๋ชิวหรานและหลีจิ่นเหยา รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าและพุ่งเข้าไปกอดขาของไป๋ชิวหรานไว้แน่น

“ท่านพ่อ!”

“พ่อ?!”

ไป๋ชิวหรานและหลีจิ่นเหยาอุทานพร้อมกัน สายตาของแม่นางน้อยแปรเปลี่ยน ในขณะที่ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย

“เด็กน้อย เจ้าไม่สามารถตะโกนเรียกหาผู้ใดว่าบิดามั่วซั่วได้ มันอาจก่อให้เกิดเรื่องร้าย… เอ๊ะ เดี๋ยว?”

เมื่อมองเด็กตัวน้อยตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงบางสิ่ง

“เจ้า… คือโม่เซวี่ย?”

“ใช่”

ไป๋โม่เซวี่ยพยักหน้าอย่างเจ็บปวด

  

“…”

ใบหน้าของไป๋ชิวหรานแดงก่ำ เขายกบุตรชายให้ยืนขึ้นตรงหน้าก่อนจะกล่าวถาม

“ผู้ใดสั่งสอนให้เจ้าแต่งตัวเช่นนี้?”

ไป๋โม่เซวี่ยกลั้นน้ำตา เวลานี้เขายิ่งดูน่ารักกว่าสาวน้อยจริง ๆ เสียอีก

“ท่านแม่กับพี่หญิง”

เขากล่าวอย่างรู้สึกผิด

ไป๋ชิวหรานพาลูกชายเดินเข้าไปในลานบ้าน

ภายในลานบ้าน ซูเซียงเสวี่ยและไป๋ซวี่เซียงกำลังพูดคุยบางสิ่ง และเมื่อเห็นว่าไป๋ชิวหรานกลับมา ไป๋ซวี่เซียงก็พุ่งเข้าหาผู้เป็นบิดาด้วยรอยยิ้มยินดี

“ท่านพ่อ ท่านเห็นใบหน้าของโม่เซวี่ยหรือไม่? เขาน่ารัก…”

“หยุด!”

ไป๋ชิวหรานตำหนิ และเด็กหญิงตัวน้อยตื่นตระหนกจนร่างกายแข็งทื่ออย่างไม่รู้ตัว

นี่เป็นเพราะเทพีซีเหออบรมสั่งสอนเด็กหญิงผู้นี้มากเกินไป นางจึงไม่สนใจคำตำหนิของผู้เป็นบิดา หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป บรรพชนกระบี่คงไม่อาจปกครองนางได้

แน่นอนว่าคราวนี้ไป๋ซวี่เซียงเห็นแล้วว่าบิดากำลังโกรธ

นางไม่กล่าวอะไรพร้อมกับยืนตัวแข็งทื่อ แววตามองบิดาด้วยความแข็งกร้าวก่อนจะดึงน้องชายของตนไปหาซูเซียงเสวี่ย

หลีจิ่นเหยาเดินไปด้านหลังไป๋ชิวหรานพร้อมขยิบตาให้เด็กสาวตัวน้อย

“เซียงเสวี่ย”

ไป๋ชิวหรานมองหาภรรยาของตนพร้อมตะโกนลั่น

“อ่า ชิวหราน…”

ซูเซียงเสวี่ยยิ้มให้เขาพร้อมกล่าวถาม

“กลับมาแล้วหรือ? แมลงพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”

ขณะไป๋ชิวหรานกล่าว เขาก็ดึงบุตรชายที่แต่งตัวเป็นเด็กหญิงออกมา

“เกิดอะไรขึ้น? เซียงเสวี่ย เราไม่ได้ตกลงกันว่าจะสั่งสอนให้โม่เซวี่ยเป็นบุคคลที่ซื่อตรงตามเพศของตนหรือไร?”

“อะไร…”

ซูเซียงเซวี่ยถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มแหย

“เมื่อไม่กี่ปีมานี้…”

แทนที่จะตอบคำถามของสามี นางพลันนึกถึงความขมขื่นก่อนหน้านี้

“การได้เห็นโม่เซวี่ยเติบโตขึ้นทีละน้อย ในฐานะมารดา ข้ามีความสุขมาก แต่ข้าบอกท่านแล้วว่านี่คือสำนักเหอฮวน และอาวุโสเหล่านั้นที่ฝึกฝนมาหลายปีสามารถเอาชนะมนตร์เสน่ห์ของเขาได้ แต่สำหรับศิษย์ใหม่ มันไม่ได้ผล… อย่างไรก็ตามโม่เซวี่ยเป็นเด็กผู้ชาย ข้าจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้เขาออกไปเล่นนอกประตูบ้าน จะให้ขังเขาไว้ในห้องมืดเพื่อไม่ให้ใครรู้จักก็ไม่อาจทำได้ ข้าจึงต้องทำเช่นนี้”

“…”

ไป๋ชิวหรานหยุดอีกฝ่ายชั่วคราวก่อนจะถามว่า

“มันร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โม่เซวี่ย แล้วพาเขาออกไปด้านนอก อย่างไรแล้วในฐานะบิดา ท่านน่าจะปกป้องเขาได้”

ไป๋ชิวหรานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่ก่อนจะตอบกลับ

“อืม ไปข้างนอกกัน ข้าไม่คิดจะเชื่อ!”

เขากล่าวคำหนักแน่น

“สำนักเหอฮวนเล็ก ๆ นี้ข้าปราบปรามลงได้เมื่อพันปีก่อน และข้าไม่เชื่อว่าหลังจากผ่านไปแล้วพันปีข้าจะไม่สามารถจัดการได้!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท