ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 565 ขอบเขตใหม่

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 565 ขอบเขตใหม่

บทที่ 565 ขอบเขตใหม่

ไป๋โม่เสวี่ยถูกอสูรหมูตัวเมียไล่ล่าอยู่นานภายใต้การดูแลของไป๋ชิวหราน ในที่สุดเมื่ออสูรตัวนั้นบีบบังคับจนเขาหมดเรี่ยวแรงและไร้ซึ่งหนทางหลบหนี เด็กชายก็ระเบิดพลังออกโดยไม่รู้ตัว ล่องเมฆาห่มพิรุณควบแน่นไอน้ำจนกลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนจะเจาะศีรษะอสูรหมูตัวเมียจนมันสิ้นลมหายใจในทันที

“โอย…”

เมื่อมองไป๋โม่เสวี่ยที่แทบจะยืนไม่อยู่ เวลานี้เขาใช้มือค้ำกับบิดาเอาไว้แล้วหอบอย่างเหนื่อยอ่อน ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้

“คงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน…”

“ท่านพ่อ ข้าทำได้…”

หลังจากหอบหายใจหนัก ไป๋โม่เสวี่ยก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋ชิวหรานเพื่อรอรับคำชม

“เจ้าใช้เวลานานมากในการสังหารอสูรหมูตัวเมียที่มีขอบเขตต่ำกว่า อีกทั้งพลังการต่อสู้ของมันก็ต่ำกว่าเจ้ามาก ไม่สมควรได้คำชม!!”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างเย็นชา

ไป๋โม่เสวี่ยก้มศีรษะด้วยความหดหู่ใจ เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ บรรพชนกระบี่พลันไตร่ตรองก่อนจะกล่าวเสริมว่า

“อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ยังลงมือทำ จนในที่สุดสามารถสังหารมันได้ อ่า… ในช่วงนี้เจ้าควรจะอยู่ใกล้ข้าตลอด”

ไป๋ชิวหรานลูบศีรษะบุตรชายพร้อมกับมองไปทางด้านข้าง

“ไม่เป็นไรใช่ไหม? เซียงเสวี่ย”

พื้นที่ด้านข้างบิดเบี้ยว รอยแตกปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อเป็นรูปสามมิติยื่นออกมาจากห้วงแห่งความว่างเปล่า

ไป๋สวี่เซียงจูงซูเซียงเสวี่ยในมือซ้ายและหลีจิ่นเหยาในมือขวาเดินออกจากมิติอวกาศนี้ และหยุดยืนตรงหน้าไป๋ชิวหรานกับไป๋โม่เสวี่ย

ซูเซียงเสวี่ยปล่อยมือไป๋ซวี่เซียงและตรงมาหาบุตรชายของตนก่อนจะคุกเข่าลง ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดสิ่งต่าง ๆ บนใบหน้าของเขาอย่างเบามือ

“ท่านเป็นบิดา แน่นอนว่าย่อมให้เขาติดตามท่านได้”

ซูเซียงเสวี่ยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับบุตรชายและสามี

“ข้าไม่อาจสั่งสอนเขาได้ แต่ท่านสั่งสอนเขาได้ดี ไม่ต้องกล่าวถึงการเป็นเด็กชาย อย่างน้อยโม่เสวี่ยก็ต้องเป็นเด็กที่เข้มแข็งกว่านี้… และนี่คือหน้าที่ของบิดาเช่นท่าน ชิวหราน”

“ไม่ต้องกังวล”

ไป๋ชิวหรานกล่าวพร้อมยืดอก

“แม้ว่าศิษย์สตรีที่ข้าสั่งสอนจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย แต่บุรุษที่ข้าสั่งสอนล้วนแต่เป็นมังกรร้ายในหมู่มวลมนุษย์!”

สิ่งที่เขากล่าวล้วนแต่เป็นความจริง นับตั้งแต่ยุคแห่งเทพเจ้าไป๋ลี่ ทุกคนที่เขาสั่งสอนล้วนแต่ยอดเยี่ยม ไป๋ลี่ขึ้นครองบัลลังก์จักรพรรดิเซียน ชิงหมิงจื่อก็ยังเป็นเซียนขึ้นสู่สวรรค์ภายใต้ชื่อของเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงคนแรก เวลานี้ขอบเขตการฝึกฝนของแต่ละคนล้วนน่าประทับใจนัก

แม้แต่ที่ไม่มีผู้ใดชื่นชอบฝีปากของเจวี๋ยอวิ๋นจื่อ …แต่อย่างน้อยเขาก็ยังครองตำแหน่งผู้นำพันธมิตรผู้ฝึกตน

“เช่นนั้นข้าจะพาเด็กคนนี้ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันในช่วงนี้”

ไป๋ชิวหรานกอดซูเซียงเสวี่ยและหลีจิ่นเหยาตามลำดับ จากนั้นจึงคุกเข่าลงต่อหน้าบุตรสาวแล้วกล่าวเคร่งขรึม

“ซวี่เซียง เจ้าจะต้องเชื่อฟังมารดาในเวลาที่ข้าไม่อยู่ อย่าสร้างปัญหา และหากเกิดปัญหาขึ้นจงรีบบอกกล่าวมารดาโดยเร็ว ทั้งแม่เซียงเสวี่ยและแม่จิ่นเหยา หรือหากพวกเขาไม่อยู่ รอจนรั่วเวยกลับมาแล้วบอกกล่าวกับนาง”

“อ… อื้ม”

ไป๋ซวี่เซียงไม่เต็มใจเล็กน้อยที่จะปล่อยให้น้องชายจากไป แต่สุดท้ายนางก็พยักหน้ารับ

หลังจากกล่าวอำลาครอบครัวแล้ว ไป๋ชิวหรานออกเดินทางสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่ากับไป๋โม่เสวี่ย

สองพ่อลูกขี่หุ่นกลเซียนยักษ์ไปตามสายธารแห่งความว่างเปล่า เริ่มจากเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน ล่องลอยจากต้นสู่ปลายสายธาร

ในช่วงเวลานี้ ไป๋ชิวหรานพยายามสั่งสอนไป๋โม่เสวี่ยอย่างพิถีพิถัน และพาเขาเยี่ยมชมโลกต่าง ๆ แม้ฐานการฝึกฝนของไป๋โม่เสวี่ยจะไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลอุบายต่าง ๆ รวมถึงพลังเหนือธรรมชาติและทักษะการหลบหนีก็เพิ่มพูนขึ้น อย่างไรก็ตาม เวลานี้เขาได้รับการสั่งสอนมากมายจากไป๋ชิวหราน ขอบเขตการฝึกฝนและพลังทางกายภาพแข็งแกร่งขึ้นมาก อีกทั้งจิตใจและความกล้าหาญของเขาก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าในระหว่างกระบวนการนี้ เสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ยก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งมีชีวิตมากมายในโลกวัตถุ แม้ว่าพวกมันจะไม่มีเพศที่ชัดเจน แต่พวกมันก็เผยท่าทีประทับใจต่อเด็กหนุ่ม ท้ายที่สุดแล้วสำหรับเขาและมารดาของตน มนต์เสน่ห์เช่นนี้คืออาวุธร้ายแรงที่สุด! แม้ไป๋โม่เสวี่ยจะเกลียดความสามารถนี้ของตนมาก แต่ไป๋ชิวหรานก็สั่งสอนเขาว่ามันไม่มีความแตกต่างระหว่างความสามารถที่ดีและเลว ทุกสิ่งล้วนแต่มีประโยชน์หากใช้ถูกต้อง และสอนเขาให้ควบคุมมันและใช้พรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด

ในขณะที่สั่งสอนไป๋โม่เสวี่ย ไป๋ชิวหรานเองก็มีสมาธิกับการศึกษาและเข้าใจโลกแห่งความว่างเปล่านี้ และเขานึกถึงขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืนอยู่ตลอดเวลา

ตามขอบเขตการฝึกฝนที่ไป๋ชิวหรานสร้างขึ้น มันคือแนวคิดการสร้างโลกใบเล็กในร่างกาย ขอบเขตการต่อไปที่เขาคิดจะอ้างถึงคือสายธารแห่งความว่างเปล่าที่เพิ่งเรียนรู้เมื่อครั้งออกจากขอบเขตแห่งการฝึกตนและเข้าสู่แดนเซียน

สายธารแห่งความว่างเปล่ามากด้วยพลังไร้สิ้นสุด มันไหลผ่านห้วงแห่งความว่างเปล่าขนาดใหญ่และผ่านโลกทุกใบ และมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะใช้เป็นสิ่งอ้างอิงถึงขอบเขตถัดไปหลังจากซากปรักหักพังหวนคืน

อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานยังคงพบเจอปัญหาระหว่างการก้าวข้าม

ความคิดเดิมของเขาคือการบีบอัดโลกที่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายในร่างกายเมื่อเข้าสู่ขอบเขตซากปรักหักพัง มันไม่ต่างจากการบีบอัดเม็ดยาทองคำแล้วค่อย ๆ สร้างสายธารแห่งความว่างเปล่ากระจ่างใสภายในคฤหาสน์สีม่วงของผู้ฝึกตน

อย่างไรก็ตาม หลังจากพบเจออุปสรรคแล้ว ไป๋ชิวหรานสัมผัสได้ว่าจุดจื่อฝูของผู้ฝึกตนธรรมดาไม่อาจรองรับพลังงานดังกล่าวได้

ความเป็นจริงแล้ว ในยุคเริ่มต้นของการฝึกตนก่อนหน้านี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนจะสร้างโลกใบอื่นในคฤหาสน์สีม่วงเฉกเช่นจักรพรรดิเซียนได้ เพราะขอบเขตของผู้ฝึกตนถูกออกแบบให้เป็นวงจรสังสารวัฏเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน

เมื่อผู้ฝึกตนก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนและสามารถควบแน่นปราณที่แท้จริงในร่างกายได้ พลังเหล่านี้จะขยายร่างกายของผู้ฝึกตนและจุดจื่อฝูงอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนจึงจำเป็นต้องฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างพลังปราณที่แท้จริงในร่างกาย และทำให้มันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เช่นนี้มันจะทำให้ร่างกายและจุดจื่อฝุสามารถอดทนต่อผลกระทบการบีบอัดพลังปราณที่แท้จริงได้

ความก้าวหน้าขั้นต่อไปก็เช่นกัน พลังปราณแก่นแท้นำมาซึ่งความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังปราณที่แท้จริง ดังนั้นผู้ฝึกตนจะต้องควบแน่นแก่นแท้ทองคำและจิตวิญญาณใหม่ ดำเนินการไปทีละขั้นและสร้างโลกที่สมบูรณ์ภายในร่างกาย

แต่ช่วงของพลังจากโลกใบเดียวมายังสายธารแห่งความว่างเปล่านั้นยิ่งใหญ่เกินไป และไม่มีการกล่าวถึงความเหมาะสมระหว่างขอบเขตนั้นกับสายธารแห่งความว่างเปล่า เช่นมหาเทพหุ่นกล วิถีสวรรค์ และปราการจิตสำนึกของอารยธรรมที่สาบสูญ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างพลังจากรูปแบบชีวิตที่พิเศษออกไป และไม่ถือว่าเป็นผลผลิตในความว่างเปล่า พวกมันเพียงถูกใช้เป็นข้อมูลในการกล่าวถึงและสร้างเสริมความเข้าใจให้กับผู้ฝึกตนเท่านั้น

ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดลำดับรองลงมา และออกแบบสายธารแห่งความว่างเปล่าให้เป็นสายธารแห่งพลังงานของพลังปราณแก่นแท้ สายธารสายนี้จะไหลออกจากจุดสูงสุดที่ถูกควบแน่นโดยขอบเขตซากปรักหักพังหวนคืน และหลอมรวมกันที่ด้านบนสุดของขอบเขตจักรพรรดิเซียน ก่อตัวเป็นพลังงานต้นกำเนิดเชื่อมต่อสวรรค์และโลกในจุดจื่อฝูเข้าด้วยกัน

สายธารสายนี้เป็นทั้งสายธารแห่งความว่างเปล่าและแม่น้ำสลายวิญญาณ ในที่สุดจะกลายเป็นเส้นทางหลักของคฤหาสน์สีม่วงในร่างกาย หลังจากที่ผู้ฝึกตนฝึกฝนจนเข้าสู่ขอบเขตนี้ แม่น้ำสลายวิญญาณก็ยังคงเติบโตและเมื่อร่างกายของผู้ฝึกตนแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาจะสามารถลองควบแน่นโลกภายในให้เกิดเป็นผนึกพลังงานบริสุทธิ์กว่าเม็ดยาทองคำ

จากนั้นผู้ฝึกตนที่สามารถตกผลึกพลังงานครั้งแรกได้ พวกเขาจะสามารถทดลองครั้งที่สอง และสาม… จนในที่สุดก็จะกลายเป็นกลุ่มโลกสุกสกาวอยู่ภายในร่างกาย และแม่น้ำสายนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสายธารแห่งความว่างเปล่าในที่สุด

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท