บทที่ 983 ถ้าลูกพี่ฉันมา แกตายแน่
แววชั่วร้ายพาดผ่านดวงตาของจางเวย “หึ นายน้อยกง อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ฉันไม่ลืมนายอยู่แล้ว!”
ความอัปยศที่เจ้าเด็กนี่เคยสร้างให้เขา วันนี้เขาจะเอาคืนให้ได้
เยี่ยมู่ฝานตวาดเสียงดัง “กงซวี่! ใครให้นายออกมา!”
กงซวี่ถอดเสื้อโค้ทแล้วขว้างทิ้ง “แม่ง! มีคนมาเหยียบจมูกถึงที่ ผมจะหลบอยู่ข้างในคนเดียวได้ยังไง? ก็แค่ตีกัน! มาเลยเซ่! กลัวที่ไหน!”
เยี่ยมู่ฝานร้อนใจ เจ้าหมอนี่ทำไมนิสัยเหมือนประทัดอย่างนี้ แตะนิดเดียวก็ระเบิดแล้ว!
เยี่ยมู่ฝานกัดฟัน “พี่เยี่ยของนายบอกให้นายอยู่ข้างใน ห้ามออกมา!”
กงซวี่มองกองถ่ายที่เละเทะไปหมดทั้งแถบ สีหน้าเดือดดาลสุดขีด “ครั้งนี้ถึงพี่จะเอาพี่เยี่ยมาอ้างก็ไม่ได้ผลหรอก!”
เขาไม่อยากทำให้ทุกคนในกองถ่ายเดือดร้อนเพราะเขาคนเดียว…
กงซวี่พูด แล้วทำท่าเหมือนจะออกไปสะสางประเด็นด้วยตัวเองให้ได้
เวลานี้เอง ลั่วเฉินที่อยู่ด้านหนึ่งพูดเสียงเรียบ “พี่เยี่ยเป็นห่วงนาย กลัวว่านายจะบาดเจ็บ”
คำว่า ‘พี่เยี่ยเป็นห่วงนาย’ ทำให้กงซวี่ชะงักเท้าไปเล็กน้อย
ลั่วเฉินรีบฉวยโอกาสดึงเขากลับมา แล้วพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น นายเป็นนักแสดงหลัก ถ้านายบาดเจ็บ ก็จะยิ่งส่งผลกระทบกับกองถ่ายหนักกว่าเดิม พวกอุปกรณ์กับของประกอบฉากเป็นแค่เรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดน่ะตัวนายต่างหาก เข้าใจไหม?”
เยี่ยมู่ฝานที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ แทบจะน้ำตาไหลอาบแก้ม ดูสิ ดูเอาไว้ ลั่วเฉินเขารู้ความขนาดไหน!
นิสัยแย่ๆ ของกงซวี่ เปลี่ยนไม่ได้เลยหรือไง?
ฝั่งตรงข้าม จางเวยเห็นกงซวี่หยุดเดิน ก็ทำหน้าดูถูก “ตอนนั้นที่แย่งสาวฉันไปเก่งนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมล่ะ ตอนนี้กลายเป็นเต่าหัวหดไปแล้วเหรอ?”
“แกน่ะสิเต่าหัวหด!” กงซวี่ตะคอกเสียงดัง
เยี่ยมู่ฝานกลัวว่ากงซวี่จะคุมตัวเองไม่ได้ เลยรีบดึงเขาไว้ “กงซวี่ ทนไว้ เยี่ยไป๋กำลังส่งคนมาแล้ว!”
กงซวี่สูดหายใจลึกๆ “เจ้าแซ่จาง แกรอก่อนเถอะ!”
จางเวยหัวเราะเสียงดัง “โห อวดเก่งไม่เบา ยังคิดว่าตัวเองเป็นนายน้อยรองตระกูลกงอยู่หรือไง! ฉันจะบอกให้ ว่าถึงพ่อแกจะมาเอง ก็ปกป้องแกไม่ได้หรอก!”
กงซวี่ลุกขึ้นมาด่า “พ่อฉันมันจะแค่ไหนกันเชียว! ฉันจะบอกแกให้นะ ตอนนี้แบ็คฉันเจ๋งกว่าพ่อฉันเยอะ! แกรอก่อนเถอะ รอลูกพี่ฉันพาคนมาก่อนเถอะ แกตายแน่!”
เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก…
เจ้าหมอนี่…
ถ้าพ่อเขาได้ยินประโยคนี้ คงโมโหตายแน่ๆ…
จางเวยหัวเราะดังลั่น “ฮ่าๆๆๆๆ…โอ๊ย ฉันกลัวจัง!”
พวกนักเลงหัวไม้ของเขาต่างก็พากันหัวเราะดูแคลน “นายน้อยรอง ลูกพี่คุณเป็นใครกัน? คงไม่ใช่เจ้าหน้าขาวที่ชื่อเยี่ยไป๋นั่นหรอกนะ?”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ…ขำว่ะ!”
จางเวยนั่งบนเก้าอี้เบาะนุ่มที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ก็ได้ ฉันจะรอ ฉันอยากจะรู้นักว่าลูกพี่ของแกจะพาคนแบบไหนมาสู้กับฉัน!”
จางเวยทำหน้าท้าทาย ไร้ซึ่งความกลัว
ในตอนนั้นเอง ห่างออกไปไม่ไกล เสียงร้องอย่างดีใจของพนักงานหลายคนก็ดังขึ้น “มาแล้วๆ! พี่เยี่ยมาแล้ว!”
“ดีจัง! ขอแค่พี่เยี่ยมา ทุกอย่างก็ไม่เป็นไรแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของกลุ่มคน รถสีขาวคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดข้างทาง
พนักงานทุกคนในกองถ่ายหันไปมองรถคันนั้นอย่างตื่นเต้น
โดยเฉพาะลั่วเฉิน กงซวี่ กับตงไจ๋ที่รอเยี่ยไป๋อย่างใจจดใจจ่อ สำหรับพวกเขา เยี่ยไป๋คือคนที่ทำได้แทบจะทุกอย่าง ไม่มีเรื่องไหนที่เขาแก้ปัญหาไม่ได้
ดังนั้นพอเห็นรถของเยี่ยไป๋วิ่งเข้ามา ทุกคนต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
จางเวยเห็นอย่างนั้นก็หรี่ตา เจ้าเยี่ยไป๋อะไรนั่นเคยเป็นคนของกวงเย่า เขาจึงรู้จักอยู่บ้าง ได้ยินมาว่าร้ายไม่เบาจริงๆ…
หรือว่าเขาจะหาผู้ช่วยมือดีมาได้จริงๆ?
————————————————————————————-
บทที่ 984 พวกอ่อนหัด
ณ สวนกุหลาบ
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นส่งเจียวเจียวไป ก็เตรียมตัวจะกลับไปนอนกับถังถังต่อ
แต่ว่าก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ส่งเจียวเจียวไปคนเดียว จะมีปัญหาอะไรรึเปล่านะ?” เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างครุ่นคิด
เจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งพยักหน้ารัวๆ “มีปัญหาแน่…”
“ปัญหาอะไร?” เยี่ยหวันหวั่นรีบถาม
เจ้าอ้วนกระแอมเบาๆ “เอ่อ อาจจะ…เล่นถึงชีวิตคน…”
“เล่นถึงชีวิตคน?” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว อดคิดไม่ได้ ว่าถึงแม้จะเก่งกาจขนาดไหน แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็มีคนมากกว่า…
ซ่งเฉียงเตือนสติ “เจ้านาย เวลาเจียวเจียวสู้แล้วจะควบคุมตัวเองได้ยากจริงๆ ครับ เธอมักจะยั้งมือไม่อยู่…”
ไฮดี้ถามหยั่งเชิง “ใช่สิ เจ้านาย อีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหนเหรอครับ?”
“ได้ยินว่าหัวหน้าของฝ่ายนั้นเป็นโค้ชของทีมซ่านโฉ่วระดับจังหวัด คนอื่นก็เป็นสมาชิกทีมที่เกษียณแล้วทั้งนั้น…” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
ทั้งสี่ได้ยินก็เงียบไปทันที…
นี่มัน…การสังหารหมู่พวกอ่อนหัดเต็มรูปแบบชัดๆ…
……
ขณะเดียวกัน
ในที่เกิดเหตุ ทุกคนไม่เห็นเยี่ยไป๋ แต่กลับเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถแทน
เด็กสาวสวมชุดเมดสีชมพูขาว มัดผมหางม้าน่ารักๆ เป็นสาวน้อยโลลิที่หน้าตาสะสวย
ทุกคนรออยู่นาน เพราะคิดว่าจะมีคนลงจากรถอีก ปรากฏว่ามีแค่สาวใช้โลลิคนเดียว ไม่มีใครลงมาจากรถแล้ว
พวกจางเวยมองสาวใช้โลลิด้วยสายตาพิจารณา เล่นบ้าอะไรวะ?
“ทำไมมาแค่เด็กผู้หญิงคนเดียวล่ะ?”
“น่าจะเป็นคนมาส่งต่อคำพูด ตัวจริงน่าจะอยู่ข้างหลังมั้ง!”
……
พอเห็นผู้มา เยี่ยมู่ฝานก็รีบถามด้วยความร้อนใจ “เธอเป็นใคร? เยี่ยไป๋ล่ะ?”
“พี่ชายเยี่ยไป๋เป็นคนส่งฉันมาค่ะ!” เจียวเจียวตอบ
เยี่ยมู่ฝานลดเสียงให้เบาลง แล้วถามว่า “แล้วผู้ช่วย…ที่เขาหามาล่ะ?”
เจียวเจียวกะพริบตาปริบๆ “คุณหมายถึงคนที่จะมาคุมสถานการณ์เหรอคะ?”
เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “ใช่…”
กงซวี่เดินเบียดเยี่ยมู่ฝานออกมา แล้วตะโกนถามอย่างร้อนใจ “ทำไมเธอมาแค่คนเดียว คนของลูกพี่ฉันล่ะ อยู่ไหน! เธอมาส่งเมสเสจไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๊ะ คุณตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” พอเห็นหน้ากงซวี่ เจียวเจียวก็ทำหน้าประหลาด
กงซวี่งวยงง “อะไรนะ?”
เจียวเจียวเอียงหน้า “คุณฆ่าตัวตายสังเวยความรักไปพร้อมกับคุณหนูใหญ่เฉินแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ในที่สุดกงซวี่ก็เข้าใจแล้วว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ เขาแทบสติหลุด “สาวน้อย…นั่นมันในละคร…ไม่ใช่เรื่องจริง…เธออายุเท่าไหร่แล้ว ละครกับเรื่องจริงก็แยกไม่ออกเหรอ?”
เขาดีใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอินกับละครของเขาถึงขนาดนี้…
“ไม่สิ…เข้าเรื่องก่อน เธอเป็นใครกันแน่! ผู้ช่วยที่พี่เยี่ยหามาล่ะ?” กงซวี่รีบถาม
เจียวเจียวเบิกดวงตากลมโตให้กว้างขึ้นไปอีก แล้วพูดด้วยท่าทางน่ารัก “ถ้าหากพวกคุณหมายถึงคนที่จะมาคุมสถานการณ์ล่ะก็ ฉันเองล่ะค่ะ ไม่มีคนอื่นแล้ว”
กงซวี่อึ้งงัน
เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก
ลั่วเฉินเองก็เงียบ
บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบจนน่าอึดอัดไปหนึ่งวินาที
“เธอ…คุมสถานการณ์? นี่เธอคงไม่ได้กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม?” กงซวี่ที่กำลังตั้งตารอให้พี่เยี่ยของเขาขี่ม้าขาวพาคนมาช่วย ได้แต่ทำหน้าตะลึงงัน
เยี่ยมู่ฝานกุมหน้าผาก “สาวน้อย เธออย่าล้อเล่นสิ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หวันหวั่นเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ส่งเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาที่ที่อันตรายอย่างนี้…
จางเวยได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ตอนแรกอึ้งงันไปก่อน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆๆ…เมื่อกี้ยัยเด็กผู้หญิงคนนี้พูดว่าอะไรนะ เธอมาคุมสถานการณ์?”
“ฮ่าๆๆๆ ขำโว้ย! ส่งสาวใช้ในบ้านมาคุมสถานการณ์ เพิ่งเคยพบเคยเห็นนี่แหละ!”
………………………………….