ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 580 เสาศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 580 เสาศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ

บทที่ 580 เสาศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ

หลังจากเฝ้ามองดูกลุ่มยักษาจากไป และเห็นชัดว่าพวกมันไม่ได้มุ่งหน้าสู่สายธารแห่งความว่างเปล่าซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโลกวัตถุแห่งเซียน ไป๋ชิวหรานและยักษามังกรสามเศียรจึงกลับไปยังใจกลางเกาะเพื่อปกป้องเสาผลึกแก้ว

“อาวุโสซาหลง”

หลังจากจัดการกับหุ่นเทพเจ้ายักษ์ ไป๋ชิวหรานปลดปล่อยคลื่นจิตสำนึกเพื่อสื่อสารกับยักษามังกรสามเศียร

“พวกเขาจะไปนานเพียงใดหรือ?”

“นานแค่ไหน? อ่า …ข้าไม่มั่นใจ”

ยักษามังกรสามเศียรครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับอย่างสับสน

“สายธารแห่งความว่างเปล่าห่างไกลจากมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่ามาก และการจะไปถึงจุดบรรจบของห้วงความว่างเปล่านั้นต้องใช้เวลา แม้แต่ผู้เฒ่ายังไม่สามารถว่ายน้ำไปยังจุดบรรจบได้ในลมหายใจเดียว อย่างไรเขาต้องหยุดพักและกินโลกวัตถุตามทางเพื่อฟื้นฟูร่างกาย หลังจากร่างกายดีแล้ว จึงออกเดินทางต่อ เราจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามเศษแห่งความว่างเปล่า เพื่อจัดการกับภัยคุกคามใกล้เคียงแล้วจึงค่อยกลับมา”

“เข้าใจแล้ว”

ไป๋ชิวหรานถอนหายใจอย่างโล่งอก

ยักษามีแนวคิดเรื่องเวลาแบบอิสระ อีกทั้งพวกเขาจึงไม่มีเครื่องบอกเวลาที่แม่นยำ แนวคิด ‘เวลาที่ว่างเปล่า’ นั้นได้รับการบอกกล่าวจากราชาจอมละโมบ และถูกใช้มาจวบจนทุกวันนี้

ความว่างเปล่าหนึ่งครั้งเทียบเท่ากับโลกวัตถุแห่งเซียนประมาณห้าร้อยปี ไป๋ชิวหรานลองคิดคำนวนสามครั้ง ลองบวกชั่วโมงการพักผ่อนและการสำรวจเข้าร่วม ยักษาจะไปถึงโลกวัตถุแห่งเซียนได้จึงต้องใช้เวลาเกือบสามพันปี

แม้ว่าจะไม่ยาวนาน แต่ก็ไม่น้อยเกินไป สำหรับไป๋ชิวหรานนั้นเพียงพอแล้วที่จะฝึกฝนขอบเขตใหม่จากขอบเขตการกลั่นลมปราณให้เข้าสู่ช่วงสุดท้าย

เดิมทีเขารู้สึกว่าด้วยความเร็วของยักษาเหล่านี้มีโอกาสมากที่พวกมันจะเดินทางสู่ดินแดนแห่งเทพในอีกไม่กี่ร้อยปี แต่เวลานั้นดูเหมือนว่ายักษาก็ยังคงเตร็ดเตร่อยู่บนท้องถนน

“อ่า… อย่าได้กังวลเลย เมื่อเจ้าเติบโต พิธีกรรมการล่าสัตว์ครั้งต่อไป ผู้เฒ่าย่อมให้เจ้าไปด้วยแน่นอน”

ซาหลงยิ้มและพาเขาไปที่เสาผลึกแก้ว

“ตอนนี้มาฝึกฝนก่อน เสาศักดิ์สิทธิ์นี้คือบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์พวกเรา มันมากด้วยพลังเหนือธรรมชาติ หากคนในเผ่าได้ฝึกฝนภายใต้เสาศักดิ์สิทธิ์นี้ มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะปลุกความสามารถพิเศษให้ตื่นขึ้นได้”

“เหมือนกับผู้เฒ่างั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานนึกถึงผู้เฒ่าที่เหยียบผิวน้ำแห่งความว่างเปล่าด้วยลำแสงประหลาดใต้ฝ่าเท้า

“ใช่แล้ว มันมาจากเสาศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นราชาจอมละโมบที่ทราบถึงพลังของมัน เช่นนั้นเขาจึงกลายเป็นอมตะของเผ่าพันธุ์และเป็นราชาองค์สุดท้ายของกลุ่มเรา”

ซาหลงยิ้มพร้อมกล่าวต่อ

“ในฐานะน้องชายของราชาจอมละโมบ ผู้เฒ่าจึงรับรู้ถึงพลังเหนือธรรมชาติตั้งแต่ต้น เขามาที่นี่เพื่อรักษาสิ่งที่ผู้นำของเผ่าจะสามารถเพิดเพลินได้เท่านั้น เวลานี้ผู้เฒ่ายอมให้เจ้าฝึกฝนกับมันได้ บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจพลังเหนือธรรมชาติ และปลุกความสามารถพิเศษที่ทรงพลังขึ้นได้”

“โอ้”

หาโอกาสได้ยากที่จะได้สัมผัสกับสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ของยักษาเหล่านี้ ไป๋ชิวหรานจะปฏิเสธข้อเสนอยอดเยี่ยมนี้ได้อย่างไร เขาจัดการควบคุมหุ่นจักรกลเทพเจ้ายักษ์ตรงสู่เสาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับซาหลง ก่อนจะนั่งพิงเสาศักดิ์สิทธิ์และเข้าสู่สมาธิ แต่จริง ๆ แล้วไป๋ชิวหรานลากถังรั่วเวยออกจากแท่นที่นั่งเพื่อศึกษาเสาศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างใกล้ชิด

เคร้ง… เคร้ง

ถังรั่วเวยหยิบกระบี่ออกมาพร้อมกับเคาะเสาผลึกแก้วขนาดใหญ่นี้อย่างซุกซน… แน่นอนว่าเสาผลึกแก้วเปล่งเสียงคมชัดออก นางหันมองไป๋ชิวหราน อีกฝ่ายพยักหน้าให้ จากนั้นหญิงสาวจึงสูดลมหายใจลึกก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณแก่นแท้และปราณกระบี่บินคุนหลิงโคจรโดยสมบูรณ์อยู่ภายในคมมีด ก่อนที่นางใช้จะทักษะกระบี่พื้นฐานของสำนักกระบี่ชิงหมิง และฟันออกไปเป็นแนวนอนบนเสาผลึกแก้วนี้

เปรี้ยง!

ปราณกระบี่ทรงพลังมากพอที่จะตัดผ่านภูเขาได้ง่ายดาย เมื่อมันปะทะกับเสาศักดิ์สิทธิ์จึงระเบิดลำแสงเจิดจ้าออก ถังรั่วเวยตกตะลึงเพราะเกิดแรงสะท้อนกลับตอบโต้จากเสาศักดิ์สิทธิ์ นางถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมกับเหลือบมองซาหลงอย่างระมัดระวัง

ยักษามังกรสามเศียรยังไม่รู้ตัว เขายังคงอยู่ในสมาธิ สำหรับพลังงานที่สามารถเขย่าภูเขาสร้างความหวาดกลัวแก่มนุษย์ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหนือจินตนาการเช่นยักษาเหล่านี้ มันอาจเป็นเพียงสายลมพัดผ่านเท่านั้น

ถังรั่วเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะก้มลงสำรวจอาการบาดเจ็บของร่างกายตนเอง จากนั้นมองที่เสาผลึกแก้วนี้ …และพบว่ามันไม่มีร่องรอยความเสียดายใดปรากฏแม้แต่น้อย

“เช็ดออกซะ”

ไป๋ชิวหรานโยนผ้าเช็ดหน้าให้กับหญิงสาวเพื่อให้ถังรั่วเวยเช็ดเลือด เกิดเสียงแกร็กเล็ก ๆ จากกระดูกข้อมือของนาง แต่สุดท้ายมันฟื้นคืนกลับสู่สภาพสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว อีกทั้งบาดแผลที่เกิดขึ้นก็หายดีโดยสมบูรณ์ แล้วยังแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

“เสานี้มีความลับซุกซ่อนอยู่”

ไป๋ชิวหรานเอื้อมมือแตะเสาศักดิ์สิทธิ์ มือของเขาเย็นวาบ พร้อมมีเส้นใยแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนฝ่ามือขณะที่เขาแตะต้องมัน

เสาศักดิ์สิทธิ์นี้เหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ แต่ความจริงแล้วมันจะตอบโต้การโจมตีที่พุ่งเข้าหาอย่างหนักแน่น หากกระบี่ของถังรั่วเวยออกแรงในพลังขอบเขตเซียน แน่นอนว่ามันย่อมไม่ทำร้ายเพียงกระดูกข้อมือของนาง

แรงสะท้อนกลับของกระบี่คุณหลิงอาจทำให้กระดูกของเซียนแตกหักได้ง่ายดาย …ทั้งยังสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสภายใน

แต่เพราะถังรั่วเวยได้ฝึกฝนเคล็ดหลอมร่างกายของไป๋ชิวหราน กระดูกของนางจึงมีพลังป้องกันสูงสุด ดังนั้นจึงมีเพียงกระดูกข้อมือที่แตกหักเล็กน้อยเท่านั้น

“ท่านอาจารย์ เสานี้แข็งแกร่งเกินไป!”

ถังรั่วเวยมาหยุดยืนข้างไป๋ชิวหรานก่อนจะมอบเสาศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

“อืม มันแข็งแกร่งมาก ข้าจะลองดู!”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเรียกวารีสารทกระจ่างฟ้าออกมา

เขาโคจรพลังปราณที่แท้จริงอัดฉีดลงในกระบี่แล้วใช้ท่วงท่าพื้นฐานเช่นเดียวกับถังรั่วเวย ก่อนจะฟาดฟันออกไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์!

เปรี้ยง!!

กระบี่นี้แข็งแกร่งมาก แต่ไป๋ชิวหรานเจาะก็เสาผลึกแก้วได้สำเร็จในกระบวนท่าเดียว จากนั้นจึงใช้คมกระบี่คว้านเอาวัสดุชิ้นใหญ่ออกจากเสาผลึกแก้วนี้

แน่นอนว่าสำหรับไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวย วัสดุนี้ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับเนินเขาเล็ก แต่สำหรับยักษาเหล่านั้นมันเป็นเพียงหินก้อนน้อย ๆ เท่านั้นและไม่อาจตรวจพบได้ หากพวกมันไม่ใช้มือสัมผัส พวกมันไม่อาจพบเจอช่องว่างที่ถูกเปิดนี้ได้อย่างแน่นอน

ในไม่ช้าไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยก็ค้นพบว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลว่ายักษาเหล่านี้จะพบเจอช่องว่างที่ถูกตัดขาดออกอีกต่อไป

หลังจากที่ไป๋ชิวหรานคว้านเอาวัสดุบางส่วนของมันออกมา เส้นใยแสงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนช่องว่างที่แตกหัก มันหลอมรวมกันกลายเป็นจุดแสงมากมาย และทั้งหมดได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง

“มันสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ด้วย”

ไป๋ชิวหรานปิดผนึกอย่างใจเย็น และเก็บตัวอย่างผลึกแก้วที่เปล่งประกายเส้นใยลำแสงมากมายด้วยเวทแห่งเวลา

“ข้าจะชิ้นส่วนนี้กลับสู่แดนเซียน เพื่อให้ช่างฝีมือแห่งโรงหลอมเหล็กสวรรค์กับมหาเทพหุ่นกลตรวจสอบ”

ดวงตาของเขามองเสาศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะเหลือบมอง ‘กรวด’ ที่อัดแน่นอยู่ที่ฐานของเสา

ก้อนกรวดทุกก้อนคือโลกวัตถุที่ถูกบีบอัดด้วยพลังลึกลับ!! ไป๋ชิวหรานพยายามศึกษามันในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขาคาดเดาว่าพลังบนเสาศักดิ์สิทธิ์อาจจะมาจากโลกวัตถุที่ถูกบีบอัดพวกนี้

“แล้วในโลกวัตถุพวกนั้น… มีข้อมูลเกี่ยวกับเผ่ายักษาเหล่านี้หรือไม่?”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท