ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 609 ข้าจะจับเจ้าใส่หม้อต้ม!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 609 ข้าจะจับเจ้าใส่หม้อต้ม!

บทที่ 609 ข้าจะจับเจ้าใส่หม้อต้ม!

ไป๋โม่เสวี่ยและหลี่ลี่นั่งลงรับประทานอาหารภายในโรงอาหาร

เวลานี้มีคนจำนวนมากกำลังชื่นชมใบหน้าของเขา และไป๋โม่เสวี่ยไม่สนใจ เขากินต่อไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในขณะถูกล้อมรอบ แต่หลี่ลี่ผู้ขี้อายนี้แทบจะเป็นลมในกลุ่มฝูงชน

ท้ายที่สุด เขาทำได้เพียงพาหลี่ลี่ไปยังร้านขายของด้านข้างของโรงอาหารเพื่อซื้อซาลาเปา และเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเพื่อหลบหนีเหล่าฝูงชน ก่อนจะพานางออกไปซ่อนใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง

ภายในสถานที่แห่งนี้มีผู้คนไม่มากนัก หลี่ลี่จึงสงบจิตใจลงได้ แม้ว่าจะยังคงประหม่า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับไป๋โม่เสวี่ยในเวลานี้ นางจึงเริ่มรับประทานอาหารได้บ้างแล้ว

“ซาลาเปานี้ไม่เห็นจะอร่อยเลย”

หลังจากที่ไป๋โม่เสวี่ยกัดซาลาเปาที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ เขาก็แสดงความคิดเห็น

“ไม่อร่อยหรือ?”

มีคราบเป็นวงกลมเลอะปากของหลี่ลี่ หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋โม่เสวี่ย นางก็มองซาลาเปาในมือที่กัดไปแล้วครึ่งหนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ

“แต่ข้าว่ามันอร่อยดี”

“ทำเองคงอร่อย ไม่เป็นเช่นนี้แน่”

ไป๋โม่เสวี่ยทิ้งซาลาเปาในมือของเขาด้วยท่าทางที่งดงาม ก่อนจะกล่าวต่อ

“ลืมรสชาตินี้ไปซะ นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ข้าจะเป็นคนเตรียมอาหารกลางวันเอง!”

“ไป๋… โม่เสวี่ยทำอาหารเป็นด้วย?”

หลี่ลี่เผยสีหน้าชื่นชม

“ยอดเยี่ยมเลย”

“อืม ข้าค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากเช่นกัน” ไป๋โม่เสวี่ยพยักหน้า “อย่างไรก็ตาม ข้าเรียนรู้สิ่งนี้จากหนึ่งในท่านแม่ของข้า นางทำอาหารเก่ง และแน่นอนว่าอาหารของนางทำให้ครอบครัวของเรามีความอยากอาหารมาก”

“หนึ่งในท่านแม่?” หูของหลี่ลี่กระตุกเมื่อได้ยินคำนี้ “ท่านพ่อของโม่เสวี่ยมีภรรยาหลายคนหรือ?”

“สี่คน” ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวตอบ “ร่างกายของท่านพ่อแทบจะไม่ไหวแล้ว”

“อ้อ เจ้าเป็นสตรีจากตระกูลที่ร่ำรวยนี่เอง”

หลี่ลี่รู้สึกอิจฉาในคราวแรก แต่หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว นางรู้สึกว่าในฐานะหญิงสาว ไป๋โม่เสวี่ยต้องเรียนรู้การทำอาหารและต้องเตรียมอาหารกลางวันด้วยตนเอง เช่นนี้นางอาจจะไม่เป็นที่รักใคร่ของคนในบ้านก็ย่อมได้

บางทีครอบครัวของเขาอาจจะเห็นคุณค่าของเด็กชายมากกว่า และเด็กหญิงเป็นเพียงสิ่งของที่ต้องแต่งงานออกไป เมื่อไป๋โม่เสวี่ยเติบโตจนถึงอายุสิบแปดปี บิดาของเขาคงจะยัดเยียดให้เขาแต่งงานกับคนไม่รู้จัก บุรุษผู้นั้นคงเนื้อหอมและไม่รักนางอย่างแท้จริง หวังเพียงร่างกายและความงดงามเหล่านี้

“โม่เสวี่ย…”

ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ แววตาของหลี่ลี่เผยความขุ่นเคืองปนสงสาร

เมื่อเห็นการจ้องมองของอีกฝ่าย ไป๋โม่เสวี่ยก็คาดเดาได้เล็กน้อยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงกล่าวอธิบาย

“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ครอบครัวของเราเปิดกว้างและให้อิสระ มีเพียงท่านพ่อที่ยังต่อต้านสำหรับบางเรื่อง… ความจริงแล้วมารดาผู้ให้กำเนิดข้าคือบุคคลที่หัวโบราณที่สุด ท่านแม่คนอื่น ๆ ปฏิบัติต่อข้าเฉกเช่นบุตรในสายเลือด อีกอย่างท่านป้ายังบอกกล่าวกับข้าว่าความในห้ามเอาออก ความนอกอย่าเอาเข้า… อ่า ลืมไปเถอะ มันไม่มีอะไรสำคัญหรอก”

ดูเหมือนว่าเขาจะกล่าวมากเกินไป เวลานี้เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยความตกใจ

“อ๋อ! เป็นเช่นนั้นเอง”

หลี่ลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แต่โม่เสวี่ยไม่ใช่คนของเมืองนี้ แล้วเหตุใดจึงมาเข้าเรียนในสำนักที่ห่างไกลนี้คนเดียวล่ะ? มันอันตรายถ้าเจ้าจะอยู่ในสถานที่เช่นนี้เพียงลำพัง เพราะความงดงามของเจ้าจะดึงดูดความอันตรายเข้าหา”

แน่นอน ข้ามาที่นี่เพราะพี่สาวจอมเอาแต่ใจของข้า

ไป๋โม่เสวี่ยทำได้เพียงกล่าวในใจ แต่ภายนอกเขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจพร้อมกล่าวต่อ

“เพราะก่อนจะมาที่นี่ มีเทพพยากรณ์ทักข้าว่ามีโชคชะตาต้องกับสถานที่แห่งนี้ ข้าจึงต้องมาที่นี่”

“แล้วอะไรคือสาเหตุของโชคชะตาหรือ?”

หลี่ลี่กล่าวถาม

“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”

ไป๋โม่เสวี่ยส่ายศีรษะพร้อมกล่าวตอบ

“แต่หากเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป เดี๋ยวสักวันคงทราบเอง”

หลี่ลี่อยากจะกล่าวบางอย่าง แต่จู่ ๆ เสียงระฆังบอกเวลาก็ดังขึ้น

“ต้องกลับชั้นเรียนแล้ว”

ไป๋โม่เสวี่ยลุกขึ้นพร้อมกล่าวต่อ

“ค่อยคุยกันภายหลัง”

“อืม”

หลี่ลี่พยักหน้ารับ

ไป๋โม่เสวี่ยก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าว ก่อนจะหันกลับมามองแล้วยิ้มจาง ๆ

“อ้อ หลี่ลี่…”

เขากล่าวอย่างผ่อนคลาย

“เหมือนว่าที่พักของเราจะเป็นเส้นทางเดียวกัน งั้นวันนี้เลิกเรียนแล้ว เรากลับพร้อมกันดีหรือไม่?”

  

ภายในสำนักจันทราศักดิ์สิทธิ์ ชั้นเรียนช่วงบ่ายดำเนินการต่อไปตามปกติ แต่เพราะความงดงามของไป๋โม่เสวี่ย ทำให้เหล่าอาจารย์และผู้ฝึกตนภายในห้องคล้ายกับเหม่อลอย

อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างลับ ๆ ภายในห้องของอาจารย์ใหญ่ประจำสำนัก ซึ่งอยู่เหนือการรับรู้ของอาจารย์และผู้ฝึกตนทั้งหมด

อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักเป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐาน นางถูกชายหลอกลวงและย่ำยีหัวใจในช่วงปีก่อนหน้า เช่นนี้นางจึงไม่ไว้ใจผู้ชายคนใดอีกเลย ทำให้สำนักที่นางก่อตั้งขึ้นเป็นสำนักสตรีล้วน ซึ่งภาพลักษณ์ของนางทั้งงดงามและเย็นชา

แต่เวลานี้อาจารย์ใหญ่กำลังหมอบลงกับพื้น หันหน้าเข้าหาร่างที่นั่งบนเก้าอี้ราวกับสุนัขตัวน้อย

“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรื่องผิดปกติในสำนักของเจ้าหรือไม่?”

ชายชุดดำนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางกล่าวถามเสียงแผ่ว

“ไม่มีอะไร เป้าหมายก็ยังปกติดี”

อาจารย์ใหญ่ตอบกลับพร้อมครุ่นคิดบางอย่าง

“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ฝึกตนย้ายมาจากสำนักอื่น และสนิทสนมกับเป้าหมายของเรา”

“ผู้ฝึกตนใหม่?”

ชายในชุดดำถาม

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

อาจารย์ใหญ่ลุกขึ้นพร้อมร่ายคาถาบางอย่าง ทันใดนั้นม่านแสงพลันปรากฏขึ้นบนโต๊ะ เผยความงามอันไร้สิ้นสุดขึ้นมาตรงหน้าชายชุดดำ

“เป็นนาง”

อาจารย์ใหญ่กล่าวตอบ

“นามคือไป๋โม่เสวี่ย มาจากโลกวัตถุใกล้เคียง”

“ไป๋โม่เสวี่ย? อ๊ะ คนคนนี้จะต้องถูกส่งมาจากแดนเซียนแน่”

ชายชุดดำลูบคางก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ภายในโลกวัตถุนี้จะมีสตรีงดงามเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?”

“แล้วเราควรแยกพวกนางออกจากกันหรือไม่?”

อาจารย์ใหญ่กล่าวถาม

“จับแยก? อ่า… แน่นอน อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

เมื่อเห็นท่วงท่าสง่างาม รอยยิ้มเย็นชาบนม่านแสง ชายในชุดดำก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังผิดปกติในร่างกายของเขา มันค่อนข้างไม่เหมาะสมเล็กน้อย

เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกพันปีปรากฏขึ้นมาให้เห็น

“จับนางเอาไว้ ข้ากำลังฝึกวิทยายุทธ์เมื่อเร็ว ๆ นี้และยังขาดเครื่องเซ่นสังเวย หากใช้นางลงหม้อ ข้าน่าจะพัฒนาทักษะเพิ่มเติมได้อีกแน่นอน”

“ศิษย์จะช่วยเหลือนายท่านจับนางผู้นี้ไว้เอง!”

อาจารย์ใหญ่โค้งคำนับอย่างเคารพ

“ทำดีมาก เจ้าตัวน้อยของข้า”

ชายในชุดดำลุกขึ้น เหยียดนิ้วออกมาลูบไล้ริมฝีปากของอาจารย์ใหญ่ เวลานี้อาจารย์ใหญ่เผยใบหน้าแดงก่ำก่อนจะอ้าปากเลียนิ้วของชายตรงหน้าอย่างเย้ายวน

“พอจับนางผู้นี้ได้ ก็ส่งมันไปพร้อมกับเป้าหมายเสียเลย”

ไป๋โม่เสวี่ยที่กำลังนั่งอยู่ในชั้นเรียนและตั้งใจฟังบรรยาย เขารู้สึกเย็นวาบที่สันหลังอย่างบอกไม่ถูก

เสียงระฆังดังเพื่อบอกหมดเวลา และมีเสียงประกาศว่า

“ผู้ฝึกตนไป๋โม่เสวี่ย โปรดมาที่ห้องพักอาจารย์ใหญ่หลังเลิกเรียน อาจารย์ใหญ่มีเรื่องจะกล่าวถามสักเล็กน้อย”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท