บทที่ 621 ไป๋ซวี่เซียงต้องการใช้ความสามารถของตนเอง
บทที่ 621 ไป๋ซวี่เซียงต้องการใช้ความสามารถของตนเอง
“…”
ไป๋โม่เสวี่ยคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวจริงจัง
“ท่านแม่ ข้าชอบความน่ารัก ใจดี และความไร้เสียงสาของนาง”
“ประโยคนี้มาจากข้ออ้างของบุรุษในวรรณกรรมลามก”
ซูเซียงเสวี่ยกล่าวแผ่วเบา
“โม่เสวี่ย เจ้าถูกแม่สั่งสอนมากับมือ และความรู้เรื่องนี้ของเจ้ายังด้อยมาก แต่กลับคิดใช้สิ่งนี้โอ้อวดต่อหน้าแม่งั้นหรือ?”
“ท่านแม่”
ไป๋โม่เสวี่ยกุมหน้าอกตนเองพร้อมกล่าวต่อ
“เพราะนี่คือเศษเสี้ยวความรัก ที่ข้าสามารถสัมผัสได้”
ซูเซียงเสวี่ยไม่ถูกบุตรชายหลอกลวง นางถามกลับไปว่า
“เช่นนั้นบอกกล่าวต่อข้ามาเถิดว่าความน่ารัก ความใจดี และความไร้เดียงสาของนางอยู่ตรงไหน?”
ไป๋โม่เสวี่ยชำเลืองมองหลี่ลี่ก่อนจะกล่าวอย่างลังเล
“เรื่องนี้… คือ…”
“ตอบได้หรือไม่?”
ซูเซียงเสวี่ยกล่าวอย่างอ่อนโยน
“โม่เสวี่ย แม้เจ้าจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากหากจะมีคนรัก และเจ้าไม่อาจเลือกภรรยาอย่างประมาทเช่นคนอื่น ๆ”
คนอื่น ๆ ที่ว่าหมายถึงใคร?
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว แต่ข้าชอบนางจริง ๆ”
ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวเสียงแข็ง
“แต่เจ้ากลับไม่สามารถบอกกล่าวถึงสิ่งที่เจ้าชื่นชอบในตัวนางได้”
ซูเซียงเสวี่ยทัดผมที่ใบหูหนึ่งข้างด้วยท่าทางทรงเสน่ห์
“อย่าได้กังวล แม้เจ้าจะต้องถูกคุมขังในห้อง แต่พ่อของเจ้าและข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้ฝึกตนปีศาจทำร้ายเด็กหญิงไร้เดียงสาผู้นี้ สุดท้ายแล้วพ่อของเจ้าจะช่วยเจ้าแก้ไขปัญหาของผู้ฝึกตนปีศาจผู้นั้นเอง…”
ไป๋โม่เสวี่ยเม้มริมฝีปากก่อนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ท่านแม่ แต่ข้าไม่ได้โกหก ความจริงแล้วเหตุผลที่ข้าชอบหลี่ลี่ไม่ได้ซับซ้อน เพราะนางเป็นสตรีคนแรกที่ข้าได้พบ นอกเหนือจากครอบครัวแล้ว นางคืออีกคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมนตร์มหาเสน่ห์ของข้า!”
“โอ้?”
ซูเซียงเสวี่ยตกตะลึงชั่วขณะ ก่อนจะหันมองไป๋ชิวหราน
“เป็นไปได้หรือ?”
“หากหญิงสาวผู้นี้คือเจตจำนงวิถีสวรรค์จริง ๆ ก็เป็นไปได้ว่านางจะไม่ได้รับผลกระทบจากมนตร์มหาเสน่ห์ของโม่เสวี่ย”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้า
“ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะอ่อนแอเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วก็คือตัวแทนของวิถีสวรรค์ เป็นไปได้มากที่จะสามารถต่อต้านพลังของโม่เสวี่ยได้”
“ใช่ หลี่ลี่เป็นสตรีคนแรกที่ตกหลุมรักข้า ไม่ใช่เพราะความสามารถของข้า แต่เป็นเพราะตัวของนางเอง”
ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“พอข้าตระหนักเรื่องนี้แล้ว ข้าก็ยิ่งสนใจนางมากขึ้น ยิ่งสนใจมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งเห็นสิ่งดี ๆ ในตัวนางมากมาย และไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อใดที่ข้าอยากจะอยู่ใกล้และคอยปกป้องนางเช่นนี้”
“เป็นเช่นนั้นหรือ?”
ไป๋ซวี่เซียงกล่าวตอบ
“สำหรับหลี่ลี่แล้ว โม่เสวี่ยเพียงสวมใส่กระโปรงเผยเรียวขาเพื่อปกป้องนางจากเงื้อมมือของผู้ฝึกตนชั่วร้ายผู้นั้น”
“เรื่องเป็นเช่นนี้เอง”
ซูเซียงเสวี่ยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“แม้โม่เสวี่ยจะอยู่ในครอบครัวที่มีแต่สตรีเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วรสนิยมทางเพศก็ยังปกติดีอยู่ นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
นางลุกขึ้นเดินไปหยุดที่ด้านหลังของหลี่ลี่ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังแล้วเหยียดมือลงบนไหล่เล็ก
“สาวน้อย เจ้านามว่าหลี่ลี่ใช่หรือไม่?”
หลี่ลี่มองใบหน้าที่คล้ายคลึงกับไป๋โม่เสวี่ย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นผู้ใหญ่ จมูกของนางสัมผัสกลิ่นดอกบ๊วยจาง เมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ น้ำเสียงของนางจึงกลายเป็นติดขัดอย่างประหม่า
“ข้า ชื่อหลี่ลี่ ยินดีที่ได้พบท่านป้า”
“น่ารักไม่น้อย”
ยิ่งซูเซียงเสวี่ยมองหลี่ลี่มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้น่ารับชม เพลิดเพลินสายตา เมื่อนางได้พบกับหลี่ลี่คราวแรก นางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงสาวน้อยธรรมดาที่รูปร่างหน้าตาดีเท่านั้น อีกทั้งหน้าตาของนางยังไม่งดงามเท่าไป๋หลานจื่อ ไป๋ซวี่เซียง หรือไป๋โม่เสวี่ยแม้แต่น้อย แต่เวลานี้ซูเซียงเสวี่ยรู้สึกว่าสาวน้อยตรงหน้ามีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดสายตาของตนได้
ดูเหมือนว่ารสนิยมของไป๋โม่เสวี่ยก็ไม่เลวร้าย…
นางลอบคิดในใจ
“เซียงเสวี่ย อย่าได้หลงกลเด็กเหล่านี้”
เมื่อเห็นท่าทีของซูเซียงเสวี่ยแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เราไม่สามารถละเว้นโทษได้ แม้โม่เสวี่ยจะคบหากับสาวน้อยผู้นี้ แต่เราก็ไม่สมควรยินยอม ท้ายที่สุดแล้วเรายังไม่ทราบถึงนิสัยใจคอของหญิงสาวผู้นี้เลย ไหนจะเรื่องภูมิหลังครอบครัว เชื้อชาติ และอื่น ๆ มากมาย ข้ายังไม่ทราบสิ่งใดทั้งสิ้น และคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าพวกเราทั้งสองจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“ท่าน… ท่านคือลุงไป๋ชิวหรานใช่หรือไม่?”
หลี่ลี่หันมองเขาในเวลานี้
“ข้า… เอ่อ ข้ามักจะได้ยินเรื่องของท่านจากแม่นางซวี่เซียงและโม่เสวี่ย ข้าได้ยินว่าท่านคือผู้ฝึกตนขั้นก่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและเป็นอมตะที่แท้จริง! ในฐานะผู้ฝึกตนแล้ว ข้าชื่นชอบและยกย่องความสามารถของท่านยิ่งนัก!”
สาวน้อยมองไป๋ชิวหรานพร้อมกับชื่นชมเขาด้วยความจริงใจ
ไป๋ชิวหรานเงียบไปทันที ในขณะนั้น ไป๋ซวี่เซียงลอบกระซิบกับไป๋โม่เสวี่ยในขณะที่บิดาของตนกำลังถูกยกยอ
“ถูกต้องแล้ว!”
นางประสานหมัดกับน้องชายพร้อมกล่าวเคร่งขรึม
“หลี่ลี่ชื่นชมท่านพ่อมากจริง ๆ!”
“เมื่อครู่ข้ากล่าวว่าอะไรนะ?”
ไป๋ชิวหรานก้มศีรษะลง เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับตรงมาหาหลี่ลี่ ยืนเคียงข้างกับซูเซียงเสวี่ยพร้อมจับบ่าหญิงสาวตัวน้อยผู้นี้เอาไว้
“ลองมองเด็กคนนี้ให้ดี ข้าคิดตรองดูแล้วนางเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ตระกูลไป๋ของพวกเรา! เด็กหญิงที่น่ารักเช่นนี้จะหาพบได้จากที่ไหนอีกเล่า? โม่เสวี่ยเก่งกาจที่ค้นหานางเจอ นี่นับเป็นพรที่โม่เสวี่ยได้รับในสามชั่วอายุคนใช่หรือไม่?”
“เป็นเช่นนั้น”
ไป๋โม่เสวี่ยยืนขึ้นพร้อมตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ จงดูแลนางให้ดี”
ไป๋ชิวหรานมองบุตรชายของเขาอย่างเข้มงวด
“หากเจ้าทำให้หลี่ลี่โกรธเคือง เมื่อกลับบ้าน ข้าจะหักขาเจ้า!”
“ท่านพ่อ”
ไป๋ซวี่เซียงคิดตักตวงผลประโยชน์จากชัยชนะคราวนี้
“เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงของโม่เสวี่ย…”
“เรื่องนี้…”
ไป๋ชิวหรานกลับลังเล
“เอาล่ะ… ชิวหราน”
ซูเซียงเสวี่ยกล่าวเกลี้ยกล่อม
“อย่างไรแล้ว โม่เสวี่ยได้พบกับสตรีที่เขาชื่นชอบ ดังนั้นเรื่องนี้ปล่อยไปเถิด”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว… ใช่อย่างที่สุด!”
เมื่อเห็นว่าซูเซียงเสวี่ยกล่าวแล้ว ไป๋ซวี่เซียงจึงรีบกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว
“สุดท้ายแล้ว เหตุผลที่โม่เสวี่ยต้องสวมใส่เสื้อผ้าสตรีเพียงเพื่อปกป้องหลี่ลี่ หลังจากเราจับกุมผู้ร้ายได้แล้ว โม่เสวี่ยก็ไม่ต้องสวมใส่กระโปรงเผยเรียวขาอีกต่อไป!”
“ผู้ฝึกตนปีศาจคนนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เอาล่ะ ข้าจะช่วยจัดการเรื่องนี้เอง!”
“ไม่! ท่านพ่อ!”
ไป๋ซวี่เซียงปฏิเสธ
“ข้าไม่อยากพึ่งพากำลังของท่าน! เช่นนี้คนในกลุ่มทำภารกิจลับจะต้องนินทาข้าแน่นอนว่าหัวหน้าไป๋ซวี่เซียงเอาแต่สร้างปัญหาและคอยให้บิดาช่วยเหลือเสมอ!”
“แล้วอย่างไร?! ก็เจ้ามีบิดาแข็งแกร่ง!”
ไป๋ชิวหรานยังไม่ยอมแพ้
“บิดาของเจ้าคือจักรพรรดิภูตผี การกลับชาติมาเกิดของมันผู้นั้นมิใช่มาจากการกระทำที่ดีไม่ใช่หรือ? ไป๋ซวี่เซียง เจ้าคิดจัดการกับผู้ครอบครองพลังสังสารวัฏวิถีเดรัจฉานนี้ด้วยตนเอง? คนเหล่านั้นจะกล่าวต่อว่าสิ่งใดเจ้าได้อีก?”
“ที่ท่านพ่อกล่าวก็ถูก แต่แม้ข้าจะพูดเช่นนั้น สุดท้ายข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกแหง่!”
ไป๋ซวี่เซียงวางมือบนสะโพกพร้อมถอนหายใจ
“ท่านพ่อ ท่านคิดอย่างไรจึงอยากเข้ามายุ่งเรื่องนี้? เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ข้าใกล้จะจับกุมผู้ฝึกตนปีศาจนั้นได้แล้ว และข้าสามารถทำให้โม่เสวี่ยเป็นวีรบุรุษผู้ปกป้องสาวงามต่อหน้าหลี่ลี่ได้ด้วย”
“เราไม่เห็นต้องเสแสร้ง”
ไป๋ชิวหรานพึมพำ
“ก่อนหน้านี้บิดาของเจ้าไม่ใช่ผู้ปกป้องสาวงามงั้นหรือ? ยกเว้นเจ้า แม่เซียงเสวี่ย ข้าก็ไม่เคยเห็นใครพูดกล่าวกับข้าเช่นนี้ บอกเลยว่าโม่เสวี่ยนั้นเปรียบได้กับสุกรตัว…”
“หุบปากของท่านเดี๋ยวนี้!”
ซูเซียงเสวี่ยโกรธจัดพร้อมกับถีบไป๋ชิวหราน นางกล่าวคำผ่านไรฟัน
“นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะพัฒนาความสัมพันธ์ ท่านจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปวุ่นวาย!”