ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 128 กระบี่ทัณฑ์ฟ้า (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่128 กระบี่ทัณฑ์ฟ้า (2)

เซียถงกวาดสายตามองไปที่กระบี่เล่มยาว คมแสงเจิดจรัสสว่างแพรวพราวสาดสะท้อนใส่ดวงตาของนาง ความเหนื่อยล้าเจ็บปวดทั่วร่างกายพลันอันตรธานหายวับไปทันที กระบี่ยาวเล่มนั้นช่างเสน่ห์เสน่ห์เกินห้ามใจ นางมิอาจต่อต้านแรงปรารถนา ก้าวย่างตรงเข้าไปหากระบี่เล่มนั้นทันควัน

“นายท่าน ลองละสายตาจากกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสักครู่ แล้วมองซ้ายแลขวาดูดีหรือไม่?”

เสี่ยวฮั่วเปล่งเสียงกล่าวขึ้นภายในห้วงความคิดของเซียถง ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูท่าทางมันค่อนข้างอึดอัดใจ

ได้ยินคำเตือนสติ เซียถงหันขวับพลันสังเกตได้ว่า ในสถานที่แห่งนี้มิได้มีเพียงนางโดยลำพัง แต่ยังมีอีกสองร่างยืนอยู่บนโขดหินด้านซ้ายและขวาตรงข้ามซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ต่างกระชับถือกระบี่เล่มยาวเปรอะเปื้อนคราบเลือดสดรินหยดเป็นทางในกำมือ จับจ้องกันตาเขม็งไม่คลายอ่อน บรรยากาศเสมือนได้กลิ่นดินปืนกำลังปะทุระเบิด

เย่หลีเทียนและชายผู้นั้น ทั้งสองร่างกายล้วนเปียกโชกชโลมไปด้วยเลือด ทว่าต่างฝ่ายยังคงรักษาความสง่าเกินพรรณนาเอาไว้ได้ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยหลากหลายอารมณ์ บาดแผลทั่วร่างยิ่งเสริมแสดงให้เห็นว่า ศึกสัประยุทธ์ในคราวนี้เดือดดุจัดจ้านเพียงใด ถึงเสื้อผ้าจะขาดลุ่ยเป็นเศษเล็กเศษน้อยเสมือนขอทาน แต่นี่ก็มิอาจลดทอนความทรงบารมีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของทั้งคู่ดุจดั่งเซียนสวรรค์ลงได้

สองสายตาสบปะทะ บรรยากาศมันช่าง….

มิใช่ว่าพวกนั้นจะสู้กันอีกยกกระมัง? เพราะหากปะทะท้าชนกันอีกครา เกรงว่านางไม่เหลือเรี่ยวแรงหนีหรือกระทั่งหาที่หลบซ่อนตัวแล้ว โดนลูกหลงคลื่นลมปราณกระแทกใส่สักระลอก มิใช่ว่านางถึงตายเลยรึไง? และยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่น่าจะเป็นบริเวณถ้ำชั้นลึกสุด กล่าวได้ว่าเป็นโครงสร้างหลักที่พยุงถ้ำแห่งนี้เอาไว้ หากถูกทำลายจนเกิดความเสียหายหนักขึ้นมา มีโอกาสสูงมากที่ตัวถ้ำทั้งหมดจะถล่มลงมา กล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งสามถูกฝังทั้งเป็น! เซียถงที่นึกขึ้นได้เช่นนั้น พลันวิตกกังวลขึ้นทันที เฝ้ามองสถานการณ์ทั้งสองที่มีโอกาสปะทุได้ทุกเมื่อด้วยความระมัดระวังสุดขีด

ตระหนักได้ถึงสายตาคู่นั้นของเซียถงที่กำลังจับจ้องมองมา ทั้งเย่หลีเทียนและชายผู้นั้นต่างเบนความสนใจเข้าหานางในทันใด

ภายใต้สายตาฉายแววตื่นตัวอยู่ตลอดของนายทั้งสอง ทำเอาแผ่นหลังของเซียถงเปียกชุ่ม มีเหงื่อเย็นไหลหลั่งออกมาโดยมิตั้งใจ เหลือบแลไปทางกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ปุกอยู่บนแผ่นศิลาอยู่ปราดหนึ่ง พยายามทำใจให้สงบ กล่าวประนีประนอมเสียงอ่อนประดุจแม่พระขึ้นอย่างไวว่า

“พวกเจ้าคงไม่อยากสู้กันต่อที่ตรงนี้กระมัง ภายในถ้ำชั้นลึกปานนี้ หากปะทะประมือกันมีหวังตัวถ้ำได้ถล่มลงมาจริงๆ กลบฝังพวกเราทั้งเป็นแน่นอน ก็ขอชี้แนะสักข้อ อย่าพึ่งสู้กันที่นี่เป็นดีที่สุด”

ทั้งเย่หลีเทียนและชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยือนใดๆ ดวงตาของทั้งสองก็ยังจับจ้องไปที่เซียถงไม่ไปไหนเช่นกัน

ไฉนชายสองคนนี้เอาแต่มองนาง? หูหนวกไม่ได้ยินที่พูดไปรึอย่างไร?

“หากไม่อยากให้ถ้ำถล่มฝังพวกเราทั้งเป็น ก็ขอแนะนำอย่าสู้กันที่นี่ ได้ยินหรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองยังไม่มีทีท่าตอบสนองใดๆ เซียถงจึงเปล่งเสียงตะโกนเอ่ยทวนคำพูดของนางอีกครา

ในครั้งนี้ ชายทั้งสองล้วนมีปฏิกิริยาตอบกลับ ในที่สุดสายตาทั้งสองคู่ต่างถอดถอนออกมาจากใบหน้าของเซียถง แต่ก็ยังกลิ้งกลอกไปมา บ้างยังมีลอบมองนางอยู่เป็นระยะ

เอ่อ…มีอะไรติดหน้าข้ารึไง? ไยพวกเจ้าถึงต้องทำท่าทีแปลกๆ มองกันแบบนั้น? เซียถงที่คิดได้ดังนั้น พลางยกมือยกไม้ขึ้นเกาศีรษะของตนดังแกร๊กๆ ทั้งสีหน้างุนงง

“นายท่าน เอ่อ…ท่านโป๊หมดแล้ว…”

เสี่ยวฮั่วได้แต่ส่ายหน้า ส่งเสียงเตือนขึ้นดังอย่างละอายใจภายในห้วงความคิด

ห่ะ?! โป๊?! เซียถงรีบก้มหน้ามองดูร่างกายของตน เห็นเพียงชุดเสื้อผ้าผืนบางใสเปียกชุ่ม ติดแนบกับเรือนร่างอรชรจนเห็นด้านใน เผยทรวดทรงโค้งเว้าเรียวบางแห่งอิสตรีทรงเสน่ห์ และจุดที่น่าดึงดูดสายตาที่สุดคงหนีไม่พ้นเนินอกอวบอิ่มสีขาวผ่องประดุจหิมะใต้เสื้อผ้าที่เปียกแฉะ

แต่หากให้กล่าวตามจริงแค่นี้ยังไม่เรียกว่าโป๊ด้วยซ้ำสำหรับเซียถง นางแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ยืนเท้าสะเอวทั้งชุดเสื้อผ้าที่เปียกแฉะอยู่แบบนั้น

“สวมนี่ก่อน”

ชายผู้นั้นโยนเสื้อคลุมชั้นนอกออกไปให้พร้อมกล่าวกับเซียถง

ทางด้านเย่หลีเทียนยังคงจ้องเซียถงตาไม่กะพริบ มิอาจทรงทราบได้สักนิดว่า ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ สังเกตเห็นเพียงดวงตาคู่นั้นที่ค่อยๆ หม่นประกายมืดลง เซียถงเดาไปว่า อีกฝ่ายคงจะจินตนาการเรื่องสกปรกต่ำทรามอยู่ก็เป็นได้

ภายใต้สายตาที่มิอาจคาดเดาได้ของเย่หลีเทียน ทำเอาเซียถงเสียวซ่านลามไปยังหนังศีรษะชั่วขณะหนึ่ง เก็นเป็นดังนั้น นางก็รีบเร่งมือสวมเสื้อคลุมตัวโคร่งทับ ปิดบังเรือนร่างอิสตรีของตนโดยไว ปรายหางตาเหลือบไปทางเย่หลีเทียน เอ่ยปากประชดประชันขึ้น เสียดสีอีกฝ่ายทันใดว่า

“สงสัยว่าไม่เคยเห็นหญิงสาวเนื้อตัวเปียกโชก? จ้องขนาดนั้น มิกลัวจะปวดตากระมัง?”

เมื่อได้ฟังคำเสียดสีจากปากเซียถง เย่หลีเทียนพลันหันขวับมองไปยังทิศทางอื่นโดยไว ส่วนชายผู้นั้นเคลื่อนสายตามองเซียถงเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกชื่นชม ฝีปากของหญิงสาวนางนี้นับว่าเผ็ดดุ ชั่วขณะต่อมา แลเห็นนางมองสวนกลับมา ชายผู้นั้นรีบหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะโดนหารเลขไปด้วยอีกคน

ในเวลานี้ ทั้งชายผู้นั้นและเย่หลีเทียนไม่มีใครกล้ามองนางอีกต่อไป ทว่าทั้งสองกำลังจับจ้องไปที่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าจนเป็นตาเดียว

ชั่วพริบตาเดียว สองคู่เท้าไสววูบ ปราดพุ่งเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าด้วยความเร็วเต็มพิกัด ปรากฏเป็นเงาร่างโฉบเฉียวอยู่สองสาย เซียถงที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าพลันรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง แต่โชคยังดีที่ทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน เลือกที่จะเข้าปะทะชนกันก่อน มิได้พุ่งเข้าไปแย่งกระบี่เล่มนั้นกันโดยตรง

แต่ภายใต้ศึกสัประยุทธ์เดือดระหว่างปรมาจารย์ขอบเขตราชันย์ม่วงเฉกเช่นนี้ นางจะเสาะหาจังหวะใดไปฉกฉวยกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมาได้ก่อนล่ะ? นางเหลือบหางตามองไปทางบ่อน้ำที่ดำมากันในทีแรก เริ่มคำนวณแผนการภายในใจอย่างลับๆ ผ่านไปสักครู่หนึ่ง พอเห็นว่าชายสองคนนั้นมิได้สนใจตัวนางเลยแม้แต่น้อย เซียถงก็ก้าวย่างเดินไปหยิบก้อนหินขนาดเล็กมาก้อนหนึ่ง อัดพลังลมปราณขุมใหญ่ควบแน่นลงไปในหินก้อนนั้น และหันเล็งไปทางบ่อน้ำ ง้างนิ้วดีดออกไปสุดแรงเกิด

‘บูม!’

เสียงหินก้อนนั้นระเบิดใต้น้ำดังสนั่น ลั่นกึกก้องไปทั่วถ้ำกังวาน ทำเอาชายทั้งสองคนนั้นที่กำลังต่อสู้กันอยู่หยุดชะงักท่าร่างสาดกระบวน หันขวับไปทางต้นเสียงที่มาจากใต้บ่อน้ำด้วยความตื่นตระหนก กังวลว่า กิเลนสมุทรจะเข้าร่วมศึกสัประยุทธ์เดือดเป็นฝ่ายที่สามด้วยหรือไม่?

เสี้ยวพริบตานั้นเอง เซียถงกระโจนขึ้นจากที่ซ่อน เพียงปลายเท้าแตะสัมผัสพื้นดิน นางระดมพลังลมปราณสุดขีด ใช้พื้นค้ำยันอัดเป็นแรงส่ง ดีดตัวเองพุ่งเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้า พร้อมยกมือคว้าด้ามกระบี่ กระชากดึงออกมาจากแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว

เย่หลีเทียนรีบเร่งหันกลับมา แต่กลับสายเกินไปเสียแล้ว เซียถงได้กระบี่โบราณเล่มนั้นอยู่ในกำมือเป็นที่เรียบร้อย เห็นเป็เช่นนั้น เขาทำได้เพียงฟันฟาคลื่นกระบี่คมเขี้ยวเสี้ยวจันทร์ยิงใส่นางหวังพิฆาตให้ตายในอึดใจเดียว แต่ชั่วขณะต่อมา กลับถูกคลื่นกระบี่สีเงินประกายจากเบื้องหลัง เข้าสกัดหยุดเอาไว้ก่อนถึงตัวเซียถงอย่างทันท่วงที

เซียถงกระโดดเหยียบแผ่นหินเบี่ยงทิศทางเพื่อย้อนโจมตีสวนอีกฝ่ายกลับไป นางโถมพลังลมปราณทั้งหมดลงไปในคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าภายในมือทั้งสองข้าง ทันใดนั้น คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าพลันเปล่งแสงสีมรกตเขียวสว่างไสวต่อหน้าต่อตา เย่หลีเทียนที่เห็นดังนั้น ดวงตายิ่งทวีความเข้มข้น ทอประกายสีทมิฬดำจัด ฉาดฉายแววเดือดดุ เขาเปลี่ยนท่าจับกระบี่เป็นสองมือ กรอกเทขุมพลังความแกร่งกล้านับไม่ถ้วนลงในสองมือนั้นที่จับด้ามกระบี่ให้มั่น เตรียมเข้าปะทะเต็มพิกัด

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท