ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 160 ชัยชนะ (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่160 ชัยชนะ (2)

ไป๋หลี่เย่จ้องโอสถบนฝ่ามือเซียถงตาเขม็งตื่นตกใจสุดขีด ในขั้นต้น เบื้องลึกสุดในใจของเขาก็ยังพอมีความหวังอยู่ริบหรี่หวังว่าบางทีเซียถงอาจไม่สามารถนำโอสถออกมาเผยแสดงได้จริงๆก็เป็นได้ แต่ในเวลานี้ เมื่อพินิจมองโอสถเหล่านั้นตรงหน้า เสมือนเวลากลับหยุดนิ่ง ทั่วหน้าผากและแผ่นหลังเหงื่อแตกพลั่กเกินควบคุม

ในเวลาเดียวกัน บรรดาฝูงชนโดยรอบทั้งหลายต่างโพล่งตาโต จับจ้องโอสถในมือเซียถงจนเป็นตาเดียว เสียงหัวเราะเยาะเย้นก่อนหน้าอันตรธานหายสิ้นไร้ร่องรอย หลงเหลือเพียงความเงียบสงัดทั่วบริเวณ โอสถกว่าสิบเม็ดตรงหน้าของพวกเขาเป็นโอสถระดับสอง และมีเพียงราชาโอสถขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม เหตุไฉนกัน…นางที่เป็นเพียงบุตรสาวของจวนเสนบดีชั้นล่าง ถึงมีโอสถระดับสองมากมายปานนี้ในมือ?

ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีใครบางคนได้สติตื่นขึ้นจากภวังค์ความตกใจ ยกฝ่ามือขึ้นมาถูไถไปมา กล่าวด้วยรอยยิ้มขึ้นว่า

“สหายเซียถง เจ้าไปเอาโอสถเหล่านี้มาจากไหนรึ? มิทราบว่าพอจะช่วยแนะนำราชาโอสถท่านนั้นให้รู้จักได้หรือไม่?”

“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! สหายเซียถงของเรา เจ้าช่วยแนะนำราชาโอสถท่านนั้นให้ข้ารู้จักได้หรือไม่?”

ท่าทางการแสดงออกของผู้คนโดยรอบทั้งหลายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันใด แต่ละคนจับจ้องไปทางเซียถงพร้อมความคาดหวังที่ฉายปรากฏขึ้นในดวงตาเกินจะเก็บซ่อน

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังคงรอคอยเพื่อเฝ้าดูละครตลกฉากใหญ่อยู่หมาดๆ ทว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็นเคารพให้เกียรตินางเสียแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะโอสถในมือทั้งสิ้น

ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ช่าวงน่ากลัวเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริง!

“เจ้า…เจ้า…เจ้าไปเอาโอสถพวกนี้มาจากไหน?”

ไป๋หลี่เย่เพิ่งกลับมาได้สติอีกครั้ง เอ่ยถามน้ำเสียงติดอ่างตะกุกตะกักแทบไม่เป็นภาษา

“โอสถเหล่านี้มาจากไหน กลับหาใช่เรื่องที่องค์รัชทายาทต้องรู้”

ทันใดนั้นเอง เซียถงก็ลุกขึ้นพรวดขึ้นจากโต๊ะ กดสายตาก้มมือโอสถบนฝ่ามือเล็กน้อย และเปล่งเสียงเย็นชาเอ่ยถามสวนกลับไปว่า

“หวังว่าองค์รัชทายาทจะไม่ผิดคำสัญญา คงเห็นโอสถในมือของข้าชัดแจ้งดีแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่เย่ยกแขนเสื้อยาวปาดเหงื่อจากหน้าผากไปทีหนึ่ง เหม่อมองโอสถในมือของเซียถงอย่างว่างเปล่าอยู่นาน ก่อนจะโพล่งกล่าวประโยคอันแสนไร้ยางอายขึ้นว่า

“เซียถง! โอสถพวกนี้ของปลอม!”

“จริงหรือเท็จกลับไม่สำคัญหากให้คนมาตรวจสอบ”

ในเมื่อไป๋หลี่เย่เลือกที่จะดิ้นติดกำแพงเองเช่นนี้ เซียถงย่อมสนองให้ทันที และเริ่มเหลือบสายตากวาดมองไปยังบรรดาคณะอาจารย์โดยรอบ เพื่อจะมองหาหยุนซี

“ข้าอาสาเอง”

เย่หลีเทียนที่ยืนอยู่เบื้องหลังไป๋หลี่เย่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยกมือขึ้นเหนือศีรษะเปล่งเสียงเอ่ยออกมาทันใด กล่าวจบก็เดินตรงไปหยุดตรงหน้าเซียถงและมองโอสถเหล่านั้นในมือของนาง

เซียถงเหลือบมองไปทางเย่หลีเทียนที่ตรงเข้าใกล้นางไปปราดหนึ่ง แลอดนึกถึงภาพฉากที่อีกฝ่ายกำลังดูดเลือดเขมือบศพหญิงสาวในตอนนั้นมิได้ ร่องรอยความกลัวเผยปรากฏขึ้นจากเบื้องลึกภายในใจของนางทันใด เสี้ยวอึดใจต่อมา นางตั้งใจจะชักมือที่ถือครองโอสถกลับเข้าหาตัวทันที ทว่ากลับสายเกินไปแล้ว เย่หลีเทียนหยิบโอสถเม็ดหนึ่งขึ้นมาเชยมองต่อหน้าเป็นที่เรียบร้อย

เร็วมาก!

“เช่นนั้นก็ให้อัครมหาเสนาบดีเย่ตรวจสอบ ท่านเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิตงหลี่ หวังว่าจะสามารถตัดสินกับสิ่งต่างๆได้อย่างยุติธรรมเที่ยงตรง หากโอสถเม็ดนี้เป็นของแท้ก็คือแท้ หากใช่โกหกว่าเป็นของปลอม เพียงเพราะต้องการจะรักษาหน้าขององค์รัชทายาท”

ในเมื่อโอสถอยู่ในกำมือของเย่หลีเทียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซียถงทำอะไรอื่นไม่ได้แล้วเช่นกัน ได้แต่กล่าวดักทางอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

ความหมายสำหรับคำกล่าวนี้ค่อนข้างชัดเจน หากเย่หลีเทียนบอกว่า โอสถในมือของนางเป็นของปลอม แสดงว่าอีกฝ่ายเจตนาบิดเบือนความจริงเพื่อช่วยเหลือองค์รัชทายาท

อย่างไรก็ตามแต่ ในส่วนที่ว่าโอสถในมือของเซียงจะเป็นของจริงหรือปลอม ฝูงชนโดยรอบสามารถบอกได้ทันทีด้วยตาเปล่า แต่ในยามนี้ทุกคนที่ต้องเผชิญหน้ากับคำกล่าวหาอันไร้ยางอายของไป๋หลี่เย่ พวกเขาเหล่านี้ฉลาดพอที่เลือกจะไม่พูดและปิดปากเงียบ และหากสรุปสุดท้ายนี้ เย่หลีเทียนบอกว่า โอสถในมือของนางเป็นของปลอม พวกเขาก็ไม่คิดที่จะคัดค้านหรือปฏิเสธเช่นกัน เพราะไม่อยากเดือดร้อน

เย่หลีเทียนก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับโอสถเม็ดกลมในมืออยู่สักครู่หนี่ง และในขณะเดียวกัน ทุกสายตาที่จับจ้องต่างเผยแววประหม่ารอลุ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลแพ้ชนะของศึกการเดิมพันระหว่างเซียถงกับไป๋หลี่เย่อยู่ในมือของชายผู้นี้โดยสมบูรณ์แล้ว

ในขณะเดียวกัน พลันปรากฏรอยยิ้มอันพึงพอใจบนใบหน้าของไป๋หลี่เย่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะทราบถึงผลแพ้ชนะของการเดิมพันในครั้งนี้แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เย่หลีเทียนจะต้องประกาศว่า โอสถเหล่านี้เป็นของปลอม และเขานี่แหละจะใช้โอกาสนี้สังหารเซียถงทิ้งซะ!

เซียถงขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย เหลือบแลสายตามองไปทางเย่หลีเทียนเจือแววรังเกียจอยู่เต็มหัวใจ ตราบเท่าที่เย่หลีเทียนกล้าใส่ความหาว่าโอสถเม็ดนี้เป็นของปลอมเมื่อใด นางจะรีบคว้าคืนกลับมาทันทีและวิ่งไปหาท่านคณบดีเคราขาว ขอร้องให้อีกฝ่ายเป็นผู้ตรวจสอบด้วยตัวเอง!

ถึงเย่หลีเทียนจะมีอำนาจบาตรใหญ่ถึงขั้นใช้มือปิดแผ่นฟ้าได้ด้วยหนึ่งมือ แต่สถานะของท่านคณบดีแห่งสถานศึกษาเซิงหลิงเองก็หาใช่ว่าจะข้ามหน้าข้ามตากันได้โดยง่ายเช่นกัน

“นี่…เป็นโอสถของจริง”

เย่หลีเทียนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมป่าวประกาศน้ำเสียงชัดเจนทุกถ่อยคำต่อหน้าฝูงชน พลางเหลือบสายตามองเซียถงในเวลาเดียวกัน

เมื่อได้ยินเย่หลีเทียนกล่าวออกมาเช่นนี้ ฝูงชนรอบข้างทั้งหลายแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทุกสายตาเหม่อมองมาทางเขาอย่างว่างเปล่า อัครมหาเสนาบดีเย่…เลือกที่จะไม่ช่วยองค์รัชทายาท? มิใช่ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วหรอกรึ?

เซียถงถึงกับตะลึงงัน เคลื่อนสายตามองหน้าเย่หลีเทียนเจือแววสงสัยแครงใจอยู่หลายส่วน แต่ชั่วอึดใจต่อมา แววความสงสัยเหล่านั้นพลันหายวับไปจากคู่สายตาของนาง สีหน้าการแสดงออกกลับมาเป็นดังเดิมในเวลาต่อมา

“อัครมหาเสนาบดีเย่ โอสถพวกนี้เป็นของจริงหรือปลอม? เจ้าลองตรวจสอบให้ดีก่อน!”

ไป๋หลี่เย่รีบยกมือแขนเสื้อยาวของเย่หลีเทียน ออกแรงกระตุกอยู่สองสามครา เปล่งเสียงกล่าวออกมาอย่างกังวลใจชัดเจน

“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอันใดอีกให้มากความ กระทั่งมองด้วยตาเปล่า ทุกคนก็สามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าโอสถเหล่านี้เป็นของจริงหรือปลอม องค์รัชทายาท ท่านแพ้แล้ว”

เย่หลีเทียนกระตุกแขนชักกลับมาเบาๆ ปลายนิ้วของไป๋หลี่เย่ที่คีบหนีบแขนเสื้อยาวพลันหลุดมือในทันที

“อัครมหาเสนาบดีเย่ เมื่อคืน…”

หนึ่งสายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไป๋หลี่เย่ปั้นหน้าราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากของเย่หลีเทียน มันมิใช่ความจริง! เขาหรือจะมีมูลเหตุอันใดที่ต้องช่วยเซียถง? แล้วไฉนถึงไม่ช่วยตัวเขา?

“คุณหนูเซีย เจ้าชนะแล้ว”

เย่หลีเทียนเดินตรงไปหาเซียถงพร้อมคืนโอสถให้ และเดินจากออกไปโดยไม่สนใจคำพูดของไป๋หลี่เย่เลยสักนิด

เซียถงเก็บโอสถในมือลง ทอดสายตามองเย่หลีเทียนที่เดินจากออกไปโดยไม่เหลียวแล ทันทีทันใด รอยยิ้มแสนขำขันพลันเชิดปรากฏขึ้นบนมุมปากของนาง เย่หลีเทียนเพิ่งร่วมมือกับไป๋หลี่เย่เพื่อช่วยจัดการนางอยู่หมาดๆ แต่พอตอนนี้ ได้มาเห็นโอสถอยู่ในมือของนาง มันก็เลยเริ่มที่จะเชื่อแล้วว่า อาจมียอมฝีมือผู้ทรงอิทธิพลคออยู่เบื้องหลังของนางจริงๆ? เพราะแบบนั้นก็เลือกเปลี่ยนสีย้ายข้างฉับพลัน หันมาช่วยให้นางชนะแทน?

ละทิ้งไป๋หลี่เย่กันไปดื้อๆ และเลือกที่จะบอกความจริงอย่างที่ควรจะเป็นต่อหน้าผู้คนทั้งหมดในสถานศึกษา สำหรับการกระทำในครั้งนี้ ต้องถามกลับไปว่า เย่หลีเทียนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้? อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ของตนในหมู่ประชาชนไปในทางที่ดีขึ้น และอย่างที่สอง หวังสร้งาหนี้บุญคุณให้ตัวนางรู้สึกขอบคุณ กล่าวได้ว่า กลยุทธ์การเล่นหมากในครั้งนี้ช่างแยบยล ยิงหินก้อนเดียวได้นกถึงสองตัว

แต่น่าเสียดายนักที่…เซียถงกลับไม่หลงกลตื้นเขินเช่นนี้!

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท