“มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?”
เนื่องด้วยความระดับความแข็งแกร่งของเซี่ยหลู่เฟิงไม่สูงเท่าเซียถง ดังนั้นความสามารถต่อการตระหนักรู้ถึงภัยอันตรายรอบตัวจึงต่ำกว่ามาก
“ดูเหมือนเราจะถูกซุ่มโจมตีอีกแล้ว!”
เซียถงกำกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่น กดตัวก้มต่ำลงเล็กน้อย ปฏิกิริยาดูตื่นตัวขึ้นทันควัน
ได้ยินดังนั้น เซี่ยหลู่เฟิงเร่งกระชับกระบี่ยาวในมือแน่นเช่นกัน ก้าวย่างเข้าใกล้เซียถงสองจังหวะ กวาดสายตาพินิจโดยรอบป่าทึบหนา รีบเสาะหาตำแหน่งซุ่มโจมตีของศัตรูช่วยเซียถงอีกแรง
โดยไม่ต้องพูดพล่ำอันใดอีกต่อไป ทุกย่างเท้าหลังจากนั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวังสุดขีด กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเร้นประกายคมสีเย็นเก็บซ่อน แต่หากมีศัตรูปรากฏขตัวขึ้นมาเมื่อใด มันก็พร้อมฉีกสะบั้นร่างของพวกมันให้เป็นเสี่ยงในพริบตา
“หุหุ….”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะคิกคักของใครบางคนก็ดังขึ้นจากรอบป่าทึบ ทั้งสองเคลื่อนสายตากวาดมองตามสุ้มเสียงอย่างอดมิได้ กระนั้นเอง เสียงหัวเราะคิกคักเหล่านี้ก็ยังเปล่งดังต่อเนื่องอยู่รอบตัวไม่ห่างเหิน
เซียถงหรี่ตาลงเล็กน้อย กระชับด้ามกระบี่ทัณฑ์ฟ้าให้จงแน่น ม่านตาดำเคลื่อนขยับกลิ้งกลองไปมาภายใต้สุ้มเสียงหัวเราะคิกคักเหล่านั้น พยายามค้นหาเจ้าของเสียงหัวเราะดังกล่าวอยู่
ทว่าทันทีทันใด คล้ายรู้สึกได้ถึงอณูเม็ดฝุ่นที่บังเกิดแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า เซียถงรีบกดสายตามองลงไป ก็เห็นคมมีดพร้าเสมือนปังตอพุ่งออกมาจากพื้นดิน เฉือนใส่ทางเท้าของเซี่ยหลู่เฟิง
“ระวัง!”
เสียงอุทานร้องลั่นคำโต นางผลักร่างเซี่ยหลู่เฟิงจนกระเด็นออกไปข้างหน้า รีบยกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือขึ้นฟันฟาดอัดพื้นดินสุดแรง ชั่วขณะเดียวกัน เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นจากใต้พื้นดิน เสี้ยวพริบตาต่อมา พลันปรากฏคนดำดินโผลขึ้นมาเหนือพื้น ทั้งยังใช้มีดพร้าเล่มใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าไปฟันใส่เซียถงโดยตรง
เซียถงไม่คิดหลบเลี่ยง แต่หันศีรษะเข้าเผชิญหน้า ยกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าประจัญบาน วาดเพลงกระบี่ฟันเข้าใส่ช่องท้องของชายคนนั้นประดุจสายฟ้า
“ถงถง ระวัง!!”
แต่เมื่อได้ยินเสียงร้อนอุทานของเซี่ยหลู่เฟิงที่เปล่งดังกะทันหัน ชั่วขณะอึดใจ เซียถงพลันสัมผัสได้ถึง ไอเย็นยะเยือกจากเหนือศีรษะ เมื่อเหลียวหางตามองก็พานพบคมดาบยาวสีเงินสาดสะท้อน พุ่งตรงใส่หัวสุดแรงราวกับว่าหวังต้องการกะเทาะกะโหลกศีรษะให้แยกออกจากกัน
ศัตรูทั้งภาคพื้นและอากาศ จู่ๆ ก็มีศัตรูถึงสองคนปรากฏขึ้นในคราวเดียว ทำให้เซียถงตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบขั้นร้ายแรงในชั่วขณะหนึ่ง โดยมิได้สนใจคมดาบยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาสับหัว เซียถงใช้สองมือจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้ากระชับแน่นหนา ชักนำอานุภาพทำลายล้างขั้นสูงฟันฟาดเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า ผ่าช่องท้องของชายผู้นั้นโดยตรง
หนึ่งก้าวสืบสานขยับเลี่ยง เพียงหนึ่งก้าวที่เลื่อนออกไปด้านข้าง เซียถงก็สามารถเปลี่ยนเป้าโจมตีของศัตรูบนอากาศจากศีรษะกลายเป็นบริเวณไหล่ขวาของนางแทน และเมื่อคมดาบยักษ์กำลังดิ่งพสุธาเข้าฟันไหล่ข้างขวาของนาง ก็เป็นคมกระบี่ยาวของเซี่ยหลู่เฟิงที่เข้ามาช่วยต้านรับเอาไว้ สองคมโลหะปะทะชนเสียงดังสนั่น ทว่ายื้อยันไว้ได้เพียงเสี้ยวอึดใจเท่านั้น ทั้งตัวใบดาบและพละกำลังของศัตรูผู้นั้นกลับแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้คมกระบี่ของเซี่ยหลู่เฟิงแตกเป็นสองเสี่ยงในพริบตา ทั้งยังเคลื่อนเข้าหาเซียถงต่อทันทีโดยที่ความเร็วและพลานุภาพทำลายล้างของคมดาบเล่มยักษ์ยังแทบมิถูกลดทอนลงเลย
หากคมดาบยักษ์เล่มนี้ฟันฉับลงได้สำเร็จ แขนขวาทั้งข้างของเซียถงจะถูกตัดทิ้งแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายผู้ถือดาบยักษ์คนนั้นก็ระเบิดหัวเราะลั่นน้ำเสียงป่าเถื่อนยิ่งยวด
คมดาบยักษ์ใหญ่กำลังดิ่งพสุธาฟันลงบนไหล่ขวาของเซียถง ทว่ากลับถูกกระบี่หักครึ่งท่อนเข้าประสานงา เข้าขัดขวางอีกครั้ง ซึ่งครานี้ เซี่ยหลู่เฟิงระดมพลังปราณทั้งหมดที่มี อัดฉีดเข้าใส่มือทั้งสองข้างที่จับกระบี่ผนึกกลายเป็นเพราะลมปราณสีเขียวจัดจ้าน ส่งผลให้แรงโถมของคมดาบยักษ์ถูกลดทอนจนเบาลงในทันใด
หลังจากคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือเซียถงฟันช่องท้องของศัตรูตรงหน้าเป็นทางยาว นางก็ใช้มืออีกข้างคว้าร่างอันไร้เรี่ยวแรงตรงหน้าเข้ามา พร้อมใช้ยกเท้าใช้บาทาถีบส่งจนปลิวกระเด็นออกไป ก่อนจะหันศีรษะมามองด้านหลัง และค้นพบว่า มือทั้งสองข้างที่เซี่ยหลู่เฟิงจับกระบี่หัก ช่วยต้านรับคมดาบยักษ์มันสั่นกระพือหนักจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ยามนั้น นางจึงรีบหวดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ ฟันเข้าใส่ศัตรูเหนือศีรษะโดยไว
ชายที่ลอบโจมตีจากทางอากาศอยู่เหนือศีรษะผู้นั้นรีบดีดตัวกระโจนหนีออกไป และวิ่งไปหาชายอีกคนที่ถูกเซียถงถีบทิ้งไป
“พี่ใหญ่ มือของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เซียถงรีบเอ่ยถามเซี่ยหลู่เฟิงทันทีด้วยความกังวล
กระบี่หักที่สั้นกุดมันแทบไม่สามารถลดทอนแรงกระแทกที่ได้รับจากการปะทะชนได้เลย ผนวกกับพลานุภาพแรงโหมของคมดาบยักษ์ที่สุดจะเจนจัดเมื่อครู่อีก ส่งผลให้มือทั้งสองข้างของเซี่ยหลู่เฟิงต้องรับแรงกระแทกทั้งหมดไปเต็มๆ
จนกระทั่งตอนนี้ เซี่ยหลู่เฟิงยังมือสั่นไม่หยุดเลย
เซี่ยหลู่เฟิงได้แต่ยิ้มอ่อนพลางส่ายหัวตอบ มองดูทางไหล่ขวาของเซียถงเล็กน้อยและเอ่ยถามกลับไปว่า
“ไม่ถึงขั้นกระดูกหักอะไร แต่ไหล่ของเจ้าเถอะ คงไม่เป็นอะไรกระมัง?”
กลัวว่าแรงกระแทกของคมดาบยักษ์จะสะท้อนเจาะเข้าถึงตัวไหล่ของเซียถง แต่สุดท้ายก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไหล่ขวาของนางถูกตัดขาดพอเห็นเซียถงส่ายหัวตอบ ทั้งยังเอาแต่จับจ้องอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเขา เซี่ยหลู่เฟิงก็ยิ้มได้ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า น้องสาวของเขามิได้รับบาดเจ็บอะไร
“นี่เป็นโอสถบรรเทาปวด ท่านรีบกินก่อนเถอะ”
กวาดสายตาตรวจสอบดูสักครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านิ้วมือของเซี่ยหลู่เฟิงยังพอขยับได้ เซียถงก็ลอบถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอก และหยิบโอสถบรรเทาปวดให้แก่อีกฝ่ายทันทีสองเม็ด
เซี่ยหลู่เฟิงรับเข้ามา สอดส่องไปที่โอสถทั้งสองเม็ดบนมือ ยามนั้นสายตาเจือแววแปลกใจสงสัย แต่สุดท้ายเขาก็มิได้เอ่ยถามอันใด และตบโอสถทั้งสองเม็ดนั้นกลืนเข้าไปทันที
เซียถงลุกหันไปมองชายสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนหนึ่งสูงส่วนอีกคนตัวเตี้ย ซึ่งชายร่างสูงปรากฏว่าเป็นชายใบหน้าน่ารังเกียจที่เพิ่งสัประยุทธ์กับเซียถงมาหมาดๆ เมื่อวานนี้ในหอไท่หยวน ส่วนชายเตี้ยทรงท้วมก็คือ ชายที่โดนเซียถงฟันช่องท้องไปเมื่อครู่ สีหน้าค่อนข้างซีดเซียว
“ขอบคุณสวรรค์! ไหนว่านังอัปลักษณ์นี่ไม่ได้มีฝีมืออะไรไง? ไฉนนางถึงเก่งกว่าที่เจ้าบอกตั้งเยอะ! หาใช่แค่สกัดกั้นมีดข้าได้ แต่ยังฟันช่องท้องข้าด้วย! เห็นเลือดนี่ไหม! เลือดน่ะเลือด!!”
เซียะตี้ ชายเตี้ยทรงท้วมยกมือห้ามเลือดบริเวณพุงอันอวบอั๋นของตน ทั้งยังเอ่ยปากโวยวายไม่หยุด
แม้เมื่อครู่นี้ เซียถงจะฟันกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเฉือนเข้าช่องท้องของเซียะตี้เข้าอย่างจัง แต่เนื่องด้วยปริมาณไขมันในช่องท้องของชายคนนี้ค่อนข้างสุมกันหนาเป็นชั้นๆ ส่งผลให้คมกระบี่ของเซียถงเมื่อครู่มิได้สร้างความเสียหายอันใดต่อเขามากมายนัก อย่างน้อยที่สุดก็แค่มีเลือดไหลออกมาตามรอยฟันเล็กน้อยเท่านั้น
“วันนี้นังอัปลักษณ์เร็วกว่าเมื่อวานมาก”
เซียะเทียนหันไปมองหน้าเซียถงและขมวดคิ้วถักแน่น และเอ่ยขึ้นถามด้วยความสงสัยต่อว่า
“เมื่อวานเจ้าเก็บซ่อนฝีมือที่แท้จริงเอาไว้กระมัง?”