ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 208 มังกรเพลิงโลหิต (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่208 มังกรเพลิงโลหิต (2)

มังกรเพลิงโลหิตตนนั้นกำลังพัลวันสัประยุทธ์กับเซียซานดุเดือด คลื่นเพลิงสมุทรเดือดนับหลายสิบระลอกถูกพ่นออกมาจากปากของมัน จำนวนกว่าครึ่งพุ่งเข้าหาเซียถงที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น หยุนซีขบริมฝีปากเน้นเร่งเร้าพลังสุดขั้วเพื่อเข้าต้านรับเจียนหมดสติ โบกสะบัดคมกระบี่หยกเขียวกวาดล้างสรรพสิ่งสูญ ตัดสะบั้นคลื่นเพลิงสมุทรอันร้อนระอุทั้งหมดทั้งมวล ทั้งยังนางยังต้องหันมาใส่ใจกับเศษหินหนืดชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แตกกกระจายทั่วห้วงอากาศ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญนัก

ภายในห้วงความคิด เซียถงใช้จิตสำนึกของตนหลอมสร้างตนเองขนาดจิ๋วเดินเข้ามาหากระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มยาวที่กำลังลอยเคว้งคว้างกลางห้วงอากาศอย่างเงียบงัน ปราศจากปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

“หลิวซู นี่เจ้าเป็นอะไรไป?”

เซียถงเอ่ยถามเจือน้ำเสียงเหนื่อยใจเล็กน้อย การที่ตนต้องแบ่งสมาธิมาจัดการปัญหาเรื่องกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่เกิดอาการขวัญเสียจนสร้างความโกลาหลเฉกเช่นนี้ภายในห้วความคิด มันต้องใช้พลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาล และนางก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน

กระบี่ทัณฑ์ฟ้ายังคงลอยเคว้งนิ่งสงัดอยู่แบบนั้น

“หลิวซู นี่เจ้าเคยถูกมังกรตนนั้นทำร้ายมาก่อนกระมัง?”

เซียถงยังคงเอ่ยถามต่อไป

ทว่ากระบี่ทัณฑ์ฟ้ายังคงแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นดังเดิม ไม่มีท่าทีแม้แต่จะขยับเขยื้อนเลย

“นายท่าน แท้ที่จริงแล้ว…กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนี้เคยเกือบถูกเพลิงสมุทรของมังกรตนนั้นหลอมละลายแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น เจ้านายคนก่อนของมันก็ถูกมังกรตนนั้นฆ่าทิ้งอีกด้วย”

เสี่ยวฮั่วกล่าวแทรกขึ้นมา

ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้นี่เอง? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนหลิวซูถึงดูซึมขนาดนี้เมื่อเผชิญพบกับมังกรบรรพกาลตนดังกล่าว

“หลิวซู ตอนนี้เจ้าต้องฮึดสู้ได้แล้ว ข้าจะต้องเอาชนะมังกรตนนี้ให้จงได้ แต่ถึงแบบนั้นต้องอาศัยพลังของเจ้า! เรามาสู้ด้วยกันสักตั้งเถอะ!”

เซียถงคำรามปลุกใจเสียงลือลั่นใส่ทางกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มตรงหน้า

มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่สามารถเอาชนะความกลัวได้ ก็คือการก้าวข้ามความกลัวไปให้ได้!

เมื่อได้ยินดังนั้น กระบี่ทัณฑ์ก็บังเกิดอาการสั่นคลอนเล็กน้อย และเริ่มมีท่าทีเสียขวัญอีกครั้ง แต่ก่อนจะเริ่มลอยเคว้งวุ่นวายไปทั่วห้วความคิดของเซียถง มันก็ถูกนางใช้จิตเข้าควบคุมระงับเอาไว้ได้ทันท่วงที

“หลิวซู ข้าเตรียมจะสู้แล้ว เจ้าต้องพร้อมเสียที!”

สิ้นเสียงกล่าวจบ เซียถงกระชากกระบี่ทัณฑ์ฟ้าและถอดจิตสำนึกกลับเข้าสู่โลกภายนอกโดยทันที

คู่คิ้วบนใบหน้าของเซียถงคลายอ่อนลงหลายส่วน เปลือกตาทั้งสองข้างได้เปิดขึ้นมาอีกครั้ง นางดีดตัวลุกขึ้นพรวดจากพื้นดิน ทั้งยังถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่สั่นเทาเล็กน้อยอยู่ในมือแน่น สิ่งเดียวที่นางสัมผัสได้จากตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนี้ก็คือ มันกำลังหวาดกลัวจัด ราวกับว่า มังกรบรรพกาลตนนี้เป็นความกลัวที่ฝังรากลึก ตราตรึงอยู่ภายในก้นบึ้งของจิตใจมันเสมอมา มือข้างนั้นของนางยิ่งกระชับกำจับไว้แน่นหนา พยายามข่มยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ให้อยู่ใต้อาณัติบัญชา

ถึงจะตระหนักดีว่า ความกลัวของหลิวซีที่มีต่อมังกรบรรพกาลตนนี้มันยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เซียถงก็ยังจำเป็นต้องบังคับให้มันสู้!

วิธีเดียวที่จะเอาชนะเงาความกลัวที่ตามหลอกหลอนคือการกำจัดมันทิ้งให้สิ้นซาก! และในฐานะเจ้านาย เซียถงไม่ยอมให้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าของตนต้องมีเงามืดอย่างความกลัวในจิตใจมาตามหลอกตามหลอน อาวุธคู่กายของนางต้องไม่มีจุดอ่อน!

เชิดหน้าแช่มมองคลื่นเพลิงสมุทรที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่ตรงหน้า เซียถงกระโจนขึ้นเหนือเวหา โบกสะบัดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าร่ายรำ พุ่งเข้าหาคลื่นเพลิงสมุทรใหญ่ยักษ์โดยไม่มีหวั่นเกรง แต่ทว่า ยิ่งเข้าใกล้คลื่นเพลิงสมุทรมากเท่าไหร่ อาการสั่นเทาของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

จากที่เซียถงประมาณการเอาไว้ ถึงแม้เพลิงสมุทรเหล่านี้จะมีอุณหภูมิที่สูงมาก ทว่าพลังการทำลายล้างกลับไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิดเอาไว้ อนึ่งอาจเป็นเพราะ มังกรบรรพกาลตนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นแล้ว อาศัยความร้อนระดับนี้ มันยังไม่เพียงพอที่จะหลอมละลายกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือของนางได้

แต่ทันทีที่บรรลุถึงหน้าคลื่นเพลิงสมุทร กระบี่ทัณฑ์ฟ้ากลับเกิดอาการขัดขืนอย่างรุนแรง และจู่ๆ มันก็ดิ้นจนหลุดออกจากมือของเซียถงไป เหินฟ้าทะยานหนีอยู่บนอากาศ

หลิวซู! ชักจะขี้ขลาดเกินไปแล้ว!

เห็นภาพฉากดังนั้น เซียถงถึงขั้นก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ พุ่งเข้าใส่คลื่นเพลิงสมุทรเบื้องหน้าด้วยมือเปล่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ย่อมช่วยมิได้ นางรีบควบแน่นพลังลมปราณขุมใหญ่อยู่บนฝ่ามือและตบออกไป ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ยื่นออกไปด้านข้าง พร้อมมุ่งจิตบังคับให้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าบินกลับมาเข้ามืออีกครั้ง

ถึงจะทำแบบนั้นแล้วก็ตาม กระบี่ทัณฑ์ฟ้ายังคงบินเคว้งอยู่กลางอากาศ ไม่ยอมลงมาสักที

“เซียถง นี่เจ้าไปขุดเศษขยะแสนขี้ขลาดเช่นนี้มาจากไหน? ในฐานะยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ช่างน่าอัปยศสิ้นดี!”

หยุนซีที่กำลังร่ายกระบี่หยกต้านรับเพลิงสมุทรอยู่ภาคพื้น เงยหน้ามองกระบี่เล่มหนึ่งที่บินเคว้งไปมาอยู่บนห้วงเวหาเหนือศีรษะ พร้อมกล่าวเสียดสีออกมาด้วยถ้อยคำสุดจะหยามเหยียด

ดูจากลักษณ์ภาพรวมของกระบี่เล่มนี้แล้ว น่าจะเป็นสิ่งอื่นไปมิได้นอกจากยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ แต่นางกลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จิตวิญญาณของกระบี่เล่มนี้กลับหวาดกลัวในเพลิงสมุทรของมังกร? ถึงขนาดนี้เรียกว่ากลัวตายคงไม่ผิด!

กระบี่ที่เป็นถึงยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์กลัวความตาย? ช่างน่าขันสิ้นดี!

หยุนซีลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หันไปตะโกนกับเซียถงอีกว่า

“เจ้าจัดการเรื่องกระบี่ตัวเองไปก่อน ส่วนทางนี้เดี๋ยวข้าถ่วงเวลาให้!”

เซียถงเหลือบมองไปทางหยุนซีพร้อมพยักหน้ารับคำเบาๆ จากนั้นก็เคลื่อนสายตาจับจ้องยังกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ลอยละล่องอยู่กลางเวหา นางมุ่งจิตสมาธิทั้งหมด จดจ่ออยู่กับการควบคุมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนั้นให้ทำตามสั่ง ทว่ามันก็โคจรลอยเคว้งอยู่เหนือศีรษะของนางไม่ยอมร่อนลงมาเสียที จะบินหนีไปก็มิได้เนื่องจากโดนพลังจิตควบคุมอยู่ พอจะบังคับให้ร่อนเข้ามือ ตัวกระบี่เองก็ขัดขืนสุดกำลัง

หนึ่งคน หนึ่งกระบี่ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันราวกับแข่งชักเย่อ

ระหว่างยื้อยุดฉุกกระชากกันอยู่นี้เอง ก็มีคลื่นเพลิงสมุทรพวยพุ่งเข้าโจมตีจากด้านหลัง ทว่าเซียถงกลับมิได้ให้ความสนใจใดๆ และยังคงมุ่งจิตเข้าควบคุมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าให้บินกลับเข้ามืออย่างสุดกำลัง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหยุนซีที่กระโจนเข้ามาสะบั้นเปลวเพลิงสมุทรเหล่านั้นตัดแบ่งเป็นสองซีกในพริบตา

ทางด้านมังกรเพลิงโลหิตก็ได้แต่เปล่งเสียงร้องคำรามโหยหวนไม่หยุดหย่อน แค่ตัวมันที่ต้องตกอยู่ในช่วงสภาพที่อ่อนแอที่สุดก็แย่พอแล้ว ก่อนหน้านี้คล้ายกับว่ามันเพิ่งโดนทำร้ายอย่างหนักจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมา จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมันถึงซ่อนตัวอยู่ในก้นบ่อหินหนืดภายในนี้ ทว่าซ้ำร้ายหนักหนา ตอนนี้ดันมียอดฝีมือระดับชั้นปรมาจารย์เจนจัดเข้าโรมรันพันตูอยู่อีก ตัวมันทั้งรู้สึกโกรธจัดและเกลียดชังเกินพรรณนา สะบัดหางตีโหดหินผาโดยรอบจนถล่มลงมา พ่นคลื่นเพลิงสมุทรกวาดล้างสารทิศอย่างบ้าคลั่ง

แต่ทันใดนั้นเอง มังกรเพลิงโลหิตตนนั้นก็สัมผัสได้ถึง กลิ่นอายขุมหนึ่งที่แสนจะคุ้นเคย พอเหลียวศีรษะหันติดตามไปมอง ก็เสาะพบเข้ากับ กระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่คุ้นหน้ากันดีกำลังบินวนอยู่บนห้วงเวหา เพียงเท่านั้น นัยน์ตามังกรถึงกับตีบตันหดแคบ จ้องเขม็งด้วยความจงเกลียดจงชังยิ่งกว่าอะไรดี จากเพลิงสมุทรสีน้ำเงินระอุ ยามนี้มันกลับอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีทองเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์เบื้องหน้าโดยตรง!

สังหรณ์ใจผิดประหลาดโฉบแล่นสู่จิตใจ เมื่อเงยหน้ามองขึ้นดู ก็เห็นเป็นเปลวเพลิงสีทองคำกำลังพุ่งโจมตีเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้า โดยสัญชาตญาณตื่นตระหนัก เซียถงรู้ได้ทันทีว่า เปลวเพลิงนี้แหละที่สามารถหลอมละลายกระบี่ทัณฑ์ฟ้าได้ และเปลวเพลิงนี้แหละที่หลิวซูหวาดกลัว! ครุ่นนึกมาถึงจุดนี้ นางรีบกระโจนเข้าหากระบี่ทัณฑ์ฟ้ากลางเวหาทันที ก่อนที่เปลวเพลิงสีทองจะลุถึง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท