ตอนที่243 ประโคมข่าว (1)
ตอนที่243 ประโคมข่าว (1)
ดูท่านางคนนี้จะเป็นสาวน้อยใจดีคนหนึ่งจริงๆ เซียถงระบายยิ้มบางออกมาเมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของอวี่เอ๋อร์ เห็นอีกฝ่ายวางถาดผลไม้ลงบนโต๊ะเสร็จสรรพ นางก็ตรงเข้าไปจิ้มผลจันทร์วารีชึ้นมาชิ้นหนึ่ง และนำเข้าปากเต็มปากเต็มคำ เพียงกัดเข้าเนื้อผลไม้ ความหวานละมุนก็แตกออกมาชุ่มช่ำ ซาบซ่านไปทั่วทั้งปาก เซียถงถึงกับเบิกตาโตเป็นประกาย ร้องอุทานขึ้นว่า
“อร่อยมาก!”
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี่เอ๋อร์ก็หันมาส่งยิ้มให้นาง ตอบว่า
“ฮ่าฮ่า หากคุณหนูชื่นชอบ เช่นนั้นบ่าวจะยกมาให้ท่านทุกวันเลย!”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ข้าก็กินได้ไปอีกหลายวันแล้ว”
เซียถงกล่าวตอบคำหนึ่ง พลางจิ้มผลไม้เข้าปากอีกคำหนึ่ง
“หากรับประทานเสร็จแล้วโปรดเรียกบ่าวมาเก็บได้ตลอดนะเจ้าค่ะ”
อวี่เอ๋อร์พยักหน้า นางยังคงอยู่ภายในห้องพักเพื่อทำความสะอาดเช็ดโต๊ะอาหารและโดยรอบให้
เซียถงที่นั่งอยู่ข้างเคียง เฝ้ามองอีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง แลสังเกตไปยังบริเวณหลังมือขวาน้อยๆ ของอีกฝ่าย รอยบวมแดงยุบตัวลงมากแล้วจากก่อนหน้า ที่เหลือก็มีเพียงหนังกำพร้าที่ถูกลวกยังไม่สมานตัวดี เห็นเป็นดังนั้น เซียถงก็ลอบพยักหน้ากับตัวเองอย่างลับๆ สีหน้าพึงพอใจ แผลน้ำร้อนลวกแบบนี้ มะรืนน่าจะหายดีแล้ว
รู้สึกเหมือนว่าเซียถงกำลังจับจ้องมองมาทางนี้ อวี่เอ๋อร์ยกหลังมือขวาขึ้นมอง ใบหน้าดรุณีน้อยยิ้มแย้มแจ่มใส และยังกล่าวอีกว่า
“ตลับขี้ผึ้งที่คุณหนูมอบให้ใช้ดีมากจริงๆ หลังจากทาบ่าวก็ไม่รู้สึกแสบแผลใดๆ อีกเลย เว้นเสียว่าจะแอบเกา”
เซียถงมิได้กล่าวตอบอะไรใดๆ เพียงพยักหน้ายิ้มตอบเบาๆ ขี้ผึ้งสำหรับทาแผลน้ำร้อนลวกถูกทำขึ้นมาจากสูตรลับของนางเอง รับประกันเรื่องสรรพคุณย่อมดีเยี่ยม
“คุณหนูจะลงไปทานมื้อดึกเอง หรือจะให้บ่าวยกขึ้นมาดีเจ้าค่ะ?”
อวี่เอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง ขณะเก็บจานชามและตะเกียบเตรียมยกกลับ
“วานเจ้ายกขึ้นมาให้ด้วยแล้วกัน”
เซียถงกล่าวตอบ เพราะนางไม่ชอบบรรยากาศครื้นเครงบริเวณร้อนอาหารชั้นล่างเท่าไหร่นัก ช่างเป็นอะไรที่น่ารำคาญอย่างยิ่ง
“ตกลงเจ้าค่ะ หากไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อน”
อวี่เอ๋อร์พยักหน้าและเดินตรงออกจากประตูไปพร้อมถาดจานชามตะเกียบที่ว่างเปล่าในมือ ขณะที่กำลังจะก้าวย่างผ่านประตูออกไป จู่ๆ ดรุณีน้อยก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันกลับไปกล่าวกับเซียถงว่า
“จะว่าไปแล้วคุณหนู ท่านเองก็เดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประลองสี่จักรวรรดิใช่หรือไม่เจ้าค่ะ? เหตุใดถึงไม่ลองลงไปทำความรู้จักกับคู่แข่งบ้างล่ะเจ้าค่ะ? ฟังว่าอาหารค่ำคืนนี้ จะมีผู้เข้าแข่งอีกสองจักรวรรดิลงมาพบปะกัน”
“เข้าใจแล้ว”
เซียถงกล่าวตอบน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสนัก เห็นอวี่เอ๋อร์ไม่มีอะไรจะพูดต่อ ก็เพียงโค้งศีรษะให้และเดินจากออกไปพร้อมถาด
เหม่อมองอวี่เอ๋อร์เดินละจากห้อง เซียถงนั่งครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง จึงค่อยตัดสินใจจะเดินลงไปด้านล่างสักรอบ สิ่งที่อวี่เอ๋อร์กล่าวไปก็ถูกต้องแล้ว นางเดินทางมาในฐานะผู้เข้าร่วมงานประลอง ดังนั้นคงถึงเวลาที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับผู้คนในจักรวรรดิอื่นๆ บ้างเสียแล้ว
เมื่อเดินออกจากห้องและก้าวย่างลงบันได ก็เสาะพบผู้คนจำนวนมากมายกำลังนั่งร่วนเสวนากันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง บรรยากาศดูครื้นเครงสนุกสนานและมีชีวิตชีวามอย่างมาก เสี้ยวพริบตาปราดแรก เซียถงหันไปเห็นทันทีว่า หลีเหว่ยกำลังยืนพูดคุยอะไรสักอย่างกับคนกลุ่มหนึ่งจากจักรวรรดิเป่ยฮั่น โดยมีผู้คนจากตงหลี่อีกสองสามคนยืนอยู่รายล้อมเช่นกัน พอเห็นว่าเซียถงเดินลงมา ทั้งหมดต่างหันเข้าจับจ้องนางโดยพร้อมเพรียงด้วยสายตาแปลกๆ
คนจากจักรวรรดิเป่ยฮั่นเป็นชายหนุ่มสามคนใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น และทั้งสามคนนั้นที่มองมาทางเซียถง ล้วนแล้วแต่ส่งยิ้มแปลกน่าพิกลให้แก่นางกันทั้งสิ้น
“เทพธิดาตัวน้อย ข้าขอยลโฉมเจ้าหน่อยเถิด!”
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในชายหนุ่มทั้งสามก็ยืนขึ้นและเดินตรงมาหาเซียถง เขาเป็นชายหนุ่มในชุดคอจีนโบราณสีแดง ส่งยิ้มให้นางไม่มีคลายอ่อนเลย
เซียถงขมวดคิ้วขึ้นทันควัน จู่ๆ ดวงตาพลันเบิกกว้าง นัยน์ตาดำแผดขยายฉับพลัน จับจ้องไปที่เรียวมือของชายหนุ่มตรงหน้าที่เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่เพียงเสี้ยวอึดใจ นางยกฝ่ามือขึ้นหวดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายโดยตรงไม่มีปราณีใดๆ
‘เพี้ยะ!! เพี๊ยะ!!’
เสียงตบหน้าฉีกอากาศดังกึกก้องไปทั่วร้านอาหารชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดคอจีนสีแดงไม่เพียงจะมิสามารถเปิดผ้าคลุมใบหน้าของเซียถงขึ้นได้ แต่เขายังโดนตบหน้าฝากรอยแดงทั้งห้านิ้วบนแก้มเป็นของแถม สีหน้าแววตาของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องหน้าเซียถงเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่เจ้าอยากให้ข้าลงมือลงไม้จริงๆ ใช่ไหม?!”
ชายหนุ่มในชุดคอจีนสีแดงคนนี้มีนามว่า ซื่อหู่ เขาแผดเสียงตะคอกใส่เซียถงข่มขู่
“หากมีดีจริงๆ ก็อย่ามัวแต่เห่า”
เซียถงปรายหางตามองเปี่ยมไปด้วยแววสบประมาท แต่ก็น่าแปลกเช่นกัน ไฉนชายคนนี้จู่ๆ ก็อยากดึงผ้าคลุมหน้านางออกซะแบบนั้น?
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า วันนี้ข้าจะไม่สามารถถอดผ้าคลุมออกจากหน้าเจ้าได้จริงๆ!”
ซื่อหู่กล่าววาจาหนักแน่น คราวนี้ทะยานปราดพุ่งเข้าใส่เซียถงสุดตัว ความเร็วเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าลิบลับ แปรสภาพกลายเป็นประกายแสงโฉบเข้าถึงเบื้องหน้าเซียถงในชั่วพริบตา
ทว่าปฏิกิริยาของเซียถงกลับเร็วกว่ามาก เพียงเบี่ยงทิศทางปลายเท้าเปลี่ยนท่ายืนเคลื่อนองศา ก็สามารถเลี่ยงหลบการโจมตีของซื่อหู่ได้อย่างง่ายดาย ร่างของชายหนุ่มพุ่งผ่านตัว นางเหลือบหางตาไปเห็นปอยผมหางม้ายาวสีดำขลับที่อีกฝ่ายเลี้ยงไว้จนยาวสลวย หนึ่งความคิดผุดขึ้น นางแสยะยิ้มเย็นชาฉีกกว้างในทันใด พร้อมเอื้อมมือไปกระชากผมหางม้าของอีกฝ่ายอย่างแรงจนหงายหลัง ซื่อหู่ถึงกับล้มคะมำก้นจ้ำเบ้ากับพื้นในพริบตา
ทว่าแค่นี้ยังไม่จบ เซียถงเลื่อนคมมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อลงมา แสงสีเย็นเสียดประกายคมแหลมสาดสะท้อนวูบหนึ่ง เข้าสะบั้นตัดผมหางม้ายาวสลวยของอีกฝ่ายในพริบตา
เซียถงยังคงยื่นนิ่งอยู่ที่เดิม กดสายตาต่ำมองดูอีกฝ่ายที่นอนหงายมองฟ้าหมดสภาพอย่างภาคภูมิ
ซื่อหู่แหงนไปเห็นผมหางม้ามัดยาวของตนที่ถูกตัดอยู่ในกำมือของเซียถง หน้าของเขาถึงกับถอดสีซีดเซียวในบัดดล หากเซียถงนางนี้มีเจตนาฆ่าแกงกันจริงๆ เกรงว่าสิ่งที่อยู่ในกำมือของนางในขณะนี้อาจจะเป็นศีรษะของเขาแทน ไม่นานเกินรอ เหงื่อนเย็นก็ผุดขึ้นชุ่มชโลมไปทั่วทั้งร่าง เสื้อผ้าเปียกแชะจนเห็นได้ชัด
ไม่นึกเลยว่า สาวน้อยนางนี้ผู้แสนเย็นชาจะมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อปานนี้! ทุกคนในร้านอาหารชั้นหนึ่งต่างตกตะลึง!
“ข้าเองก็ขอลองสักตั้ง!”
ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนอื่นๆ กระโจนพุ่งออกมาจากรอบตัว กระชับจับอาวุธกันพร้อมเพรียงโดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ ต้องถอดผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าของเซียถงออกมาให้จงได้ สายตาประกายงามของนางกวาดรอบสารทิศสาดส่อง ระเบิดรัศมีแรงกดดันขุมใหญ่ยักษ์ประดุจคลื่นสมุทรเข้าปกคลุม ทว่ากลุ่มชายพวกนั้นกลับไม่มีย่อท้อ กัดฟันกรอดเข้าโรมรันพันตูต่ออย่างไม่ลดละ เป้าหมายของทุกคนก็มิใช่ใดอื่น คือผ้าคลุมใบหน้าสีขาวบนใบหน้าของนาง
เซียถงเชิดหน้าสูง สาดประกายสายตาอันไร้ปราณีเข้าใส่กลุ่มชายทั้งหมด ในเมื่อรนหาที่ตายกันนัก เช่นนั้นก็อย่าตำหนิกันว่า ข้านั่นโหดเหี้ยม! มือขวาของนางเตรียมยกขึ้น ขณะที่กำลังจะเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้ามา ทันใดนั้นก็ดันเหลือบหางตาไปเห็นชิงเยวี่ยที่กำลังยืนมองอยู่จากอีกมุมหนึ่ง
ชิงเยวี่ยในเวลานี้ดูมีทีท่าสงบนิ่งอย่างมาก ดวงตาคู่คมขลับกำลังจ้องมาที่นางด้วยความคาดหวังในอะไรบางอย่าง เสมือนว่าอยากจะรู้เหลือเกินว่า โฉมหน้าที่แท้จริงภายใต้ผ้าคลุมผืนนี้จะเก็บซ่อนอะไรอยู่กันแน่?
ยังเลิกอยากเห็นอีกงั้นเหรอ? ในเมื่อเรื่องใบหน้าของข้ามันหนักหัวพวกเจ้ามากนักหนา เช่นนั้นก็จะให้ดูบัดเดี๋ยวนี้! ชั่วอึดใจต่อมา เซียถงเปลี่ยนใจในทันที เก็บมือขวาลง ยืนแน่นิ่งปล่อยให้กลุ่มชายเหล่านั้นกระชากผ้าคลุมบนใบหน้าออกตามอัธยาศัย ปลายคมกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้าเกี่ยวผ้าคลุมใบหน้าพร้อมตวัดขึ้นในทันใด เผยให้เห็นโฉมหน้าของเซียถงสู่สายตาสาธารณะ
“เอ๋ะ?”
เสียงร้องดังกังวาลด้วยความผิดหวังบังเกิดก้องไปทั่ว บรรดากลุ่มชายทั้งหลายที่รอคอยยลโฉมใบหน้าของเซียถงก็ถึงกับผิดหวังชนิดกู่ไม่กลับ เพราะพวกเขาทั้งหลายต่างคิดจินตนาการไปว่า ภายใต้ผ้าคลุมผืนนี้จะต้องเป็นโฉมงามถล่มเมือง
แต่ที่ไหนได้…
หลีเหว่ยที่เห็นว่า ใบหน้าอันแสนอัปลักษณ์ของเซียถงถูกเปิดเผยต่อสายตาของทุกคนแล้ว เขาก็แอบหัวเราะเยาะเย้ยหยันอย่างสนุกสนานกับตัวเองภายในใจ ยิ่งทุกคนคาดหวังไว้ว่า โฉมหน้าที่แท้จริงของนางจะต้องสวยดั่งเทพธิดานางสวรรค์ แต่เมื่อเผชิญพบกับความเป็นจริง ความผิดหวังที่ได้รับจะยิ่งทวีทบเป็นเท่าตัว ในเมื่อตอนนี้ ใบหน้าอันสุดแสนน่าเกลียดของเจ้าถูกเผิดเผยแล้ว เช่นนั้นข้าขอดูหน่อยเสียว่า เจ้ายังจะทำตัวหยิ่งผยองได้อีกสักกี่น้ำ!?