ตอนที่249 ลอบวางยา
ตอนที่249 ลอบวางยา
“องค์หญิงโปรดรักษาตัว หากกลัวจนหัวใจวายตายขึ้นจริง หม่อมฉันไม่มีทางรับผิดชอบได้ไหว”
เซียถงมิได้แยแสสนใจต่อทัศนคติของอีกฝ่ายที่มีต่อตนเลย เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบนิ่งปกติกลับไป องค์หญิงโดยส่วนใหญ่มีนิสัยงี่เง่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนางก็ชินชากับอะไรแบบนี้ไปแล้วเช่นกัน
“งั้นเจ้าปิดหน้าโดยเร็วเถอะ มิเช่นนั้นข้าคงกินอะไรไม่ลงเป็นแน่”
องค์หญิงแห่งซีฉินรีบโยนผ้าคลุมหน้าให้เซียถง
เซียถงหรี่สายตาลงเล็กน้อย สีหน้าการแสดงออกของนางดูท่าค่อนข้างแปลกใจ ภายใต้สายตาที่เย็นชาเข้าจับจ้อง องค์หญิงแห่งซีฉินแอบสะดุ้งตกใจเล็กน้อย รีบเบี่ยงศีรษะหันไปทางอื่น พยายามเลี่ยงสายตาที่อีกฝ่ายมองมาด้วยความรังเกียจ
เห็นกิริยาการแสดงออกขององค์หญิงแห่งซีฉินดังนั้น เซียถงก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมหยิบรับผ้าคลุมหน้าจากมืออีกฝ่ายเข้าสวมดังเดิม ลุกขึ้นในท่ายืนโค้งศีรษะคำนับให้เล็กน้อย และยิ้มกล่าวว่า
“หม่อมฉันเสียมารยาทที่ทำให้องค์หญิงตกพระทัย เช่นนั้นขอดื่มจอกนี้เพื่อชดเชย!”
“เจ้าไม่ต้องยิ้มแล้วก็ได้ เวลาเจ้ายิ้มมันดูน่าเกียจเหลือเกิน”
ได้เห็นรอยยิ้มเซียถงเมื่อครู่ องค์หญิงแห่งซีฉินถึงกับเหลียวศีรษะหันหนีไปชั่วขณะหนึ่ง พอเห็นอีกฝ่ายสวมผ้าคลุมหน้ากลับไปดังนั้น ยามนี้จึงค่อยปรายหางตามอง เปล่งเสียงตอบด้วยความรังเกียจ
มองทะลุผ่านผ้าคลุมพลางนึกถึงร่องรอยจุดด่างดำมากมายทั่วใบหน้าของเซียถงเมื่อครู่ จวบจนตอนนี้องค์หญิงแห่งซีฉินก็ยังอดขนลุกมิได้ ผู้หญิงอะไรน่าเกลียดได้ปานนี้? และองค์ชายไป๋หลี่หานไม่มีทางชอบหญิงอัปลักษณ์เฉกเช่นนี้แน่นอน!
“องค์หญิง ท่านเป็นอิสตรีรูปงามทั้งกายใจอย่างแท้จริง เซียถงคนนี้ตระหนักดีว่า ตนเองนั้นอัปลักษณ์เพียงใด และรู้สึกละอายใจยิ่งยวด ที่ต้องปล่อยให้ท่านต้องเห็นภาพฉากน่ารังเกียจเช่นนั้น เพื่อเป็นการชดใช้ ขอดื่มจอกนี้เป็นการขอโทษ!”
เผชิญหน้าต่อคำดูถูกสบประมาทขององค์หญิงแห่งซีเฉิน เซียถงระบายยิ้มอ่อนและยกจอกสุราในมือกระดกรวดเดียวหมด ช้อนแขนเสื้อยาวสีขาวบริสุทธิ์มิค่อยๆ ลดมือลงวางจอกบนโต๊ะดังเดิม
ทุกการกระทำของเซียถงล้วนสุภาพและให้เกียรติแก่องค์หญิงอย่างมาก
“องค์หญิง หมอมฉันดื่มสุราจอกนี้หมดแล้ว เกรงว่าถึงคราวขององค์หญิงเช่นกัน ขอกล่าวตามสัตย์จริง ตั้งแต่หม่อมฉันเกิดมา ยังไม่เคยเห็นอิสตรีนางใดงดงามเทียบเคียงท่านมาก่อน ฟังว่าองค์หญิงแห่งซีฉินมีจิตใจงดงามดั่งรูปโฉม โปรดดื่มสักจอกเพื่อเป็นเกียรติแด่วงศ์ตระกูลของหม่อมฉันได้หรือไม่?”
กล่าวจบ เซียถงก็คว้าเหยือกสุราอำพันทิพย์รินเติมลงในจอกสุราสีทองคำขององค์หญิง และยกขึ้นเหนือหัวให้ประทานองค์หญิงอย่างสุภาพยิ่งแล้ว
องค์หญิงแห่งซีฉินถอนหายใจพ่นลมเย็นออกมาคำโต แต่พอได้ยินวาจาคำสรรเสริญต่างๆ นานาของเซียถง ก็ดูเหมือนว่านางจะอารมณ์เย็นลงมาก ชำเลืองมองพลางกล่าวตอบไปว่า
“อืม ดีแล้วที่เจ้าตระหนักได้ว่า ตนอัปลักษณ์เพียงใด ข้าผู้นี้จะยอมดื่มเพื่อเป็นเกรียรติแด่วงศ์ตระกูลเจ้าให้เล่าขานสืบไป แต่มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว นับจากวันนี้ อย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าอยู่เคียงข้างองค์หญิงไป๋หลี่อีกในอนาคต!”
“หม่อมฉันขอสัญญา หากองค์หญิงยอมดื่มสุราจอกนี้ หม่อมฉันจะไม่มาให้องค์ชายไป๋หลี่เห็นหน้าอีกต่อไป”
เซียถงพยักหน้าพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม
ใครบ้างที่อยากไปเสนอหน้าหาราชาหมาป่าสวรรค์ผู้เลือดเย็นอย่างเจ้าหมอนี่กัน? ข้าเองก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายในอนาคตเช่นกัน
องค์หญิงแห่งซีฉินพยักหน้าสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่ง รับจอกสุราสีทองคำจากมือของเซียถึงขึ้นมาพร้อมกระดกจนหมดในอึดใจ จากนั้นค่อยโบกมือไล่เซียถงกล่าวว่า
“เอาล่ะ ข้าผู้นี้ดื่มให้แก่เจ้าแล้ว เช่นนั้นจะไปไหนก็ไป อย่าให้เห็นหน้าเจ้าอีก มิเช่นนั้นข้าต้องอาเจียนเป็นแน่”
เซียถงส่งยิ้มให้เล็กน้อยและลุกขึ้นจากที่นั่ง ออกไปยืน ณ มุมหนึ่งในห้องโดยสาร ปล่อยให้ไป๋หลี่หานอยู่กับองค์หญิงกันไปสองต่อสอง
ไป๋หลี่หานเหลือบสายตาชำเลืองมองไปทางเซียถง ตัดสลับมากับองค์หญิงแห่งซีฉินที่ยามนี้ใบหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความสงสัย เพราะเหตุใดกันเซียถงถึงพยายามชวนองค์หญิงดื่มขนาดนี้? เกรงว่าเรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่แท้ คิดมาถึงจุดนี้ ไป๋หลี่หานชักสงสัย เซียถงคิดจะทำอะไรกับองค์หญิงแห่งซีฉินกันแน่?
ยังไม่ทันได้ครุ่นพินิจคิดอันใดต่อ ทันใดนั้นองค์หญิงแห่งซีฉินก็กระดกสุราอีกจอก วางกระแทกโต๊ะเสียงดัง ‘ปัง’ นัยน์ตาคู่สวยเริ่มพร่ามัวไสวเลือนราง เอื้อมมือทั้งสองข้างกอดแขนของไป๋หลี่หานไว้แน่น โน้มศีรษะเข้าซบไซ้บริเวณแผ่นอกอีกฝ่าย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงฉ่ำปริกล่าวน้ำเสียงสั่นกระเส่าดังว่า
“องค์ชายไป๋หลี่เจ้าค่ะ… ข้าชอบท่านเหลือเกิน ได้โปรด…อภิเษกกับข้าด้วยเถิด ข้าเกิดมาเพื่อเป็นภรรยาของท่านเพียงคนเดียว…”
ไป๋หลี่หานถึงกับขมวดคิ้วทันที ขณะที่พยายามจะลุกขึ้นหนี ทันใดนั้น กลับถูกใครบางคนตรงเข้ามากดไหล่ไว้อย่างแรงมิให้เขาสามารถลุกไปไหนได้ พอแหงนหน้ามองขึ้นไป ก็พบว่าเป็นเซียถงที่กำลังคลี่ยิ้มแย้ม ออกแรงบีบหัวไหล่เขาแน่น ทั้งยังกล่าวอีกว่า
“องค์ชายไป๋หลี่ สตรีรูปงามถล่มเมืองถึงขั้นออกปากบอกว่า ต้องการแต่งงานกับท่าน สิ่งนี้หาใช่เรื่องดีหรอกรึ?”
“เมื่อครู่เจ้าแอบใส่อะไรลงไปในสุราจอกนั้น?”
ไป๋หลี่เอ่ยเอ่ยเสียงกระซิบถาม
“ก็แค่ผงยาบดชนิดหนึ่ง ทำให้ผู้ทานสูญเสียสติสัมปชัญญะในส่วนของการยับยั้งชั่งใจไประยะเวลาหนึ่ง และจะเผยสิ่งที่จิตใต้สำนึกเก็บซ่อนเอาไว้ออกมา”
เซียถงกระซิบตอบอย่างแผ่วเบา ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแสยะแสนชั่วร้ายออกมาทีหนึ่ง
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่นี้เอง องค์หญิงแห่งซีฉินก็โน้มตัวโอบกอดร่างไป๋หลี่หาน หน้าอกอันอวบอิ่มทรงโตเข้าแนบชิดบดขยี้ติดแขนของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เรียวนิ้วขาวผ่องดั่งหยกเริ่มซุกซนอยู่ไม่สุข มุดเข้าไปใต้อกเสื้อของไป๋หลี่หานลูบไล้ เอ่ยพึมพำขึ้นว่า
“องค์ชายไป๋หลี่… ท่านรู้หรือไม่ว่า มีบุรุษชายกว่ากี่คนที่ปรารถนาต้องการอภิเษกสมรสกับข้า? ทุกคนต่างอยากให้องค์หญิงแห่งซีฉินผู้นี้ปรนนิบัติรับใช้ดั่งศรีภรรยา แต่หัวใจดวงนี้ของข้ากลับมีเพียงท่านคนเดียว”
ไป๋หลี่หานชำเลืองหางตามององค์หญิงเจือแววรังเกียจ ขณะที่กำลังจะคว้ามืออีกฝ่ายที่เข้าซุกไซ้ใต้แผ่นอกของตนเองออกไปและลุกขึ้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเซียถงเอ่ยขึ้นว่า
“ช่างเป็นคำสารภาพรักที่หวานซึ้งยิ่งแล้ว องค์ชายไป๋หลี่โปรดฟังต่อเถิด โอกาสดีงามเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก!”
กล่าวจบ เซียถงก็กดร่างอีกฝ่ายลงไปนั่งใหม่
หายาก? หรือนางคิดจริงๆ ว่า คนอย่างข้าจะไม่สามารถสรรหาหญิงงามเคียงกายได้จริงๆ? มุมปากไป๋หลี่หานถึงกับกระตุกอย่างแรงอยู่หลายครา มองค้อนสวนกลับมาด้วยความหงุดหงิด
เซียถงถอนมือบนไหล่ของไป๋หลี่หานออกมา พลางหยิบจอกสุราอันใหม่ขึ้นมาและรินสุราอำพันทิพย์ในเหยือก พร้อมยกดื่มกระดกจนหมดในรวดเดียว โดยหาได้สนไม่เลยว่า ไป๋หลี่หานในขณะนี้กำลังมองตนด้วยสายตาเยี่ยงไร
หึ! ก็บอกไปแล้ว ต้องการให้ข้าเป็นโล่ เช่นนั้นต้องมีเจ็บตัวกันหน่อย
ถึงแม้ปฏิกิริยาท่าทางของไป๋หลี่หานจะดูรังเกียจเพียงใด แต่เขาก็มิได้ผลักไสองค์หญิงแห่งซีฉินออกไปใดๆ แต่ได้มองค้อนใส่ทางเซียถงที่ร่ำสุราอย่างสบายอารมณ์ ภายในใจได้แต่สงสัยเช่นกันว่า ไฉนองค์หญิงแห่งซีฉินถึงตกหลุมรักตนได้? และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางก็มักจะตามตื๊อเขามาตลอด
ผ่านไปสักพัก องค์หญิงแห่งซีฉินในเวลานี้เข้าโอบรัดตัวเขาราวกับงูก็มิปาน เรียวนิ้วหยกที่เล่นซุกซนกับใต้อกเสื้อจนพอใจ เวลานี้ได้ย้ายตำแหน่งมาที่บนหน้ากากสีดำขลับ นางเอ่ยขึ้นต่อว่า
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวข้านั่นได้แต่เฝ้าคิดถึงแต่ท่าน ต่อให้อยู่ห่างไปหลายหมื่นลี้ ทว่าความรักที่ข้ารู้สึกกลับมิได้ถูกลดทอนลงแม้แต่น้อย ขอเพียงท่านเอ่ยปากตอบตกลง ข้าย่อมไม่ลังเลเลยที่จะขโมยสมบัติจำนวนหนึ่งจากเสด็จพ่อ เพื่อหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับท่าน…”
ถึงแม้หญิงองค์หญิงแห่งซีฉินนางนี้จะดูเป็นคนงี่เง่า แต่ดูเหมือนว่า นางจะเป็นผู้หญิงที่ศรัทธาในความรักมากคนหนึ่งจริงๆ เซียถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดพยักหน้าให้อย่างลับๆ มิได้ แต่จะว่าไปแล้ว สุราในเหยือกนี้ฤทธิ์ค่อนข้างแรงเหลือเกิน เผลอดื่มไปเพลินๆ ได้สักพัก ก็รู้สึกได้ว่าเลือดในกายสูบฉัดแรงขึ้นมาก เริ่มสัมผัสได้ถึงความร้อนผาวที่แทรกซึมไปทั่วร่างกาย
ไป๋หลี่หานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม กิริยาท่าทางนิ่งสงบดั่งประติมากรรมน้ำแข็งชั้นเอก ปล่อยให้องค์หญิงแห่งซีฉินพัลวันเร้าโรมกับร่างกายของตนต่อไปโดยมิได้ปริปากห้ามปราม
ปล่อยนานเข้า บรรดาสาวรับใช้บางส่วนที่อยู่ภายในส่วนโดยสารก็เริ่มกังวล ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมา ลังเลว่าพวกตนควรเข้าไปแยกองค์หญิงออกมาดีหรือไม่
“องค์หญิง โปรดชี้แจ้งให้ข้าตระหนักทราบสักหนึ่งเรื่อง ที่ท่านบอกว่าตกหลุมรักข้า มิทราบว่าตกหลุมรักข้าตรงไหนกันรึ?”
นี่เป็นคำถามที่ไป๋หลี่หานรู้สึกสงสัยและติดค้างอยู่ในใจเรื่อยมา ตัวเขาเองก็มีข่าวลือหนาหูว่า โฉมหน้าที่แท้จริงอัปลักษณ์น่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่แล้วสตรีรูปงามอย่างองค์หญิงแห่งซีฉินก็ยังตกหลุมรักเขานี่น่ะรึ? นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย