ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 302 นักอัญเชิญแห่งซีฉิน (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่302 นักอัญเชิญแห่งซีฉิน (2)

ตอนที่302 นักอัญเชิญแห่งซีฉิน (2)

ทุกคนยังตกอยู่ในภวังค์ความตื่นตะลึง บ้างเอ่ยปากร้องอุทานออกมาโดยมิทันรู้ตัว อึดใจต่อมา ประกายตาของนางพลันแปรเปลี่ยนกระทันหัน ดูเหี้ยมดุขึ้นในทันใด คลื่นแสงสีม่วงที่ปกคลุมทั่วร่างผงาดสูงขึ้น ชายเสื้อผ้าแพรพรรณทั้งหลายโหมกระพือรุนแรงประดุจมังกรที่เพิ่งทะยานขึ้นเหนือน้ำ ประกายแสงลมปราณสีม่วงสดใสนี้ช่างดูงามตาเกินอธิบาย

หลินเฟยกัดฟันงัดแรงฮึกเฮือกสุดท้ายที่มี อัดฉีดพลังลมปราณทั้งหมดลงไปในกระบี่ยาวในมือ ก่อเกิดประกายแสงสีม่วงจัดจ้านอีกขุมหนึ่งโผล่ปรากฏ และแทงสวนเข้าใส่เซียถงที่กำลังลงมือปลิดชีพตนโดยไม่สนสิ่งใดอีกทั้งสิ้น!

ปลายกระบี่แหลมพุ่งเสียบเข้าใส่ เสี้ยวพริบตาก่อนที่มันจะสัมผัสเข้าร่างของนาง หลินเฟยพลันต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่า ร่างอรชรที่อยู่ตรงหน้าหมาดๆพลันอันตรธานหายวับไปต่อหน้าเขาอีกครั้ง และเพียงหนึ่งอึดใจให้หลัง คมแสงกระบี่สีเย็นยะเยือกประดุจสายวารีผ่าฟากฟ้ายามฤดูใบไม้ผลิก็ร่อนสะท้อนมอแสงส่องลงมา ตัดผ่านข้อมือขวาของหลินเฟยในพริบตาเดียวประดุจสายอสนีบาตฟาดฝ่า

หญิงสาวผู้ไร้ซึ่งอารมณ์ความรูสึกประดุจพญาปีศาจปรากฏกายขึ้นอีกครั้งต่อหน้าเขา กอปรภาพฉากโศกนาฎกรรมสยดสยอง น้ำพุสีโลหิตสดพุ่งฉีดออกมาเป็นสายๆจากข้อมือทั้งซ้ายและขวาของหลินเฟยที่ด้วนไปแล้ว ไม่นาน จากพื้นสนามประลองทองคำขาวสุดหรูหรา ในยามนี้กลับกลายมาเป็นทะเลเลือดสีแดงฉานอันสะเทือนขวัญ…

องค์จักรพรรดิทั้งหลายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อันทรงเกียรติถึงกับอ้าปากค้างเติ่ง จับจ้องเงาร่างสั่นไสวพิสดารของเซียถงด้วยความตกตะลึงสุดขีด สังเกตเห็นรัศมีคลื่นสีเขียวสดใสระยิบระยิบภายใต้พลังลมปราณสีม่วงที่อาบล้นกายาท้วมท้น สีหน้าของพวกเขาถึงกับแปลเปลี่ยนไปทันที

ซึ่งคนที่น่าจะประหลาดใจที่สุดคงหนีไม่พ้น องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ เหม่อมองพลังลมปราณสีม่วงที่ปะทุเดือดอยู่กลางสนามประลอง สีหน้าของเขาดูเหลือเชื่อเกินจินตนาการถึงไปไกลโพ้น ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยสักนิดว่า ระดับพลังลมปราณของเซียถงจะก้าวหน้าพัฒนามาถึงขอบงเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นได้แล้วภายในเวลาไม่กี่วัน หรือว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะ…

คิดได้ดังนั้น แววความโลภเข้มข้นก็พลันส่องแสงเปล่งประกายออกมาจากในดวงตาของเขาทันที

เย่หลีเทียนยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นหินอยู่ข้างเคียงไม่ห่างกายองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ เขาเองก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งยวด พัฒนาการความแข็งแกร่งของเซียถงมันเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ถึงสองระดับขั้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน นางสามารถทำได้อย่างไร? เว้นเสียแต่…จะอาศัยโอสถเป็นตัวช่วย?

พอนึกถึงโอสถ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันใด สายตาคู่นั้นของเขาที่จับจ้องไปยังเซียถงก็ยิ่งเผยแสดงถึงพลังงานสีดำที่โคจรหมุนวนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในความเห็นของเขา นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้นที่สามารถนำมาอธิบายเหตุการณ์ตรงหน้าได้ นั่นหมายความได้ว่า เซียถงสามารถหลอมกลั่นโอสถระดับสูงได้แล้ว เพื่อยกระดับขั้นพลังลมปราณของตัวนางเอง

ครุ่นพินิจมาถึงตรงนี้ เย่หลีเทียนก็ยกมือลูบไล้คางเบาๆ และกำลังใช้ความคิดอย่างหนักกับตนเอง บางครั้งคราก็มีประกายแสงแปลกๆโฉบแล่นผ่านขึ้นมาจากสายตาคู่ดังกล่าว

องค์จักรพรรดิซีฉินเองก็ถึงกับยกมือขวาขึ้นเท้าคางพึงพักอยู่บนพนักที่นั่ง นัยน์ตาสั่นไสวรวนเรเมื่อจับจ้องไปที่เซียถง ข่าวลือเกี่ยวกับเซียถงได้หวนคืนกลับเข้ามาสู่จิตใจของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้น ก็ชำเลืองมองไปที่ชิงเยวี่ยที่อยู่ด้านหลัง พร้อมระบายยิ้มผิดวิสัยไม่ปกติออกมาจากมุมปากบางๆ

เซียถงยังไม่จบเพียงเท่านี้ หนึ่งคมตวัดกวาดเป็นแนวขวาง ปราณกระบี่สีเย็นยะเยือกคมกริบสะบั้นตัดขาทั้งสองข้างของหลินเฟยจนขาดกระเด็น เสียงกรีดร้องคร่ำครวญแสนเวทนาดังลั่นออกจากปากของหลินเฟยอีกครั้ง ในเวลานี้ตัวเขาไม่ต่างอะไรกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่งที่ปราศจากแขนและขา ยามนี้เซียถงไม่ต่างอะไรกับปีศาจที่สลักฝังเงามืดทมิฬลงในจิตใจของเขา ด้วยความหวาดผวาสุดขีด หลินเฟนพยายามใช้หัวไหล่ที่ยังเหลืออยู่ขูดลากไปตามพื้นที่เปื้อนธารเลือด เพื่อตะเกียดตะกายผลักไสร่างพิการของตัวเองหนีห่างจากเซียถงสุดชีวิต

แต่เนื่องด้วยเจ้าตัวเสียเลือดมากเกินไปจากที่โดนตัดแขนตัดขา หลังจากพยายามตะเกียดหนีได้ไม่นาน เขาก็หน้าซีดเผือดและเป็นลมหมดสติไปทั้งแบบนั้น

“เฟยเอ๋อร์!”

หลินเต๋อซวนที่เพิ่งฟื้นคืนสติได้ แลเห็นว่าแขนขาของหลินเฟยถูกตัดทิ้งจนกุดไม่เหลือดี เขาตกใจสุดขีดจนหน้าถอดสีแทบอาเจียนออกมาตรงนั้น รีบเร่งตีฝีเท้าวิ่งเข้าไปหาและป้อนโอสถห้ามเลือดเข้าปากหลินเฟยไปโดยตรง ชั่วครู่ที่ผ่านมา เขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมากกับระดับความแข็งแกร่งและวรยุทธต่อสู้ที่เซียถงมี แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ ลูกชายของเขาอย่างหลินเฟยจะมาถูกตัดแขนตัดขาทิ้งจนกลายเป็นไอ้ด้วนเช่นนี้ เสาะพบภาพฉากสะเทือนใจตรงหน้า เขาแทบคลั่งจนเสียสติ

ทั้งตกใจก็ดีทั้งอาฆาตก็ดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนสุมทรวงอัดแน่นแทบแตกเป็นเสี่ยงในแผ่นอก หลินเต๋อซวนโบกมือส่งสัญญาณให้เสือดาวเหมันต์เตรียมพร้อมเข้าโจมตี ก่นเสียงคำรามเกรี้ยวกราดลั่นสนั่นว่า

“จงฉีกกระฉากเนื้อหนังมังสาของนังอัปลักษณ์ให้เป็นร้อยชิ้น!! แก้แค้นให้เฟยเอ๋อร์!!!”

เสือดาวเหมันต์ตนนั้นกระโจนเคลื่อนไหว ฉีกปากคำรามเสียงแผ่ไพศาลกู่ก้อง ซัดหอบเหลียวคลื่นวายุขุมใหญ่เข้าถาโถม มันยกกรงเล็บน้ำแข็งสุดคมกริบตะปบเข้าใส่เซียถงหวังสังหารให้ดับดิ้นในคราเดียว

เซียถงปฏิกิริยาตอบสนองเร็วมาก เพียงเสี้ยวพริบตานางรีบถอยหนีนับหลายสิบก้าวต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่เพียงพอ บริเวณแผ่นอกของนางถูกกรงเล็บน้ำแข็งใหญ่หนาตะปบเข้าใส่อย่างจัง เสื้อผ้าแพรพรรณส่วนหน้าขาดกระจุย พร้อมเศษเนื้อหนังที่หลุดติดออกมา หากสังเกตให้ดี บริเวณซี่โครงส่วนล่างของนางโผล่ปรากฏให้เห็นเป็นกระดูกสีขาว นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า กรงเล็บน้ำแข็งของเสือดาวเหมันต์ตนนี้มันน่าสะพรึงกลัวปานใด

คล้อยหลังที่พยายามตีระยะออกห่างจากเสือดาวเหมันต์มาได้หลายช่วงตัว นางก็รีบโคจรพลังลมปราณในกายเข้าขับไสเกล็ดน้ำแข็งที่แผ่ขยายกัดกินไปตามอวัยวะต่างๆตามร่างกาย

จะอย่างไร เสือดาวเหมันต์ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ มันกระโจนเข้าใส่เซียถงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า เฉพาะเวลานี้ที่ได้สัประยุทธ์ด้วยเท่านั้น เซียถงเพิ่งจะรู้แจ้งว่า พลังความแข็งแกร่งของเสือดาวเหมันต์ตนนี้มันทะลุระดับชั้นสัตว์อสูรปราณวิญญาณไปแล้ว อาศัยขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นที่นางมีอยู่ ไม่สามารถเอาชนะมันได้เลย! คิดได้ดังนั้นจึงรีบเร่งตีฝีเท้าหนีออกมา

พ้นระยะโจมตีของเสือดาวเหมันต์มาได้ เซียถงรีบหันขวับไปที่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินที่อยู่เบื้องบน และตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“สัวต์อสูรตนนี้เป็นหนึ่งในตัวแทนผู้เข้าร่วมประลองของจักรวรรดิซีฉินหรือไม่? หากไม่ใช่แล้ว การที่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินยังคงเฝ้ามองอยู่เฉยๆ ถือว่ามีเจตนาร้ายต่อตัวแทนของจักรวรรดิอื่น! แหกกฎในบ้านตนเอง ในวันหน้าคงไม่กลายเป็นขี้ปากใครต่อใครกระมัง!”

องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินได้ยินดังนั้นก็ฟื้นคืนกลับมาจากความคิดของตนในทันใด มือข้างขวาที่กำลังเท้าคางพลันถอดถอน เหม่อมองเซียถงอยู่สักครู่ ก่อนจะโบกมือให้หลินเต๋อซวนและกล่าวว่า

“เก็บสัตว์อสูรของเจ้าลงไป บนสนามประลอง คมดาบไร้ตาหู เจ้าเองก็เพิ่งกล่าวออกไป เช่นนั้นแล้วอย่าได้โกรธแค้นกันใดๆ ทั้งหมดเป็นเพียงอุบัติเหตุ”

“ฝ่าบาท! มันจะเป็นอุบัติเหตุได้เยี่ยงไร!! นังอัปลักษณ์บัดซบตัวนี้ มันลงมือลงไม้ได้เหี้ยมโหดเกินมนุษย์! มันทำลายอนาคตของลูกชาย…”

หลินเต๋อซวนรีบตอบโต้เรียกร้องหาความเป็นธรรม

แต่ยังไม่ทันได้กล่าวจบเสียด้วยซ้ำ สีหน้าการแสดงออกขององค์จักรพรรดิแห่งซีฉินพลันมืดทมิฬลง ยกฝ่ามือขึ้นตบพนังเก้าอี้เสียงดังลั่น เอ่ยแทรกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงรำคาญว่า

“บอกให้เก็บสัตว์อสูรลงไป! สนามประลองแห่งนี้ไม่เคยมีคำว่าปราณีตั้งแต่ไหนแต่ไร! หากเจ้าแพ้ก็คือแพ้! มิอาจโทษใครได้!”

เจอองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินลั่นวาจาทรงพิโรธปานนี้ หลินเต๋อซวนก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำใดๆต่ออีกเลย ไม่ว่าภายในใจของเขาจะเคียดแค้นฝังลึกปานใด ต้องการผลกหนังเลาะกระดูกเซียถงขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเรียกเสือดาวเหมันต์ของตนกลับมา และจูงมันลงสนามประลองไปอย่างขมขื่นใจ

หลินเฟยถูกตัดแขนตัดขาจนเหี้ยน สนามประลองทองคำขาวในเวลานี้ฉาบชโลมไปด้วยธารเลือดสด

“เซียถง ข้าผู้นี้ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ตัวเจ้าจะกลายมาเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้! เจ้าคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง!”

องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินถึงกับเอ่ยปากชมเซียถงพร้อมรอยยิ้มประดับประดาทั่วใบหน้า

เซียถงยกแขนเสื้อยาวปาดเช็ดคราบเลือดที่สาดกระเซ็นบนใบหน้าของนาง ยิ้มตอบอย่างแผ่วเบาเพียงว่า

“เซียถงคนนี้ช่างต่ำต้อยนัก ในตงหลี่บ้านเกิดยังมีคนเก่งกาจอีกมากมายที่เหนือกว่าหม่อมฉันนัก”

“จักรพรรดิตงหลี่ ท่านนี่ช่างโชคดีจริงๆที่มีอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนี้อยู่!”

องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินหันไปยิ้มกล่าวกับองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทว่าเนื้อในกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เนื่องด้วยความพ่ายแพ้ของนัดประลองนี้

“ฮ่าฮ่า องค์จักรพรรดิซีฉินพูดเกินไปแล้ว”

องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ยิ้มตอบ ดวงตาโค้งงอเป็นทรงเสี้ยงจันทร์คว่ำดูมีความสุขเหลือล้น สายตาที่จับจ้องมาทางเซียถงราวกับว่าเขากำลังมองมหาสมบัติล้ำค่าของชาติอย่างใดอย่างนั้น

ส่วนอคง์จักรพรรดิอีกสองท่านที่เหลือต่งากล่าวแสดงความยินดีแก่องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่เช่นกัน ในขณะที่พวกเขาเองต่างก็ทอดสายตามองมาทางเซียถง อนึ่งความตื่นตะลึงยังคงสลักอยู่ในใจของพวกเขาไม่คลายอ่อนถึงความแข็งแกร่งของนาง และสอง พวกเขาแต่ละคนกำลังระดมความคิด วางแผนอยู่ว่าจะซื้อใจนางให้ย้ายมาอยู่ฝ่ายตนเองอย่างไรดี

อายุเพิ่งจะสิบห้าปีเองเท่านั้น แต่กลับสามารถทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงได้แล้ว แค่นั้นยังไม่พอ นางยังมีวรยุทธ์ต่อสู้ในตำนานอยู่ในครอบครอง อนาคตของนางช่างไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง! และโชคดีมากที่นางเป็นผู้หญิง อายุในปัจจุบันก็ค่อนข้างเหมาะสมที่จะออกเรือนแต่งงานแล้วเช่นกัน ดังนั้น การผูกมัดอีกฝ่ายด้วยการแต่งงาน ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดึงนางมาอยู่ในภายใต้อำนาจการควบคุมของตน!

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท