ตอนที่327 หนีออกมา (1)
ตอนที่327 หนีออกมา (1)
สุ้มเสียงหลัวซีอ่อนโยนดุจธารน้ำเย็น หวานฉ่ำราวน้ำตาล และมันเกินพอแล้วที่จะหลอมละลายหัวใจดวงหนึ่งของอิสตรี
สีหน้าท่าทางเซียถงดูเย็นยะเยือกตกฮวบ โฉมงามนี้เสมือนถูกฉาบคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งเกาะชั้นหนาที่ไม่เคยละลายมาก่อนนับหมื่นปี นางหาได้รู้สึกคล้อยตามท่าทีของอีกฝ่ายแม้สักนิด เปล่งเสียงจืดชืดแสนเฉยเมยขึ้นเพียงว่า
“วางข้าลง”
หลัวซีตกใจไม่น้อยกับปฏิกิริยาการแสดงออกของนาง เช่นนั้นจึงรีบวางลงทันที พยายามประคองวงแขนด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง สีหน้าการแสดงออกของเขาเปี่ยมแววกังวลเต็มสองตา
เซียถงเจาะลึกมองผ่านเข้าไปในสายตาของอีกฝ่าย คล้ายกับทราบถึงเจตนารมณ์อะไรบางอย่างที่เร่นซ่อนอยู่ภายในนั้น นางเปล่งเสียงดัง กล่าวอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“หลัวซี อย่าคิดจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กับข้า มิฉะนั้นคงทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้!”
“แต่หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงได้ ข้าก็คิดว่าไม่น่าจะมีสิ่งใดเสียหายเลย?”
หลัวซีระบายยิ้มอ่อน กล่าวเสริมขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะภายในใจของเขาในเวลานี้ หวังเพียงว่า สัญญาเรื่องการแต่งงานจะกลายมาเป็นความจริงได้
“เป็นไปไม่ได้! และจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน!”
เซียถงสบถตอบรวบรัดตัดคำในอึดใจ ไอเย็นยะเยือกที่ฉาบคลุมบนใบหน้ายิ่งทวีความหนาวเหน็บมากขึ้นเรื่อยๆ ความงดงามที่สลักประณีตบนนั้นประดุจบุปผาเหมันต์หมื่นปีดอกหนึ่ง
“เพราะอันใดกัน?”
หลัวซีขมวดคิ้ว สายตาสอแววเจ็บปวดสุดหัวใจฉายออกมาอย่างชัดเจน เพราะเหตุใดกันเซียถงถึงตอบปฏิเสธโดยไม่คิดเลยเช่นนี้? ชายใดได้ยินล้วนต้องรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวกันทั้งสิ้น
“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น!”
เซียถงสวนตอบน้ำเสียงเย็นชืด ที่นางตอบส่งๆ ไปเฉกเช่นนั้น ก็เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะอธิบาย และหากหลัวซีเกิดตกหลุมรักนางขึ้นมาจริงๆ คงต้องใช้ยาแรงตัดขาดให้จบในทีเดียว เซียถงเชื่อว่า การให้ความหวังกับใครสักคนไปเรื่อยๆ มันหาใช่สิ่งที่เรียกว่าความสุขแต่อย่างใด และเนื่องจาก หลัวซีเป็น ‘สหาย’ สนิทคนหนึ่งที่นางเป็นห่วง ยิ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรเช่นนี้กับอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่
“เจ้านี่ช่างเลือดเย็นเหลือเกิน”
เผชิญกับความเย็นชาไม่แยแสของเซียถง สิ่งนี้มักจะทำให้หลัวซีมีน้ำโหเป็นครั้งคราว ใจดวงนี้ของชายหนุ่มไม่เคยถูกอิสตรีคนใดปฏิเสธมาก่อน ทว่าครั้งแรกและครั้งสำคัญที่สุด หัวใจดวงนี้กลับถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี เช่นนั้นแล้วจะมิให้เขารู้สึกคับข้องใจได้เยี่ยงไรกัน?
เซียถงยืนพิงเสาระหว่างทางเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง เหม่อมองแผ่นหลังของหลัวซีที่ค่อยๆ หายลับเส้นสายตาปลายทางเดินไป นางทำได้เพียงส่ายหัวช่วยไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่ออีกฝ่ายทั้งนั้น จึงต้องใช้ไม้แข็งใส่เช่นนี้ เจ็บทีเดียวแต่จบ ยังดีกว่าต้องให้อีกฝ่ายมานั่งทนทุกข์ทรมานกับนางไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบในอนาคต
หลังจากนั้นไม่นาน เซียถงก็ได้รับความช่วยเหลือจากชุนหลานและเซี่ยเห่อ พวกนางรีบเข้ามาช่วยประคองร่างกลับเข้าห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ขณะที่กำลังนอนพักผ่อน ภายในหัวของเซียถงก็กำลังระดมความคิดอย่างหนักหน่วง เพราะดูจากท่าทางของหลัวซีในตอนนี้ เขาไม่น่าจะเชื่อใจได้แล้ว เช่นนั้นควรทำอย่างไรล่ะ? จะให้ถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป? คล้อยหลังครุ่นพินิจได้สักครู่หนึ่ง นางก็ตาสว่างฉายแววเป็นประกายขึ้นมา จริงสิ! นี่ข้าลืมหลิวซูได้ยังไง?
เซียถงไม่รีรอรีบสื่อสารหาหลิวซูผ่านห้วงความคิดทันที
“หลิวซู ไปหาโอสถขับพิษให้ข้าโดยไว”
“ข้าไม่รู้ว่าโอสถขับพิษเครื่องหอมชนิดนี้มีรูปร่างหน้าตาเป็นเยี่ยงไร เช่นนั้นจะให้เริ่มหาจากที่ไหน?”
ฟังจากน้ำเสียงของหลิวซูที่ดูไม่ค่อยมั่นใจนัก ก็พึงทราบทันทีถึงความลำบากใจของมันกำลังรู้สึก หลิวซูเป็นจิตวิญญาณกระบี่ทัณฑ์ฟ้า มันแทบจะไม่มีความรู้ด้านหลอมกลั่นโอสถเลย ดังนั้นจะเอาอะไรไปหาเสาะหาโอสถขับพิษเครื่องหอมชนิดนี้มา?
“อะไรก็ได้ที่ดูเหมือนขวดบรรจุโอสถ เจ้าคว้ามาให้หมด เดี๋ยวข้ามานั่งเลือกต่อเอง”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
หลิวซูกล่าวตอบอย่างช่วยไม่ได้นัก จากนั้นก็ปรากฏกายขึ้นข้างเตียง พยักหน้าให้เซียถงและอันตรธานตัวหายวับไป
ทางด้านนางก็นอนนิ่งอยู่บนเตียงพลางจ้องเพดานอย่างน่าเบื่อหน่าย รอคอยให้หลิวซูกลับมา
“แกร๊ก! จิ๊ด จิ๊ด!”
สัตว์อสูรสีแดงเพลิงปีนป่ายขึ้นมาจากขอบหน้าต่าง ยกอุ้งเท้าสีเนื้อเล็กจิ๋วของมันขึ้นมาเพื่อผลักเปิดบานหน้าต่างออก กระโดดเข้ามาในห้องและซอยเท้าวิ่งปรี่ไปหาเซียถง ยกศีรษะปุกปุยนุ่มนิ่มของมันถูไถไปมากับนาง
“จี๋จี๋? เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง? มิใช่ว่าถูกวางยาพิษเครื่องหอมไปแล้วหรอกรึ?”
แลเห็นเจ้าจี้จี้อยู่ตรงหน้า เซียถงเปล่งเสียงประหลาดใจเอ่ยถาม ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จี้จี้จะขับพิษออกจากร่างจนสามารถฟื้นตัวได้แล้ว ทั้งยังมาหานางถึงที่นี่ได้อีก
จี้จี้พยักหน้า หัวกลมเล็กจิ๋วของมันก็ยังถูไถกับใบหน้าเซียถงไม่หยุดหย่อน เสมือนกับว่าตัวมันรู้ดี เซียถงเองก็โดนยาพิษเข้าเล่นงานเช่นกัน ประกายตาของมันหรี่แคบเป็นกังวล
“จี้จี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่า โอสถขับพิษมันอยู่ที่ไหน? ช่วยนำมันมาให้ข้าได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าจี้จี้เข้าใจภาษามนุษย์ ทั้งยังงตระหนักถึงสถานการณ์ในเวลานี้ดี เซียถงก็ตาเป็นประกายฉายสว่างขึ้นทันใด รีบเอ่ยถามมันด้วยความตื่นเต้น
จี้จี้ยืดตัวตั้งตรงพร้อมพยักหน้าตอบ วิ่งวนรอบตัวนางอยู่สองสามครา ก่อนจะรีบกระโดดออกจากหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
ภายในใจของเซียถงยามนี้ค่อยโล่งอกขึ้นเปลาะหนึ่ง บังเกิดแสงแห่งความหวังสาดส่องลงมาบ้างแล้ว เฉพาะช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ นางรู้สึกได้ว่า จี้จี้ดูพึ่งพาได้มากกว่าหลิวซูเสียอีก
ในช่วงบ่ายวัน ขณะที่ชุนหลานเดินทางเข้ามาส่งอาหารให้ นางก็ยื่นซองเครื่องหอมสีม่วงให้แก่เซียถง
“นี่เป็นของที่ผู้อาวุโสฝากไว้ให้ท่าน โปรดนำสิ่งนี้แขวนไว้บนหัวเตียง กลิ่นหอมของมันจะช่วยขจัดความเหนื่อยล้าในร่างกายของท่านได้”
เซียถงหยิบซองเครื่องหอมสีม่วงขึ้นมาสูดดมเล็กน้อย พลางได้กลิ่นสุคนธรสหอมอ่อนๆ ซึมซาบผ่านเข้ามาในจมูก และพอสูดดมมันเข้าไป นางก็รู้สึกได้ทันทีว่า ความอ่อนล้าอ่อนแรงที่แทรกซึมอยู่ทั่วร่างกายของนางพลันถูกลดทอนลงไปหลายส่วน นางสามารถดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงได้ภายในอึดใจ ชำเลืองหางตาเฉียบคมยิงเข้าใส่ชุนหลาน ส่อแววสังหารสั่นไสวอยู่หลายระลอก อาศัยเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่งฟื้นคืนมาในขณะนี้ เพียงหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหว ก็สามารถสังหารชุนหลานนางนี้ทิ้งได้พริบตา
ถึงแม้ตอนนี้พลังลมปราณจะไม่มี แต่ด้วยทักษะความคล่องแคล่วด้านการต่อสู้ที่มี เซียถงมั่นใจว่า ตนสามารถล้มชุนหลานได้ทันทีภายในหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหว!
ชำเลืองมองชุนหลานที่กำลังหันหลังจัดโต๊ะอาหารให้ทาน เซียถงส่งสายตาสาดประกายแสงแปลกๆ ออกมา รัศมีจิตสังหารปะทุลุกลามขึ้นจากทั่วร่างในทันใด จังหวะนี้แหละคือโอกาสที่ดีที่สุดแล้วในการลอบสังหารอีกฝ่าย แล้วใครจะโง่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดมือไปได้? คิดได้ดังนั้น นางก็รีบเลื่อนมีดสั้นจากใต้แขนเสื้อออกมา เข้าสอดใส่พอดีฝ่ามือ เร่งระดมพละกำลังทั้งหมดไปยังข้อมือขวา หวังตวัดคมมีดเชือดคอชุนหลานให้ตายทันทีแบบไร้สุ้มเสียง
การลอบสังหารในครานี้จะต้องสำเร็จภายในหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว หากปล่อยให้ชุนหลานส่งเสียงร้องออกมาได้ นางจะไม่สามารถผ่านเซี่ยเห่อที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้
ขณะที่ร่างของนางกำลังพุ่งกระโจนลอยขึ้น ทันใดนั้นพละกำลังทั้งหมดที่มีในร่างกายก็เหมือนกับอันตรธานหายสิ้นในพริบตา บังเกิดความรู้สึกอ่อนแอแทรกขึ้นมาอีกครั้ง เซียถงล้มกราวหัวฟาดกับพื้นอย่างแรง นอนเนื้อตัวสั่นเทา หอบหายใจถี่ระรัวเหน็ดเหนื่อย และขณะเดียวกัน มีดสั้นในมือขวาของนางก็พลันหลุดกระเด็นออกมา
เมื่อชุนหลานได้ยินเสียงล้มดัง นางก็รีบหันศีรษะมองด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นมีดสั้นเล่มคมตกอยู่บนพื้น สีหน้าแววตาดูมืดทมิฬจมลงทันที แววตาทอประกายเยียบเย็นขึ้นทันใด
“มีดสั้นของข้าเอง เผลอทำหล่นพื้น ช่วยหยิบมาให้ข้าที”
เซียถงสะบัดแขนเสื้อพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นจากพื้น พลางเงยหน้ากล่าวกับชุนหลานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ประกายเย็นเยียบทอแสงสะท้อนออกจากดวงตาคู่นั้นของชุนหลานอยู่สองสามที ก่อนจะก้มลงไปหยิบมีดสั้นและส่งให้เซียถง และเมื่อเซียถงรับมีดสั้นเก็บกลับเข้ามา ก็พลันได้ยินน้ำเสียงเย็นชืดไม่แยแสเสมือนคนไม่สนิทอยู่ห่างกันแสนไกลว่า
“คุณหนูเซีย ถึงแม้ว่าซองเครื่องหอมนี้จะสามารถระงับพิษเครื่องหอมมิให้กำเริบได้ แต่ระหว่างนั้นก็ไม่สามารถออกแรงหนักได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับตอนที่หัวใจสูบฉีดเลือดรุนแรง นี่กลับกลายเป็นการกระตุ้นพิษเครื่องหอมในกายให้กำเริบหนักยิ่งขึ้นแทน”
สมกับเป็นเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าโดยแท้! เหมือนตัวมันทราบดี ถึงแม้เซียถงจะไม่มีพลังลมปราณ แต่อาศัยกำลังทางกายภาพก็ยังมีฤทธิ์เดช ดังนั้นแล้ว เขาจึงมอบเจ้าสิ่งนี้มาเพื่อควบคุมนางเอาไว้ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงไข้เลยสักนิด ตราบใดที่นางคิดจะออกแรงแม้แต่นิดเดียว อาการอ่อนแรงก็จะกำเริบขึ้นในทันใด