ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 340 ไป๋หลี่หานมาแล้ว!

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่340 ไป๋หลี่หานมาแล้ว!

ตอนที่340 ไป๋หลี่หานมาแล้ว!

“เอาล่ะ หลังจบพิธีข้าจะชวนท่านปู่ดื่ม พอเมามากแล้ว ข้าจะลอบขโมยโอสถขับพิษเครื่องหอมให้เจ้าเอง”

เข้าเรื่องหลบหนีของเซียถงให้พ้นอิสระ หลัวซียังคงรู้สึกลังเลใจอยู่บ้าง แต่ในด้านมนุษยธรรมกลับยังมีมากกว่า เพราะหลังจากที่ได้ฟังแผนการของท่านปู่ บังคับให้ตนลอบวางยาพิษแก่เซียถง ก็บังเกิดความรู้สึกรับไม่ได้อย่างแรง

ความรักของเขาที่มีต่อเซียถงมันบริสุทธิ์เกินกว่าจะทำเรื่องพรรคนั้นได้ลง!

หากลูกหลานตระกูลหลัวต้องทำเรื่องสกปรกเช่นนี้เพื่อต่อเชื้อสายทายาท หลัวซีเชื่อว่า กระทั่งบรรพชนรุ่นก่อนย่อมไม่เห็นด้วยแน่นอน นี่ถือเป็นความอัปยศของตระกูลหลัวอย่างแท้จริง!

“หลัวซี ขอบคุณมาก!”

เซียถงคว้ามืออีกฝ่ายกุมแน่น สีหน้าการแสดงออกเผยแววขอบคุณกตัญญูมากล้น

“เอาล่ะ ระหว่างนี้ก็เล่นละครตามน้ำไปก่อน อย่าให้ท่านปู่จับได้เสียแล้วกัน”

หลัวซีจูงนางเข้ามาในโถงพิธีหลัก ตัวเซียถงเองก็ตีบทแตกโน้มกายพิงพักเดินติดตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย

ทั้งสองยืนตระหง่านกลางโถงพิธี จับมือเคียงข้างกันและกัน เฝ้ารอการมาถึงของพิธีคำนับฟ้าดินอย่างสงบนิ่ง ตราบเท่าที่หลัวซียอมร่วมมือพาหนี ต่อให้เคารพฟ้าดินหรือกล่าวสัตย์สาบานตน มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอันใดเลยสำหรับนาง เพราะในยุคปัจจุบันที่นางจากมา แต่งได้ย่อมเลิกได้ตลอดเวลา

ในทางตรงกันข้ามกันเลย กลับเป็นหลัวซีที่รู้สึกประหม่ายิ่งยวด ฝ่ามือทั้งสองข้างใต้เสื้อคลุมยาวสีแดงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น แนวคิดและทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานระหว่างหลัวซีกับเซียถง มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แลเห็นเซียถงยอมเข้าร่วมพิธีอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ทำให้หลัวซีแอบคิดจินตนาการไปไกลไม่น้อย บางทีหากเขาแสดงความจริงใจต่อนางเร็วกว่านี้ เขาเชื่ออย่างยิ่งว่า สักวันหนึ่งเซียถงจะมีใจอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

“คำนับฟ้าดิน…”

หญิงสาวนางหนึ่งผู้รับหน้าที่โฆษกเปล่งเสียงตะโกน ทว่าเพิ่งจะกล่าวไปได้เสี้ยวประโยคหนึ่งเท่านั้น กลับมีตัวอะไรบางอย่างกระโจนลงมาจากบนฟ้า ร่วงแปะอยู่บนใบหน้าขาวอมชมพูของนาง มันยี่ฟันกัดจมูกอย่างแรง

“กรี๊ดดด! กรี๊ดดดด!!”

หญิงสาวนางนั้นยกสองมือขึ้นป้องปิดจมูก นอนกลิ้งไถไปมาอยู่บนพื้นดินความเจ็บปวดสุดแสน เสี้ยวพริบตาต่อมา ภาพฉากดังกล่าวทำเอาผู้คนรอบข้างตื่นตระหนก เจ้าปุกปุยก้อนกลมยกตีนถีบส่งตัวเองจากใบหน้าของหญิงสาวออกมา ตีอุ้งเท้าจิ๋วทั้งสี่วิ่งไต่ขึ้นเกาะบนหัวไหล่เซียถงโดยไว ใช้กรงเล็บน้อยๆ บนอุ้งเท้าหน้าฉีกตะปบผ้าคลุมเจ้าสาวที่ปิดปังใบหน้าของเซียถงจนขาดไม่เหลือ

เซียถงยืนฉงนใจชั่วขณะ ร้องอุทานขึ้นลั่น

“จี้จี้!”

เจ้าก้อนปุกปุยที่ยืนเกาะอยู่บนหัวไหล่ของนางหาใช่สิ่งใดอื่น นอกเสียจากเจ้า จี้จี้! นางไม่เคยเห็นหน้ามันอีกเลยตั้งแต่สั่งให้ไปหาโอสถขับพิษในตอนนั้น เซียงถงมองหน้ามันด้วยความปีติดีใจ แต่ไม่ทันไร เจ้าจี้จี้กลับชี้อุ้งเท้าหน้าน้อยๆ ของมันไปยังทิศทางหนึ่ง พร้อมส่งเสียงร้องแหลมออกมา

เมื่อชำเลืองสายตาเคลื่อนติดตามไป ก็เสาะพบเข้ากับ เงาร่างสีดำทมิฬสายหนึ่งทะยานเวหาท้าลม เหยียบย่ำนภากาศร่อนลงมาอย่างสง่างดงาม ชายเสื้อคลุมยาวสีดำตัดขาวโบกสะบัดเสรี พร้อมหน้ากากใบหนึ่งที่ประดับค้างบนใบหน้าที่แสนคุ้นเคย นภาฟ้าสี่สมุทรล้วนต้องอยู่ใต้อาณัติคลื่นพลังแรงกดขี่อันแกร่งกล้าสุดแสนนี้ หนึ่งลมหายใจพรั่งพรูพลุ่งพล่านดั่งลมหายใจมังกรบรรพยกาล สามารถกำราบสรรพชีวิตภายในโถงพิธีหลักได้อย่างราบคาบ

ผู้คนทั้งหลายหลากในโถงพิธีหลักต่างถูกคลื่นพลังวินาศคลั่งกดขี่โดยฉับพลัน ทำเอาหน้าซีดเสียล้มคะมำติดพื้นกันเป็นแถบ

คู่ปลายเท้าแตะสัมผัส ชายผู้นั้นค่อยๆ ร่อนตัวสู่ภาคพื้น ประกายตาเฉียบคมภายใต้หน้ากากสีดำทมิฬ พินิจมองเซียถงแน่นหนาไม่คลายอ่อน เสมือนแทบฉีกกระชากร่างของนางออกจากกัน เซียถงในเวลานี้ที่ถูกกำจัดพลังเอาไว้ย่อมมิอาจต้านทาน ภายใต้คลื่นแรงกดดันที่ส่งผ่าน ทำเอาใบหน้าของนางถอดสีซีดเผือด เม็ดเหงื่อเย็นผุดซึมซาบไปทั่วแผ่นหลัง ตกสู่สภาวะอัมพาตไปชั่วขณะ ร่างอ่อนแอโรยราอยู่ในอ้อมแขนของหลัวซีเสมือนกับร่างกายนี้ไร้กระดูก

หลัวซีพยุงแขนคว้าแน่น สีหน้าของเจ้าตัวเองก็มิได้ดีกว่านางนัก ท่ามกลางไอเย็นเยียบแสนน่าอัศจรรย์ที่แผ่ซ่านไพศาลจากตัวไป๋หลี่หาน ราวกับว่าเขาต้องการจำบดทำลายสถานที่แห่งนี้ให้วินาศสูญในหนึ่งครา

“พวกเจ้านี่ช่างอาจหาญยิ่งนัก กล้าดีเยี่ยงไรมาลักพาตัวเซียถงเช่นนี้!!”

ประกายตาคู่คมของป็หลี่หานก็ยังจับจ้องเซียถงไม่คลายอ่อน พอเคลื่อนสายตาไปมองหลัวซีที่อยู่ข้างๆ ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงเพลิง รูม่านตาดำของเขาก็ตีบแคบหดเล็กลงในบัดดล ไอเย็นเยียบที่พลั่งปะทุแผ่ซ่านจากร่างของเขายิ่งทวีความหนาวเหน็บประดุจเหมันต์พันปี ยามสุ้มเสียงนี้ตกกระทบเข้าหูใคร พวกเขาทุกคนเสมือนถูกแช่แข็งทั้งเป็น

เป็นผู้อาวุโสที่ก้าวขึ้นหน้าออกมา ประสานมือให้ไป๋หลี่หานเป็นพิธีรีตองไม่จริงจัง คำรามเสียงดังสนั่นจองหองไม่เกรงกลัวใดๆ

“กลับเป็นเราชายชราที่พามาเอง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กระทั่งราชาหมาป่าสวรรค์ผู้โด่งดังก็ยังเข้าร่วมเป็นแขกในพิธีสำคัญของหลานชายข้าด้วย มาถึงทั้งทีอย่าเพิ่งใจรีบร้อน ดื่มสุราฉลองเนื่องวันแห่งความสุขกันสักจอกดีกว่ากระมัง!”

“วันแห่งความสุข? มีความสุขมากนักกระมัง?”

ไป๋หลี่หานขบเคี้ยวประโยคเปล่งดุดัน จากนั้นค่อยชำเลืองหาเซียถง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า

“เซียถง เจ้าสมัครใจแต่งงานกับหลัวซีกระมัง?”

เซียถงนอนหน้าซีดอ่อนแรง ซบศีรษะอยู่ในอ้อมแขนของหลัวซี แลมองไปทางไป๋หลี่หานเจือแววครั้นคร้ามอยู่หนึ่งส่วน ถึงแม้ไป๋หลี่หานในเวลานี้จะดูสงบเยือกเย็นมาก แต่กระนั้น นางยังสังเกตเห็นได้ชัดแจ้งถึงภัยพิบัติพายุอันบ้าคลั่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้แววความสงบในดวงตา ซึ่งนี่ทำเอานางพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง

จี้จี้เองก็กลัวจนตัวสั่นงั่ก สองอุ้งเท้าน้อยๆ แทบยืนหยัดบนหัวไหล่เซียถงไม่ไหวจนเกือบร่วงลงมา

“เซียถง! ข้าผู้นี้ถามว่า เจ้าสมัครใจแต่งงานกับหลัวซีใช่หรือไม่?!”

ไป๋หลี่หานจ้องหน้าเซียถงตาเขม็ง นางตัวอ่อนยวบเจียนหมดสติภายใต้อ้อมแขนของหลัวซี ถึงแม้จะต้องการจะเอ่ยตอบออกไป แต่ภายใต้แรงกดดันที่เข้ากดขี่ไม่หยุดยั้งนี้ นางไม่สามารถอ้าปากส่งเสียงตอบใดๆ ได้เลย

แลเห็นว่าเซียถงเอาแต่เงียบ ไป๋หลี่หานจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าหาแทบ ย่างสามขุมตรงเข้าใกล้อย่างใจเย็น ทว่าทุกท่วงเท้าที่ก้าวย่าง กลับทรงพลังและหนักหน่วง ทำให้พื้นกระเบื้องโถงโดยรอบแตกระแหงเป็นยองใย หัวใจเซียถงบีบตัวเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีก

มองแค่ผิวเผิน ถึงแม้จะดูเหมือนว่าไป๋หลี่หานจะสงบนิ่งไม่มีน้ำโหเจือปน ทว่าความเป็นจริง กลับมีกระแสน้ำวนสุดเชี่ยวกรากกำลังหมุนติ้วก่อขึ้นเป็นเกลียวคลั่งอย่างเงียบงันในดวงตาคู่นั้นของเขา รัศมีความแข็งแกร่งที่เล็ดลอดจากร่างกาย ควบแน่นบิดห้วงอากาศโดยรอบจนสูญเสียรูปทรง หากเข้ามาใกล้เซียถงมากกว่านี้ เกรงว่าจะถูกรัศมีความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายบดขยี้จนตาย

ความกลัวขุมใหญ่ถูกปลุกกระตุ้นขึ้นจากส่วนลึกในจิตใจของนางทันที ด้วยความเสียขวัญชั่วขณะ เซียถงเผลอตัวชั่วขณะ กระโดดกอดแขนหลัวซีไว้แน่น ภาพฉากนี้ยิ่งทำให้ไป๋หลี่หานดูสงบเยือกเย็นเข้าไปอีก ดั่งว่าก่อนพายุจะมา สายลมมักสงบเสมอ

เห็นเซียถงกอดแขนหลัวซีแน่นปานนั้น ลูกตาทอประกายดำจัดยิ่งทีความทมิฬมืดลง ยามนี้ไป๋หลี่หานยืนห่างจากอีกฝ่ายประมาณสามก้าวถ้วน ฝีเท้าของเขาหยุดลง และยังคงเอ่ยถามคำเดิมว่า

“เจ้าสมัครใจแต่งงานกับหลัวซีหรือไม่?”

ลูกตาดำสีขลับเข้มจ้องเขม็งสบเข้ากับตานาง ไอเย็นเยียบจับขั้วกระดูกที่เล็ดลอดออกมา เจาะทะลวงเข้าซึมซาบแทรกเข้าสู่ก้นบึ้งของหัวใจนางโดยตรง เสมือนกับว่า อีกฝ่ายต้องการจะรู้ทุกอย่างว่า นางกำลังคิดเห็นอย่างไรกันแน่

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท