ตอนที่ 353 เรียงแถวขอหมั้นหมาย (1)
ตอนที่ 353 เรียงแถวขอหมั้นหมาย (1)
“เห็นหญิงสาวนางนั้นหามเจ้าขึ้นรถม้า รู้สึกแปลกใจเลยตามมาดู กลัวว่าจะเสียเวลาวกไปวนมา จึงอาสาจูงม้าของเจ้าตามมาด้วยกัน”
ไป๋หลี่หานหาได้แยแสสีหน้าการแสดงออกอันบูดบึ้งของเซียถง เพียงผิวปากเรียกทีหนึ่ง ม้าสองตนก็ตรงเข้ามาหา
“ไฉนท่านถึงต้องสะกดรอยตามข้ามาด้วย?”
ชักสักหน้าไม่พอใจใส่ เซียถงเอ่ยถามไป๋หลี่หานขึ้นคำหนึ่ง
“ก็ถนนเส้นนี้เป็นทางกลับจักรวรรดิตงหลี่ โดยหลักแล้วข้าก็ต้องผ่านตรงนี้มิใช่สะกดรอยตามเสีย”
แลเห็นประกายตาแสนเจ้าเล่ห์ของไป๋หลี่หาน อุณหภูมิความร้อนในดวงตาเซียถงก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องด้วยไม่อยากมีเรื่องข้องแวะกับชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว เซียถงรีบกระโดดขึ้นคว้าเชือกคุมบังเหียนม้าที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ยกเท้าสะกิดท้องม้าให้มันควบวิ่งออกไป
หนึ่งวันหนึ่งคืนพ้นผ่าน ทั้งสองก็ขี่ม้ามาถึงเขตแดนปกครองของจักรวรรดิตงหลี่แล้ว และน่าจะถึงตัวเมืองเฟิงหลี่ในวันรุ่งขึ้น และทันทีที่เยียบย่างถึงเขตแดนส่วนนี้ เซียถงก็หาผ้าคลุมใบหน้าสักผืนใช้ปิดบังรูปโฉมตัวเอง สำหรับไป๋หลี่หาน หมอนี่มันเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไปแล้ว เช่นนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องปกปิดอีก แต่ ณ ปัจจุบัน นางยังไม่คิดที่จะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าสาธารณชนในเมืองเฟิ่งหลี่ รวมไปถึงบุคคลภายนอกรอบตัวนางที่ยังไม่ล่วงรู้ถึงเรื่องดังกล่าว
ประมาณช่วงเที่ยง ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงเมืองเฟิงหลี่ในท้ายที่สุด จากวิสัยเส้นสายตาจากระยะไกล เซียถงสังเกตเห็นบรรดากองทหารกำลังยืนต่อแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่สองข้างทาง ขนาบข้างประตูเมืองโอฬาร และเมื่อเห็นม้าสองตนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ เหล่าฝูงชนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังกองทหารเหล่านั้น ต่างตะโกนเรียกชื่อเซียถงและโหร้องดีใจกันยกใหญ่
เซียถงกระตุกเชือกคุมบังเหียนหยุดม้าชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง หันไปหาไป๋หลี่หานด้วยความสงสัย คนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่า นางจะกลับเข้าเมืองมาวันนี้?
“ข้าสั่งให้โม่ซวนเร่งฝีเท้าตีนำพวกเราออกไปก่อน เพื่อแจ้งข่าวการกลับมาของเจ้าแก่องค์จักรพรรดิตงหลี่ให้ทราบเรื่อง เจ้าในฐานะยอดฝีมือผู้กอบกู้ความอัปยศตลอดมาของจักรวรรดิตงหลี่ที่อยู่รั้งท้ายในท้ำทำเนียบสี่จักรวรรดิ ทั้งยังพลิกกลับมาคว้าอันดับหนึ่งไปครองได้เยี่ยงปาฏิหาริย์ ดังนั้นในสายตาของชาวเมืองเฟิงหลี่ทุกคนจึงเห็นเจ้าเป็นวีรสตรีไปแล้ว พอทราบว่าเจ้ากลับมาวันนี้ ทุกคนจึงแห่เข้ามาต้อนรับตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น”
ขณะเอ่ยกล่าว ไป๋หลี่หานมุ่งสายตาหยุดลงที่ชายคนหนึ่งที่อยู่บนหลังม้าหน้าประตูเมือง พร้อมสีหน้าการแสดงออกที่ค่อยๆ หม่นทมิฬมืดลง
ชายหนุ่มบนหลังม้าผู้นั้นแต่งกายในชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลา ซ่อนแฝงนัยน์ตาสีดำขลับมืดมน ถึงแม้เวลานี้เป็นยามเที่ยงวันตะวันฉาดฉาย ทว่ารอบกายของขายผู้นี้ประดุจมีไอความมืดห้อมล้อมเอาไว้ พร้อมบรรยากาศเย็นยะเยือกสยดสยองอยู่ตลอดเวลา เมื่อจับสังเกตเห็นว่าไป๋หลี่หานกำลังมองมาทางนี้ เขาจึงคุมม้าควบไปหยุดตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่มีกลัวเกรง จากนั้นค่อยลงจากหลังม้าและยิ้มกล่าวด้วยความเคราพขึ้นว่า
“เย่หลีเทียน ขอต้อนรับการกลับมาของท่านราชาหมาป่าสวรรค์และคุณหนูเซีย”
“ออกมาเอาหน้ากระมัง?”
ไป๋หลี่หานก่นเสียงโต้ตอบอย่างเย็นชา
“ชัยชนะของคุณหนูเซียที่คว้ามาจากจักรวรรดิซีฉินในคราวนี้ นับเป็นเกียรติยศครั้งใหญ่ที่นำมาสู่จักรวรรดิตงหลี่ของเราอย่างแท้จริง นับเป็นเรื่องน่ายินดีปรีใจ คุณหนูเซีย ขอให้ท่านมีอนาคตที่สดใส!”
เย่หลีเทียนเพิกเฉยต่อคำพูดของไป๋หลี่หานโดยตรง และหันมาส่งยิ้มให้เซียถงอย่างอบอุ่นหลากความหมาย สายตาที่อีกฝ่ายจับจ้องยามนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เกรงใจแล้ว”
เซียถงกล่าวตอบน้ำเสียงห้วนอย่างมิได้ใส่ใจนัก จากนั้นรก็ควบม้าเดินผ่านหน้าอีกฝ่าย ตรงเข้าสู่ประตูเมืองโดยตรง เซียถงเกลียดเย่หลีเทียนคนนี้เข้ากระดูกดำตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และทุกครั้งที่อีกฝ่ายมองมา มันราวกับว่า แววตาที่สั่นไสวคู่นั้นกำลังเร้นซ่อนเจตนาแสนชั่วร้ายและดำมืดเอาไว้อยู่ตลอด คล้ายกับภายในหัวสมองของเขากำลังคิดแผ่นชั่วอยู่ที่ทุกเวลา
ควรรักษาระยะห่างกับบุคคลเฉกเช่นนี้เป็นการดีกว่า
หลังจากเข้ามาภายในเมือง จำนวนประชากรยิ่งหนาแน่นเกินคนานับมาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองด้านขนาบเส้นทางซ้ายขวาถูกปิดล้อมโดยธารฝูงชนสมบูรณ์ ทุกคนต่างตะโกนเรียกชื่อเซียถง พร้อมกับคำสรรเสริญต่างๆ นานา เซียถงได้สร้างชื่อเสียงครั้งใหญ่หลวงในต่างถิ่นครานี้ นับเป็นมหาเกียรติยศที่สามารถลบล้างความอัปยศของจักรวรรดิตงหลี่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาด้วยความสำเร็จครานี้ องค์จักรพรรดิตงหลี่จึงประกาศยกเลิกการเก็บภาษีประชาชนเป็นเวลาครึ่งปีเต็ม ดังนั้นแล้ว ประชาชนทั้งหลายต่างก็พากันดีอกดีใจ และรู้สึกขอบคุณเซียถงจากใจจริง
ในทางตรงกันข้าม ไป๋หลี่หานกลับมิได้รับความนิยมชมชอบเท่าไหร่นัก เพราะข่าวลือในช่วงที่ผ่านมาของเขาไม่ค่อยดี พอเห็นชายสวมหน้ากากสีดำขลับควบม้าติดตามเข้ามา บรรดาฝูงชนจึงต่างพากันเงียบลง
กองทหารที่เย่หลีเทียนนำเรียกออกมา ต่างแหกันปิดล้อมรักษาความสงบจากธารฝูงชนสองข้างขนาบตลอดเส้นทาง มิปล่อยให้หลุดมาถึงตัวเซียถง ณ เส้นทางใจกลางถนนสายนี้จึงเปิดโล่งพาให้นางกับไป๋หลี่หานคุมม้าเดินต่อไปได้อย่างสะดวกสบาย ตามหลังทั้งคู่มาด้วยเย่หลีเทียน และสิ่งหนึ่งที่เซียถงรู้สึกได้ตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาในนี้ก็คือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เย่หลีเทียนก็ยังจ้องนางตาเขม็งไม่มีคลายอ่อนเลยสักนิด ท่ามกลางคนนับหลายหมื่นที่กำลังมองมาทางนาง
ปรับท่านั่งอยู่หลายทีเนื่องด้วยความไม่สบายใจ เซียถงสัมผัสได้ชัดแจ้ง ถึงสายตาคู่ด้านหลังที่ยังมองมาไม่มีเกรงใจใดๆ เสมือนกับว่าเย่หลีเทียนจับสังเกตอะไรสักอย่างบนเรือนร่างนางได้ จึงใช้สายตาคู่นี้พยายามปลดเปลื้องความลับเหล่านั้นออกมาให้หมดจด
เซียถงพยายามทำเมินเฉยไม่สนใจและหันศีรษะไปทางร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็พลันไปเห็น ชายผู้หนึ่งยืนมองอยู่ และเขาคนนั้นสวมชุดคลุมสีครามน้ำเงินลายคลื่นวิจิตรงดงามพร้อมกับพัดคลี่ในมือ จากพินิจสังเกตอายุของเขาน่าจะราวสามสิบปี มีจังหวะหายใจเสถียรหนักแน่น
แลเห็นเซียถงมองมาทางเขา ชายคนนั้นตบพัดในมือปิดลงพร้อมส่งยิ้มแสยะชั่วร้ายมอบแก่นางทีหนึ่ง ดวงตาที่แกร่งกล้าคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนับไม่ถ้วน จ้องเขม็งมองมาปราศจากแววยางอาย เสมือนกับว่า เขาแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะฉีกกระชากผ้าคลุมใบหน้าจากนางออกมา
พอรู้ว่าเซียถงกำลังมุ่งความสนใจมาทางนี้ เขายิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ สักพักหนึ่งก็ขยับสายตาเคลื่อนลงมา เชยชมทั้งเรือนร่างอย่างทรวดทรงองเอว จนท้ายที่สุดก็หยุดลงที่บริเวณหน้าอกของนาง สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสนน่าสมเพชโสโครก เสมือนกับว่าต้องการมองทะลุเสื้อผ้าเซียถงเข้าไป
ไร้ยางอายสิ้นดี! เซียถงพ่นลมหายใจเย็นระบายเฮือกใหญ่ ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมเย็นยะเยือกลงในบัดดล มือข้างขวาจากที่ปล่อยสบายกลายมาเป็นมีปฏิกิริยาตอบรับทันใด เพียงพลิกข้อมือเล็กน้อยเบาๆ ก็ปรากฏคมเข็มเงินสองเล่มเลื่อนเข้าบนฝ่ามือ ชั่วพริบตาขณะ นางสะบัดแขนเสื้อยิงเข็มเงินสองเล่มใส่ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยตรง ความเร็วในการลงมือประดุจสายฟ้าสะบั้น ทั้งว่องไวและดุดัน
กล้าส่งสายตาสกปรกโสโครกปานนี้ เช่นนั้นก็อย่าเหลือซากเลย!
เข็มเงินถูกยิงออกไป ชายผู้นั้นสืบเท้าถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เลี่ยงหลบการโจมตีนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ทั้งยังหันข้อมือพลิกเบาๆ คลี่พัดให้กางออกพร้อมยกขึ้นต้านรับเอาไว้ สองคมเข็มปักค้างคาแผ่นพัด
เขย่าพัดสะบัดคมเข็มทิ้งอย่างใจเย็น เขาแสยะยิ้มส่งให้เซียถงอย่างชั่วร้าย
เซียถงจับจ้องไปที่ชายคนนั้นตาเขม็งอาฆาต ต้องการจะยิงคมเข็มเงินใส่มันอีกสักระลอก ทว่าชายคนนั้นกลับหันหลังให้ เพียงพริบตาเดียว ร่างของเขาก็อันตรธานหายวับไปจากตรงนั้นทันที
“มีอะไรรึเปล่า?”
ไป๋หลี่หานพลางสังเกตเห็นท่าทีเซียถงที่ผิดแปลกไป เช่นนั้นจึงเอ่ยปากทักทาม กวาดสายตาจ้องติดตามนางไปทางนั้น
“ไม่มีอะไร”
เซียถงเหลือบมองไปตรงหน้าร้านอาหารข้างทางอันว่างเปล่า ละความสนใจออกมาและคุมม้าเดินหน้าต่อไป