บทที่ 1091 จอมมารน้อยสนุกจนลืมบ้าน
พอได้ยินคำพูดของเด็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นซาบซึ้งใจ แต่อีกใจหนึ่งก็ซับซ้อนจริงๆ
ยังไงเสีย เธอก็ไม่ใช่แม่ของเด็กคนนี้
เยี่ยหวันหวั่นกดความผิดหวังในหัวใจ รีบกลับมามีชีวิตชีวา สวมชุดตุ๊กตามาสคอตใหม่อีกครั้ง แล้วจูงมือเด็กน้อย ถังถัง ไป! พวกเราไปหาคุณพ่อกัน ให้เขาถ่ายรูปให้พวกเรา!
ครับ! เด็กน้อยจูงอุ้งมือหมีของเยี่ยหวันหวั่นอย่างดีใจ
มาสคอตหมีกับมาสคอตนมน้อยวิ่งตึกๆ ถึงตรงหน้าซือเยี่ยหานอย่างรวดเร็ว
เยี่ยหวันหวั่นล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อชุดหมี คุณเก้าๆ! ถ่ายรูปฉันกับถังถังเร็ว!
เธอชอบถ่ายรูปด้วยกันกับถังถังมาก ด้านหนึ่งคือต้องส่งให้เนี่ยอู๋หมิง แต่ที่มากกว่านั้นคือตัวเธออยากเก็บความทรงจำพวกนี้ไว้มากๆ …
ซือเยี่ยหานมีสีหน้าอ่อนโยน รีบมือถือของเยี่ยหวันหวั่นมา ได้
ตอนนี้ทักษะถ่ายรูปของซือเยี่ยหานดีขึ้นมาก เขาถ่ายภาพหลายใบอย่างว่องไว ทุกใบสวยงามราวกับนิตยสารดังไม่ปาน อีกทั้งการจัดวางภาพยังเป็นแบบสัดส่วนทองคำ
หลังถ่ายเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็รับมือถือมา มองภาพถ่ายอย่างพอใจ จากนั้นเธอก็เดินไปตรงหน้าหลินเชวียกับเซี่ยเจ๋อจืออีก แล้วก็เลือกเซี่ยเจ๋อจือ ราชาจอเงิน รบกวนคุณถ่ายภาพรวมให้พวกเราได้ไหม
เซี่ยเจ๋อจือรับมือถือมาตอบรับอย่างยินดี แน่นอน เป็นเกียรติอย่างยิ่ง
หลินเชวียที่อยู่ด้านข้างมีเมฆเห็ดเหนือหัว ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายโศกเศร้า…
นี่เขามาพักผ่อนวันหยุด หรือมาโดนทรมานกันแน่
วันนี้เยี่ยหวันหวั่นครอบครัวสามคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนหลินเชวียกับเซี่ยเจ๋อจือทั้งสองจมอยู่ในกองภาพถ่ายกับกินอาหารหมาโสด
สุดท้ายแม้แต่เซี่ยเจ๋อจือก็รับมือไม่ไหวบ้างแล้ว สองคนแสดงท่าทีจากนี้ไปจะไม่สงสัยใคร่รู้อีกแล้ว อ้อมหนีพวกเขาไปดีกว่า…
ตอนเย็นหลังกลับถึงบ้าน
เยี่ยหวันหวั่นจัดการภาคหนึ่งรอบ จากนั้นก็ส่งไปให้เนี่ยอู๋หมิง
[เนี่ยจอมกาก: แง น่ารัก! ราชินีบ้านฉันต้องชอบแน่!]
แถมจอมมารน้อยยังสนุกจนลืมบ้านขนาดนี้! ดีมากจริงๆ!
เยี่ยหวันหวั่นลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ส่งข้อความประโยคหนึ่งไปหาเนี่ยอู๋หมิง
[มีข่าวคราวของพ่อแม่ถังถังไหม] เยี่ยหวันหวั่นถามหยั่งเชิง
เนี่ยอู๋หมิงตอบกลับทันที [น้องเยี่ยโหย่วหมิง ไม่ต้องห่วงวางใจได้เต็มที่ จะไม่รบกวนน้องเยี่ยนานเกินไปแน่นอน ทางฉันเริ่มมีเค้าโครงแล้ว เชื่อว่าไม่นานเดี๋ยวก็ได้ข่าวคราว!]
เยี่ยหวันหวั่นมองข้อความที่เนี่ยอู๋หมิงตอบกลับมา รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขอยู่บ้าง เธอไม่วางใจเลยสักนิดเดียวตกลงไหม! หาเจอเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ
[เนี่ยจอมกาก: น้องเยี่ยโหย่วหมิง ช่วงนี้ต้องขอบคุณน้องเยี่ยมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเยี่ยช่วยดูแลจอมมารน้อย เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงวิ่งมั่วเองไปทั่วโลกแล้ว ถ้าจอมมารน้อยเป็นอะไรไป ถึงตอนนั้นพ่อแม่ฉันได้เชือดฉันจริงๆ แน่!]
เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างไม่มีกะจิตกะใจ [ไม่ต้องขอบคุณ ฉันชอบถังถังมาก]
[เนี่ยจอมกาก: ไม่เข้าใจน้องเยี่ยโหย่วหมิงจริงๆ ทำไมถึงชอบจอมมารน้อยตัวนั้นได้]
เห็นเนี่ยอู๋หมิงเอาแต่เรียกถังถังว่าจอมมารน้อย เยี่ยหวันหวั่นก็โกรธจนกัดฟันกรอด [คุณเรียกลูกชายฉันว่าจอมมารน้อยอีก เชื่อไหมว่าฉันจะพาเขาไปตัดผมตอนเดือนแรกของปี]
เนี่ยอู๋หมิงตอบอย่างงุนงง [หา ทำไมต้องไปตัดผมเดือนแรกของปีล่ะ]
เยี่ยหวันหวั่นพิมพ์อย่างดุเดือด [ตัดผมเดือนแรกของเดือนลุงตาย!]
[เนี่ยจอมกาก: …]
นี่ก็แรงไปแล้ว…
………………………………
บทที่ 1092 ทำมาเพื่อเธอ
[เนี่ยจอมกาก: น้องเยี่ยโหย่วหมิง ฉันผิดไปแล้วๆ โอเคไหม! เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วง ฉันจะหาพ่อแม่ถังถังเจอให้เร็วที่สุด!]
[เยี่ยหวันหวั่น: ไม่ต้องรีบขนาดนั้นจริงๆ นะ!]
[เนี่ยจอมกาก: น้องเยี่ยโหย่วหมิงไม่เชื่อฉันเหรอ สามเดือน ไม่สิ สองเดือน ไม่ๆๆ …ฉันจะหาคนให้เจอในเดือนเดียว!]
เธอพูดตรงขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก!
เยี่ยหวันหวั่นกอดหมอน พิงหัวเตียงอย่างโมโห
ช่างมัน…ต่อให้เจอพ่อแม่แท้ๆ ของถังถังแล้ว ก็ใช่ว่าจากนี้จะไม่ได้เห็นถังถังอีก เธอยังเป็นแม่บุญธรรมได้นี่นา!
ถึงจะปลอบตัวเองแบบนี้ แต่ พอนึกว่าถังถังจะเปลี่ยนไปเป็นลูกของคนอื่น เยี่ยหวันหวั่นก็ยังเจ็บปวดใจต่างๆ นานา
เยี่ยหวันหวั่นกลิ้งบนเตียงหลายรอบจึงใจเย็นลงเล็กน้อย เธอหยิบมือถือขึ้นมาไถดูข่าวบันเทิงเพื่อเบี่ยงความสนใจของตัวเอง
ตอนแรกก็แต่ดูเรื่อยเปื่อย แต่ มีข่าวหนึ่งที่กลับดึงดูดความสนใจเธอ
การคัดเลือกนักแสดงเรื่อง ‘ดอกมะลิ’ ผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับเผิงหย่วนหูผ่านมาครึ่งปี จนตอนนี้ก็ยังหาตัวเลือกรับบทนางเอกที่เหมาะสมไม่เจอ ผู้กำกับเผิงกล่าวว่า จะหาคนหน้าใหม่ที่มีศักยภาพจากมหาวิทยาลัยการละครต่างๆ …
เอ…เผิงหย่วนหู…มะลิ…
เยี่ยหวันหวั่นนึกย้อนชั่วครู่ เธอค่อนข้างประทับใจละครเรื่องนี้
เผิงหย่วนหูไม่ต้องพูดมากมายแล้ว วงการบันเทิงไม่มีใครไม่รู้จักเขา ผู้อาวุโสเผิงเป็นดาวเด่นของวงการหนัง หนังของเขาดีทุกเรื่อง รับรางวัลจากทั้งในและนอกประเทศจนมือเปลี้ย เป็นประจักษ์พยานทุกช่วงประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ประเทศจีน
เพียงแต่ว่า…หนังเรื่อง ‘ดอกมะลิ’ ของเผิงหย่วนหูนี้กลับเต็มไปด้วยโชคร้าย
เผิงหย่วนหูเป็นเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบจริงจัง ข้อเรียกร้องในคุณภาพผลงานสูงเสียดฟ้า จึงไม่ยอมผ่อนปรนใดๆ
ชาติก่อน เผิงหย่วนหูหาตัวเลือกรับบทนางเอกที่เหมาะสมสองปีเต็มก็ยังหาไม่เจอ ละครเรื่องนี้จึงถูกวางทิ้งไว้ตลอด จนกระทั่งเผิงหย่วนหูถึงวาระสุดท้าย
ชาติก่อนเยี่ยหวันหวั่นในหน้าข่าวบันเทิงหนึ่ง ตอนที่เผิงหย่วนหูป่วยนอนป่วยติดเตียง เขาเคยพูดว่าไม่อาจถ่ายทำเรื่อง ‘ดอกมะลิ’ ได้ เป็นความเสียใจใหญ่หลวงที่สุดของเขา
ถ้าตอนนั้นดอกมะลิถ่ายทำได้สำเร็จละก็ รับรองว่าต้องเป็นผลงานคลาสสิกในตำนานอีกเรื่องหนึ่ง
แต่น่าเสียดาย ไม่มีคำว่าถ้า…
เยี่ยหวันหวั่นคิดถึงตรงนี้ ก็กำลังเตรียมจะปิดหน้าเพจ แต่นิ้วมือกลับพลันหยุดชะงัก
ไม่ถูกสิ!
ใครบอกว่าไม่มีคำว่าถ้ากัน!
เยี่ยหวันหวั่นรีบอ่านเนื้อหาคร่าวๆ ที่เกี่ยวกับเรื่อง ‘ดอกมะลิ’ ในหน้าข่าวหนึ่งรอบ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังย้อนยุค นางเอกเป็นนักเต้น หนังเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ยุคสมัยจีนผ่านการเล่าเรื่องของนางเอก ตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวล่วงถึงสงครามนองเลือดแล้วมาถึงยุคแห่งความสงบ
เยี่ยหวันหวั่นคาดคะเนเล็กน้อย ก็รู้ว่าผู้กำกับเผิงต้องการนางเอกแบบไหน
อันดับแรกหน้าตาของนางเอกต้องใสซื่อบริสุทธิ์แน่นอน ดีที่สุดคือมีกลิ่นอายโบราณ ห้ามเป็นใบหน้าศัลยกรรมที่เกลื่อนตามท้องถนน
แต่ก็ห้ามสวยจนเกินไปนัก อย่างเยี่ยหวันหวั่นแบบนี้ ก็ไม่เหมาะกับบท
อีกอย่าง นางเอกต้องมีพื้นฐานการเต้นที่แข็งแรง สุดท้ายย่อมต้องเป็นทักษะการแสดง ยังไงเสียละครเรื่องนี้ก็มีช่วงตั้งแต่ต้นจนจบกว้างมาก นางเอกจากวัยเยาว์พัฒนาสู่วัยชรา เชื่อมผ่านยุคสมัยหนึ่ง
ทักษะการแสดงไม่ถึงขั้นไม่มีทางแสดงออกมาได้
หลังเยี่ยหวันหวั่นจัดแจงเงื่อนไขพวกนี้เสร็จ ในหัวก็พลันผุดตัวเลือกหนึ่ง…
เจียงเยียนหราน…
นึกถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ม้วนกลิ้งยันตัวขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเจียงเยียนหรานเหมาะสมมาก
เมื่อก่อนเธอไม่ได้เซ็นสัญญากับเจียงเยียนหราน ด้านหนึ่งก็เพราะอยากให้เธอเรียนพื้นฐานเสร็จก่อน อีกด้านหนึ่งคือทรัพยากรและความสามารถของบริษัทพวกเธอตอนนี้ ก็ยังมีความสามารถไม่พอจะรับตัวเธอชั่วคราว
อย่างเช่น ‘เป็นหรือตาย’ หนังเรื่องนี้เน้นตัวเอกชาย บทของตัวเอกหญิงน้อยมาก ไม่เหมาะสมกับเธอ
แต่ตอนนี้ ‘ดอกมะลิ’ ทำมาเพื่อเจียงเยียนหรานชัดๆ …
…………………….