ตอนที่416 เซียถงเข้าอภิเษกสมรส (2)
ตอนที่416 เซียถงเข้าอภิเษกสมรส (2)
แรกเห็นดินแดนอี้เฉิง มีเพียงสองคำเท่าที่เซียถงสามารถบัญญัติพรรณนาได้คือ สวยวิจิตตา
ดินแดนแห่งนี้ไม่เพียงแค่หนาวเย็นธรรมดาทั่วไป แต่ต้องเรียนว่าเหน็บหนาวจับขั้วกระดูก กระทั่งกลุ่มคนทั้งหลายในขบวนพิธีแห่ยังต้องรีบเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ากันหนาว ผ่านไปได้ครึ่งทาง เซียถงที่นั่งพักผ่อนอยู่ในเกี้ยวยังต้องเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวชั้นหนา แต่ถึงแบบนั้นก็ยังทำให้นางรู้นางหนาวสั่นไม่เสื่อมคลาย
แต่หากมองข้ามสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเหล่านี้ไป จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ดินแดนอี้เฉิงช่างงดงามปานใด บ้านเรือนทั้งหลายเปรียบเสมือนประติมากรรมน้ำแข็งหล่อเย็น แผนผังการจัดวางเมืองค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลให้ดูแล้วรู้สึกสบายตาและสวยงามในเวลาเดียวกัน
ก่อนจะเข้าสู้ประตูเมืองหลัก ไป๋หลี่หานอาสาเดินออกมาจูงเซียถงลงจากเกี้ยวขบวนพิธี เปลี่ยนเป็นขี่ม้าควบเข้าไปในเมือง ขณะเดียวกัน เขายังป่าวประกาศเสียงดังให้แก่บรรดาประชาชนจากสองข้างทางที่แห่แหนจับกลุ่ม พวกเขารวมตัวกันที่นี่ในเวลานี้ก็เพื่อเฝ้ารอการกลับมาของผู้เป็นราชา
“เหล่าประชาชนอี้เฉิงทั้งหลาย! ขอต้อนรับองค์ราชินีของพวกเจ้าทุกคน!”
ทันใดนั้นเอง เสียงปรบมือตลอดทั่วมุมเมืองก็แห่ดังแซ่ซ้อนออกมา ผู้คนมากมายในอี้เฉิงต่างพยายามยืดเหยียดคอ เร่งแหงนศีรษะกันสุดตัว ทั้งหมดก็เพื่อรับชมการปรากฏตัวครั้งแรกขององค์ราชินีแห่งดินแดนอี้เฉิงของพวกเขา และด้วยรูปโฉมของเซียถงก็มิได้ทำให้ผิดหวัง พวกเขาทั้งหลายต่างรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่องค์ราชาของพวกเขามีโอกาสได้อภิเษกสมรสกับอิสตรีรูปงามขนาดนี้
หลังจากควบม้าทะยานกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงพระราชวังแห่งดินแดนอี้เฉิง
เมื่อเข้ามาถึงภายในตัวพระราชวัง สิ่งแรกที่เซียถงได้พบเห็นเลยก็คือ พรมเดินหลายหลากสีสันที่ทอดยาวสุดสายตาอย่างไร้สิ้นสุดเบื้องหน้า ตลอดเส้นทางยังถูกปูด้วยทุ่งบุปผาสายพันธุ์เย็นนานาชนิด พวกมันล้วนเบ่งบานสะพรั่งเป็นประกายเจิดจรัส สีสันสวยงามวิจิตรตาเกินจินตนาการได้ ประหนึ่งว่ามีสายรุ้งทอดผ่านลงมาสู่ผืนพิภพ ซึ่งบนพรมหลากสีสันเหล่านั้นก็ยังมีคณะขุนนางแห่งดินแดนอี้เฉิงกำลังคุกเข่า รอต้อนรับการมาถึงขององค์ราชินีของพวกเขา
ไป๋หลี่หานประคองร่างนางลงมาจากหลังม้า เดินจับมือเคียงข้างกัน เดินแช่มตรงออกไปย่างเหยียบบนพรมหลากสีสันตรงหน้า
“พรมหลากสีสันพวกนี้เป็นของพื้นบ้านที่ผู้คนในอี้เฉิงช่วยกันถักทอ กล่าวกันว่า ถูกทำขึ้นเพื่อองค์ราชินีของอี้เฉิง”
ไป๋หลี่หานจับเรียวมือน้อยๆของนาง เคลื่อนขยับเข้าใกล้พลางกระซิบอยู่ข้างหู
ได้ยินเช่นนั้น เซียถงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ท่ามกลางโลกที่หนาวเหน็บแสนโหดร้ายแห่งนี้ นางกลับรู้สึกได้ถึงเชื้อไฟแห่งความกระตือรือร้นของชาวอี้เฉิง ชั่วพริบตาต่อมา นางเหลียวหลังหันกลับไปมองชาวอี้เฉิงทุกคนที่คอยต้อนรับ ก่อนจะโบกไม้โบกมือให้อย่างอดมิได้ พร้อมส่งยิ้มให้เบาๆทีหนึ่ง
ยิ้มนี้โลกาละลาย คำกล่าวนี้กลับมิได้เกินจริงเลย!
มวลมหาประชาชนชาวอี้เฉิงต่างใจละลายไปตาม
นางสามารถสัมผัสได้ถึง ความอบอุ่นและเป็นมิตรผ่านการต้อนรับของทุกคนในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน นี่ยิ่งทำให้นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจเข้ามากขึ้น
“ไปกันเถอะ อากาศข้างนอกนี้หนาวมาก ภายในวังค่อนข้างอุ่นกว่ามาก”
ไป๋หลี่หานที่เห็นเซียถงมีความสุขก็อดยิ้มแย้มตามไปด้วยมิได้ กล่าวจบเขาก็พานางมุ่งหน้าเข้าไปในตัวพระราชวังต่อทันที ทั้งคณะขุนนางฝ่ายพลเรือนและทางทหารแห่งดินแดนอี้เฉิง คุกเข่าอยู่บนพรมหลากสีสันขนาบทั้งสองข้างทาง เพื่อต้อนรับการมาถึงขององค์ราชินีคนใหม่ แต่พวกเขาทั้งหมดที่นั่งคุกเข่าอยู่ในขณะนี้ หากสังเกตให้ดี สีหน้าของทุกคนล้วนมืดมนดูไม่มีความสุขเลยแม้สักนิด บางคนถึงกับลอบเงยศีรษะแอบมองเซียถงอยู่ปราดหนึ่ง เผยให้เห็นถึงแววการต่อต้านที่เร้นซ่อนอยู่ในดวงตาคู่เหล่านั้น เป็นที่ชัดแจ้งว่า คนพวกนี้ไม่ค่อยต้อนรับองค์ราชินีนางนี้มากเท่าไหร่
เพราะระดับชนนั้นขุนนางย่อมรู้ลึกรู้จริงกว่าประชาชนปกติทั่วไปมาก ราชินีองค์นี้เป็นหญิงสาวที่จักรพรรดิตงหลี่แต่งตั้งมาให้แก่ไป๋หลี่หานโดยเฉพาะ นั่นหมายความว่า นางคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตัวหมากชิ้นหนึ่งบนกระดานการเมืองของฝ่ายตรงข้ามเลย
ดังนั้นแล้ว เหล่าคณะขุนนางแห่งอี้เฉิงทั้งหลาย ย่อมไม่ต้อนรับตัวหมากชิ้นนี้
หลังจากเข้าไปในตัวพระราชวังแล้ว อากาศก็ดูจะอุ่นขึ้นมาทันตาเห็น ข้างกำแพงวังทั้งสี่ด้านมีเตาผิงถ่านหรูหราที่คอยจ่ายความร้อนจนทั่วถึง เซียถงถอดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกออก และเดินตรงเข้ามาเยี่ยมชมเรือนหอหลังใหม่แห่งนี้ โดยที่ยังสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงเอาไว้อยู่
ในเวลานี้มีเซียถงอยู่คนเดียวภายในห้องเรือนหอแห่งนี้ ทันทีทันใด นางเร่งกวาดสายตาแช่มมองไปทั่วทุกบริเวณ ระหว่างนั้นเองก็เหลือบไปเห็นเหยือกน้ำทองสัมฤทธิ์วางไว้อยู่บนโต๊ะ จึงรีบหยิบซองผงโอสถถุงหนึ่งออกจากใต้แขนเสื้อลับและฉีกออกทันที จากนั้นก็กรอกผงโอสถทั้งหมดในนั้นลงไปในเหยือก ยกขึ้นควงหมุนอยู่สองสามที แล้ววางกลับดังเดิม
สำหรับผงโอสถที่กรอกเทลงไปนั่น คือผงนิทราที่ตระเตรียมมาสำหรับไป๋หลี่หานโดยเฉพาะ ตราบใดที่เผลอดื่มมาลงไป จะส่งผลให้ผู้นั้นผล็อยหลับสลบไสลราวกับตายในพริบตา
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย เซียถงก็กลับไปนั่งบนเตียงผืนใหม่เอี่ยมดูเชื่องเชื่อฟัง รอการมาของเจ้าบ่าวของนางที่ขออนุญาตออกไปทำธุระบางอย่าง
‘แกร้ก’เสียงเปิดประตูเลื่อนแง้มออก เซียถงใจสั่นระรัวเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ คิดไปกว่าไป๋หลี่หานกำลังเข้ามาหา แต่ที่ไหนได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง กลับเห็นว่าเป็น สาวน้อยนางหนึ่งใบหน้าบอบบางพร้อมดวงตาคู่ประกายสดใส จับจ้องมาที่ใบหน้าของเซียถง มองมาไม่มีหยุด แถมยังลอบกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ทีหนึ่ง
“เป็นเจ้ารึ? ญาติผู้พี่คนนี้ของข้าแท้จริงแล้วมีใบหน้าน่าเกลียดน่าชัง ทั้งยังมีนิสัยโหดเหี้ยมดุร้าย ขอเตือนด้วยความหวังดี หากเจ้าครองคู่กับอีกฝ่าย ชีวิตของเจ้าจะหาได้มีความสุขอีกเลย!”
ใบหน้าบอบบางของสาวน้อยเดินผ่านประตู ตรงเข้ามาหาเซียถงในทันที
ญาติผู้พี่? เซียถงครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงไป๋หลี่หาน
สาวน้อยนางนี้อายุราวสิบเจ็บหรือสิบแปดปีเห็นจะได้ ผิวพรรณขาวสวยละเอียดอ่อน ดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์ น่ารักเกินหักห้ามใจไหว ผมเผ้ายาวสลวยของนางถูกถักเป็นหางเปียเล็กๆสองเส้น สวมหมวกสีแดงอยู่บนหัว เป็นหญิงตัวเล็กเรือนร่างบาง ใส่เสื้อคลุมขนสัตว์สีเหลืองอ่อน
“นี่เจ้า อยากจะหนีพิธีอภิเษกสมรสนี้หรือไม่? หากต้องการ ข้าช่วยเจ้าได้!”
สาวน้อยนางนั้นตรงเข้ามาหาเซียถง กล่าวน้ำเสียงหวนเผยกิริยาหยิ่งผยอง
“แล้วไฉนข้าต้องหนีพิธีอภิเษกสมรสด้วยล่ะ?”
เซียถงจ้องตาอีกฝ่าย เอ่ยถามสวนกลับไปประโยคหนึ่ง
“เพราะญาติผู้พี่คนนี้หาใช่คนใจดีมีเมตตาอันใดเลย ข้าจึงไม่อยากเห็นเจ้าต้องทรมานไปชั่วชีวิต!”
สาวน้อยนางนั้นเม้มปากแน่น เผยให้เห็นริมฝีปากบางสีกุหลาบ
ทรมาน?
พริบตาต่อมา เซียถงพอจะเข้าใจทุกอย่างได้ในทันใด ถึงเจตนาเร้นแฝงบางอย่างของสาวน้อยนางนี้ นางเงยหน้าจับจ้องอีกฝ่าย จงใจปั้นหน้าแสร้งทำเป็นประหม่าขวยเขิน เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจขึ้นว่า
“แต่นี่…นี่เป็นพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ หากข้าหนีไป เกรงว่าจะต้องโดดตัดหัว”
“เอ๊ะเจ้านี่ก็! มีอะไรให้กลัว? ฟ้าสูงอยู่ต่างแดนปานนั้น มีหรือที่ตาแก่นั่นจะไปรู้? ขอร้องเถอะ เจ้าควรรีบหนีออกจากพิธีอภิเษกสมรสโดยเร็วที่สุด!”
สาวน้อยนางนั้นเอื้อมมือไปคว้าแขนของเซียถง เตรียมจะฉุดลากออกไปทันใด
เรียกองค์จักรพรรดิตงหลี่ว่าตาแก่? นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า สาวน้อยตรงหน้าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับทางนั้น
เซียถงเอียงศีรษะจับจ้องอีกฝ่าย ตีสีหน้าดูงุนงงไม่เข้าใจ ออกแรงต้านไม่ปล่อยให้โดนฉุดมือดึงออกไปโดยง่าย แล้วส่ายหัวกล่าวว่า
“เจ้าบอกเองว่า ญาติผู้พี่ของเจ้าหาใช่คนดีอะไร แล้วไฉนเขาถึงไม่ไปทูลฟ้องกับองค์จักรพรรดิตงหลี่ก่อนล่ะว่า ข้ามีเจตนาคิดจะหลบหนีพิธีอภิเษกสมรสเพื่อหาทางป้องกัน ส่วนตัวข้าเองก็ไม่คิดต้องการจะหนีไปไหนเช่นกัน”
“เหอะ! เจ้านี่น่ารำคาญเสียจริง! ไม่เคยได้ยินนามขาน ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้โหดเหี้ยมเลือดเย็นหรืออย่างไร! แล้วเจ้ายังจะอภิเษกสมรสกับเขาเพื่ออันใดอีก?”
สาวน้อยนางนั้นกระทืบเท้าอย่างแรงอยู่หลายทีด้วยความหงุดหงิด ทีท่าการแสดงออกดูเร่งรีบมาก