ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 431 พิชิตฝูงสัตว์อสูร (1)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่431 พิชิตฝูงสัตว์อสูร (1)

ตอนที่431 พิชิตฝูงสัตว์อสูร (1)

เซียถงโดนฝูงสัตว์อสูรเข้าล้อมกรอบ พวกมันตนแล้วตนเล่าร้องคำรนเห่าหอนโดยพร้อมเพรียง ก่อเกิดเป็นคลื่นเสียงกระแทกจากสารทิศ แต่กระนั้น หาใช่นางจะพลาดท่าโดยง่าย คลื่นเสียงทั้งหมดถูกแยกผ่าเป็นสองส่วนด้วยกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ

ผ่านไปสักครู่ใหญ่ คล้ายเห็นว่าฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายเซียถงได้ หลินซวนเต๋อก็กระโดดขึ้นขี่หลังอีกายักษ์ตนหนึ่ง และหยิบนกหวีดขึ้นเป่าอีกครั้ง

ทำนองเสียงนกหวีดในครั้งนี้ช่างน่าขนหัวลุกยิ่งนัก กระทั่งสัตว์อสูรทั้งหลายเองก็ยังแตกตื่นตกใจเมื่อได้ยิน ดวงตาของพวกมันเปล่งแสงประกายสีแดงฉานราวกับกระหายเลือด ระดับความรุนแรงในการโจมตีใส่เซียถงยิ่งทวีความเด็ดขาดและบ้าคลั่งเป็นก้าวกระโดด และนี่ทำให้เซียถงยิ่งรับมือกับพวกมันได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

โม่ซวนถูกสัตว์อสูรฝากรอยตะปบอยู่หลายจุดทั่วร่างกาย บาดแผลบาดส่วนฉีกลึกจนเห็นถึงกระดูกขาว ภายใต้สภาพเช่นนี้แล้ว เขายิ่งเคลื่อนไหวตอบโต้ได้ยากขึ้นไปอีก

“นายท่าน ปล่อยให้สู้ต่อไปเช่นนี้คงมีแต่เสียเปรียบ ไยไม่ลองใช้ความสามารถอัญเชิญอสูรที่มีให้เป็นประโยชน์?”

เสี่ยวฮั่วตะโกนลั่นผ่านห้วงความคิดของเซียถง

“พวกมันมีจำนวนมากเกิน! และแต่ละตนหาใช่สัตว์อสูรระดับชั้นต่ำต้อย ข้าไม่มีปัญญาควบคุมพวกมันทั้งหมดในคราเดียว ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่หลินซวนเต๋อสละพลังลมปราณทั้งหมดกว่าส่วนหนึ่งสร้างตราผนึกควบคุม แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชิงการควบคุมทั้งหมดมาเป็นของตน”

สัตว์อสูรเหล่านี้ถูกตราผนึกของหลินซวนเต๋อควบคุมเอาไว้เบ็ดเสร็จ กล่าวได้ว่า ทุกดวงวิญญาณล้วนมีตราประทับมีเจ้าของ หากเซียถงต้องการควบคุมพวกมัน จำเป็นจะต้องทำลายตราผนึกกอันเก่าของหลินซวนเต๋อให้หมดสิ้นเสียก่อน แล้วจึงจะสามารถประทับตราผนึกอันใหม่ของนางลงไปแทน

และระหว่างนั้นหากประสบความล้มเหลว นางจะได้รับบาดเจ็บทางจิตวิญญาณรุนแรงจากตราผนึกของหลินซวนเต๋อ

“นายท่าน เวลาเช่นนี้ต้องลองเสี่ยงแล้ว! บางทีท่านอาจทำสำเร็จก็เป็นได้!”

พินิจจากสถานการณ์ตอนนี้ เซียถงไม่มีลังเลอีกต่อไป คมแสงกระบี่เย็นเยียบฟาดสะบั้นผ่าลงมา ทะลวงช่องท้องของสัตว์อสูรที่กรูกันเข้ามา จากนั้นก็ตะโกนคำว่า ‘อัญเชิญ’ ดังลั่นทั่วบริเวณ ร่างกายเกิดเป็นแสงสว่างสีขาวฉายวาบ

แสงสว่างสีขาวนี้แผดขยายขึ้นสูงเหนือศีรษะ ปรากฏคล้ายประตูแสงบานหนึ่ง พร้อมกับเสือดาวเมฆาดำสี่ตนที่กระโจนออกมาจากตรงนั้น เข้าล้อมเซียถงดั่งองครักษ์ทั้งสี่ และเข้าโจมตีสัตว์อสูรโดยรอบที่มุ่งเป้ากระโจนใส่นาง

ด้วยความช่วยเหลือนี้ ความกดดันที่เซียถงต้องแบกรับเอาไว้ลดลงหลายส่วน และอาศัยจังหวะนี้ กระโดดขึ้นต้นไม้และยกสองมือขึ้นร่ายพัลวัน ประกอบเป็นตราผนึกแสงวงหนึ่งอย่างรวดเร็ว

นางไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่นักกับทักษะด้านการอัญเชิญอสูร และที่สำคัญเลย สัตว์อสูรพวกนี้หาใช่ระดับชั้นต่ำต้อย ทั้งยังมีจำนวนมหาศาล นอกเหนือจากนั้น พวกมันทุกตัวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของหลินซวนเต๋อ นับได้ว่า เป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ไม่นานนัก เสือดาวเมฆาดำทั้งสี่ตนก็ถูกฝูงสัตว์อสูรรุมกินโต๊ะไม่เหลือซาก พวกมันทั้งหลายพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ที่เซียถงตั้งท่าร่ายตราผนึกอยู่ แรงกระแทกของพวกมันแต่ละครั้งเสมือนค้อนหนักพันตันที่อัดเข้าใส่ลำต้นโดยตรง ไม่นานต้นไม้ที่ว่าก็เริ่มเอนเอียงเจียนจะล้มลง

เซียถงเร่งสิบนิ้วมือประกอบท่าร่ายสร้างเป็นตราผนึกที่สมบูรณ์ อึดใจต่อมาตราผนึกที่กอปรก็เปล่งแสงเฉิดฉายระยิบระยับขึ้นมา และโดยสัญชาตญาณของสัตว์อสูร ทันทีที่เห็นตราผนึกอสูรปรากฏขึ้น พวกมันก็รีบถอยหนีออกห่างทันทีด้วยความหวาดกลัว

“นักอัญเชิญอสูร?”

หลินซวนเต๋อจับจ้องไปที่เซียถงเจือสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน พลันปรากฏรอยยิ้มหยามเหยียดฉีกกว้างบนมุมปาก สั่งให้อีกายักษ์ตนนั้นบินโฉบเข้าใกล้เซียถง และตะโกนเสียงดัง กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า

“คิดว่าเจ้าคนเดียวจะผนึกพวกมันได้? แค่คิดจะลบล้างตราผนึกอสูรของข้าที่ประทับบนจิตวิญญาณพวกมัน เจ้าก็ประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว!”

กล่าวจบ หลินซวนเต๋อเป่านกหวีดเสียงกรีดแหลมออกมาอีกครั้ง กระตุ้นให้ฝูงสัตว์อสูรพุ่งเข้ากระแทกต้นไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนลำตัวโซเซเริ่มแกว่งไปมา

เซียถงกัดฟันกรอด สองมือเร่งพัลวันหันประกอบสร้างตราผนึกเฉิดฉายวงนี้ขยายใหญ่ขึ้น

หลินซวนเต๋อที่เห็นตราผนึกวงนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปราฏร่องรอยความกังวลผ่านใบหน้าของเขาแล้วเช่นกัน

‘ชวิ้ง!’

บริเวณกิ่งก้านที่เซียถงยืนอยู่ถูกอาวุธลับที่หยินซวนเต๋อยิงออกมาตัดขาด

ถึงแม้ตัวเขาไม่มีทางเชื่อว่า เซียถงจะสามารถสร้างตราผนึกที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรของเขาได้ในคราวเดียว แต่ย่อมเป็นการดีกว่า หากตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ดังนั้น เขาไม่มีทางยอมให้นางสร้างตราผนึกจนเสร็จแน่นอน

‘ตึง!’

เสียงลำต้นใต้ฝ่าเท้าเซียถงหักโค่นลงมา นางกระโดดร่อนจอดยังที่ปลอดภัยที่อยู่ไม่ไกลนัก

แน่นอน ฝูงสัตว์อสูรรีบแห่เข้าโถมใส่อีกระลอกโดยไว

อย่างไรเสีย ในเวลานี้นางอยู่ในระหว่างขั้นตอนการสร้างตราผนึก ทั้งสิบนิ้วพัลวันคาบเกี่ยวกันไปมาด้วยความเร็วสูง ไม่มีเวลาจะมารับมือกับฝูงสัตว์อสูรพวกนี้ได้แล้ว ชั่วพริบตา แลเห็นกรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์อสูรพุ่งตะปบเข้าใส่ ประกายแสงเย็นวาบวูบก็เข้าขัดขวาง ปัดกรงเล็บเบื้องหน้าทิ้งออกไป โม่ซวนพุ่งเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ได้ทันท่วงที

“นายหญิง รีบสร้างตราผนึกต่อเถิด! ตรงนี้ให้ข้าจัดการเอง!”

ทั่วทั้งร่างโม่ซวนเปียกชุ่มไปด้วยเลือด แต่กระบวนเคลื่อนไหวยังถือว่าคล่องตัวไม่เบา เขากระชับกระบี่เข้าประจัญบานกับฝูงสัตว์อสูรตรงหน้าทันที

กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเหินลงมาจากฟากฟ้า บินเข้าสกัดการโจมตีของบรรดาสัตว์อสูรทั้งหลายรอบตัวที่พยายามรุมเข้าทำร้ายเซียถง

ตราผนึกตรงหน้าของนางยิ่งมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้น ร่างอรชรเพรียวบางของเซียถงพลันเกิดอาการสั่นเทาเล็กน้อย เนื่องด้วยตราผนึกขนาดใหญ่ในเวลานี้ถือเป็นขีดจำกัดของนางแล้ว และไม่สามารถขยายให้ใหญ่ไปมากกว่านี้ได้อีกต่อไป

“ผนึก!”

ดวงตาเซียถงเบิกกว้างเป็นประกาย สองมือที่กางขึ้นตรงหน้าผนักตราผนึกดังกล่าวออกไปสุดแรง

ตราผนึกสีขาวเปล่งแสงเจิดจรัสขนาดใหญ่พุ่งออกไปใส่ร่างของฝูงสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว

และสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้สุดพลันหยุดทุกการเคลื่อนไหวในทันทีที่สัมผัสกับตราผนึกสีขาวเข้าไป ไม่นานมันก็ส่ายหัวสะบัดไปมาด้วยความเจ็บปวด

สถานการณ์เช่นนี้คือ ตราผนึกทั้งสองวงกำลังต่อต้านกันและกันอยู่

สายตาเซียถงที่เหม่อมองภาพฉากตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังงานไร้สภาพถูกยิงออกมาจากกลางอากาศ โจมตีใส่ร่างของนางโดยตรง ใบหน้าถึงกับเปลี่ยนสีซีดขาว คล้ายถูกพลังงานไร้สภาพดังกล่าวโจมตีใส่ขั้วหัวใจ จิตวิญญาณเกิดความเจ็บปวดรุนแรง สักครู่ต่อมา คล้ายเกิดรสหวานดั่งโลหะล้นปริ่มขึ้นคอ นางกระอักเลือดสดพ่นออกมาจากปากคำโต

“นายหญิง!”

โม่ซวนเห็นดังนั้นก็ตกใจอย่างยิ่ง รีบวิ่งเข้าไปอช้อนร่างของนางอุ้มขึ้นมาโดยไว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ปรากฏว่าทำตัวเอง! คิดจะทำลายตราผนึกของข้า คงง่ายขนาดนั้นเชียว?”

หลินซวนเต๋อระเบิดหัวเราะได้ใจฮึกเหิม ส่งเสียงระเบิดลั่นไปทั่วน่านฟ้าไกล

พลังไร้สภาพโจมตีเข้าสู่หัวใจของเซียถงโดยตรง สร้างความเสียหายต่อจิตวิญญาณของนางอย่างจัง และนี่ไม่มีทางเลยที่จะเลี่ยงหลบมันได้

“นายท่าน! ลองอีกครั้ง!”

เสี่ยวฮั่วเปล่งเสียงตะโกนขึ้นท่ามกลางห้วงความคิดของนาง

เลือดสดในปากเซียถงกระอักพ่นออกมาต่อเนื่องไม่หยุด ถึงกระนั้น ทั้งสิบนิ้วของนางก็ยังขยับไปมาประกอบขึ้นเป็นตราผนึกอีกวง ขนาดเท่ากับก่อนหน้าก็จริง แต่ทว่าแสงสีขาวที่เปล่งจรัสกลับอ่อนกว่าครั้งก่อนมาก

เซียถงกางสองมือขึ้นต่อหน้าและผลักตราผนึกออกไปอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งหากยังไม่สามารถทำลายตราผนึกดั้งเดิมที่ประทับบนจิตวิญญาณของพวกสัตว์อสูรได้ จิตวิญญาณของนางอาจถูกพลังงานไร้สภาพเข้าโจมตีจนแตกดับ

“เจ้าเด็กนี่! มันบ้าระหำอะไรปานนี้!!”

หลินซวนเต๋อถึงกับส่ายหัวร้องอุทานขึ้นคำโต

ในเมื่อครั้งแรก หยิบใช้พลังทั้งหมดออกไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถผนึกได้ แล้วคิดหรือว่าครั้งที่สองซึ่งพลังน้อยกว่าตอนแรกจะทำได้สำเร็จ? นางกำลังหาเรื่องตายชัดๆ!

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท