ตอนที่473 นายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่473 นายน้อยแห่งเมืองจวิ๋นเทียน (1)
เซียถงหาได้กังขาสงสัยในความร้ายกาจของพิษที่หยุนซีปรุงเองกับมือ ดังนั้น พอได้เห็นชายหนุ่มที่ชื่อจวิ๋นเส้ากล้าใช้นิ้วรับจับคมเข็มโดยตรงเช่นนี้ นางก็อดแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมามิได้
ชายหนุ่มคนนี้อาศัยความเร็วที่โดดเด่นของตนเข้าสกัดกั้นการโจมตีของนาง แต่หารู้ไม่ว่า บนตัวเข็มเล่มเล็กจิ๋วเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยพิษร้ายที่เซียถงฉาบคลุมไว้อยู่
เสี้ยวพริบตาขณะเท่านั้น จวิ๋นเส้าพลันรู้สึกใจสั่นรุนแรง จังหวะการเต้นของหัวใจในอกข้างซ้ายค่อยๆช้าลงผิดปกติ
หงอวี๋ที่อยู่ใกล้เขาสุด สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของอีกฝ่ายได้แทบจะในทันที
“นายท่าน!”
ผิวพรรณใบหน้าจวิ๋นเส้าซีดเผือดผันแปร ยามเหลียวมองไปทางเซียถงอีกครั้ง สายตาที่จับจ้องของเขาคล้ายฉายแววซับซ้อนเพิ่มพูนหลายส่วน
หงอวี๋เดือดจัดในทันใด หันมาคำรามใส่เซียถงด้วยความเกรี้ยวกราด
“เจ้า!! เจ้าเป็นใครถึงกล้าทำร้ายนายน้อย?! ฝ่ายใดกันที่ส่งเจ้ามาที่นี่!?”
ชุดคำถามมากมายเหล่านี้ที่แผดดังจากปากหญิงสาวในชุดแดง ทำให้เซียถงสะดุ้งโหย่งตกใจยิ่งยวด! แทบจะในเสี้ยวอึดใจถัดมา นางพึงตระหนักได้ว่า ครั้งนี้กลับเป็นตนที่ผิดพลาดเสียเอง!
ในขณะเดียวกัน เสี่ยวฮั่วก็เปล่งเสียงดังขึ้นอีกครั้งผ่านห้วงความคิด
“นายท่าน มีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมาทางนี้!”
“นักฆ่าอีกกลุ่ม? นี่หรือว่า…”
เซียถงตกใจอยู่กึงหนึ่ง
เสี่ยวฮั่วถอนหายใจเฮือกยาว ส่ายหัวติดละอายใจเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวยอมรับไปตามตรงว่า
“นายท่าน ดูเหมือนคราวนี้พวกเราจะเป็นฝ่ายผิดเอง! ข้าสัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายใจของคนกลุ่มนี้ได้ชัดเจน แต่ทีแรกก็เข้าใจผิดคิดไปว่า ต้องการจะตามล่าตัวท่าน แต่พินิจจากรูปการณ์ น่าจะกำลังรีบหนีออกไปจากที่นี่เสียมากกว่า…”
“ข้าเองก็รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ทีแรกแล้ว เพราะคนพวกนี้ดูท่าจะมิได้มุ่งเป้าเจาะจงมาที่ข้าเลย”
เซียถงเร่งสงบสติอารมณ์ลงโดยไว มุ่งสายตาจับจ้องหญิงสาวในชุดแดงอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นคำหนึ่งว่า
“แล้วชายคนนั้นเป็นใคร? สหายของเจ้ากระมัง?”
เซียถงดูท่าจะไม่ค่อยแยแสกับคนกลุ่มนี้เท่าไหร่นัก
หงอวี๋ที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจัดศีรษะแทบลุกเป็นไฟ กว่าที่พวกนางจะมาถึงที่นี่ได้ ตลอดทางที่ผ่านมา พวกนางต้องเผชิญพบกับการสูญเสียของเหล่าพี่น้องไปกว่าหลายสิบชีวิตแล้ว ทว่าตอนนี้พวกมันก็ยังดูท่า ไม่ปล่อยให้พวกนางไปดี หวังจะถอนรากถอนโคนกันโดยสิ้น ถึงได้ส่งนักฆ่าหญิงนางนี้มาดักซุ่มในป่าดังปัจจุบัน! ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ เฉิงเหยาจินจะลงมือได้โหดเหี้ยมปานนี้! เจตนาตั้งใจจะฆ่าไม่ให้เหลือชัดแจ้ง! บัดซบ! พอคิดมาถึงจุดนี้ เพลิงโทสะที่สุมทรวงกลางอกของหงอวี๋ก็ถูกปลุกกระตุ้นเดือดปะทุ นางชักกระบี่ทะยานใส่เซียถงด้วยความโกรธจัด
ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ นางจำเป็นจะต้องกำจัดตัวปัญหาตรงหน้าให้เสร็จสรรพเสียก่อนโดยเร็ว ดังนั้นกระบวนโจมตีของหงอวี๋จึงทั้งหนักหน่วงและรวดเร็ว ร่ายคมกระบี่กอปรธารแสงสาดระยับ วาดลวดลายประดุจมังกรวารีผวาดเมฆา คมคลื่นปราณกระบี่ที่พวยพุ่งออกมาดั่งสายน้ำเย็นฉ่ำ ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยพลานุภาพทำลายล้างและจิตสังหารไร้ปราณี!
หนึ่งทวงท่าเพลงกระบี่ฉับไว ผ่า! ยก! ตัด! แทง! ทะลวง! ห้ากระบวนสอดประสานบิดพลิ้ว และแต่ละการเคลื่อนไหวล้วนก่อเกิดคลื่นแรงกดดันมหาศาลจนทำให้ผู้คนต่างหายใจไม่ออก! แต่เนื่องด้วยความใจร้อนของนางที่เร่งโจมตีฉับพลัน ต่อให้เพลงกระบี่นี้จะมีพลังทำลายล้างไร้ที่ติเพียงใด แต่ระหว่างสำแดงใช้ นางกลับไร้ซึ่งปราการใดๆป้องกันตัวเองเลย กล่าวคือ ขอเพียงฝ่ายศัตรูเสาะพบช่องโหว่ได้ก่อน จุดจบเดียวที่รอนางอยู่คือความตาย!
และเวลาแค้เสี้ยวพริบตานั้นเอง เซียถงก็สัมผัสได้ถึงความเร่งร้อนใจของนางผ่านท่วงท่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้
ยามสัประยุทธ์กับแบบหนึ่งต่อหนึ่ง สิ่งต้องห้ามที่พึงต้องระวังที่สุดคือ การทุ่มหมดหน้าตักโดยมิได้ตระเตรียมแผนอื่นใดไว้รองรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับพลังสูงกว่าอย่างเซียถงในเวลานี้
และทุกอย่างก็เป็นดั่งคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ช่วงท้ายก่อนที่เพลงกระบี่ของหงอวี๋จะเข้าพิฆาต เซียถงสามารถตรวจจับหาช่องโหว่ได้ในพริบตาเดียว แต่อย่างไร เซียถงมิได้อัญเชิญกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมาสำแดงใช้งาน พึ่งพาเพียงมีดสั้นเล่มเดียวเท่านั้นที่เลื่อนชักจากรองเท้า คู่เท้าดีดตัวกระตุกวูบ นางแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า ทะยานเข้าตอบโต้หงอวี๋อย่างไม่มีกลัวเกรงใดๆ อาวุธยาวเผชิญกับอาวุธสั้น ใครได้เปรียบเสียหายล้วนทราบตระหนักดี ทว่าตรรกะนี้ใช้ไม่ได้กับเซียถง มีดสั้นขนาดสองนิ้วเศษในมือนางกลับสร้างความอันตรายเสียยิ่งกว่ากระบี่เล่มยาวตรงหน้า!
คมมีดสั้นเริงระบำสมบูรณ์ไร้ที่ติ ทุกกระบวนท่วงท่าของนางช่างสงบนิ่งและสง่างดงาม แต่นั่นเร้นแฝงไปด้วยความรวดเร็วเด็ดขาด! ประดุจมัจจุราชย่างกรายเข้าหา
ชายเสื้อคลุมแพรพรรณสีทมิฬดำโบกสะบัด คลื่นลมปราณสีม่วงจางม้วนตลบ สีหน้าการท่าทางอันเหี้ยมโหดของนางในเวลานี้เผยให้เห็นถึงจิตวิญญาณนักสู้ผู้หยิ่งทะนง ทุกกระบวนการเคลื่อนไหวเฉียบคมเบ็ดเสร็จ คมมีดสั้นนับสิบแผลประทับอยู่ทั่วร่างของหญิงสาวในชุดแดง คล้อยหลังอึดใจหนึ่ง แพรพรรณสีแดงที่อีกฝ่ายนุ่งห่มก็ค่อยๆขาดรุ่ยโรยราเป็นเศษริ้วกองอยู่กับพื้น
เซียถงในตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งดีแล้วว่า อีกฝ่ายมิได้มาที่นี่เพื่อลอบฆ่าสังหารนาง และกลับเป็นเซียถงเสียเองที่เป็นฝ่ายริเริ่มโจมตีก่อน ใช่ว่าทำผิดเช่นนี้จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย จึงตัดสินใจไม่ดับชีพของหญิงสาวในชุดแดงนางนี้ แค่เจาะรูเล็กๆน้อยๆบนชุดแพรพรรณอีกฝ่ายเท่านั้น แต่หลังจากนี้ หากยังตามรำควานไม่เลิกรา นางเองก็จำต้องลงมือเอาจริงแล้วเช่นกัน
ทันใดนั้น จู่ๆหงอวี๋ก็รู้สึกได้ถึง สายลมเย็นหวิวที่พัดผ่านบนหน้าอกอวบอิ่มของนางอย่างฉับพลัน
“หงอวี๋! หยุด!”
จวิ๋นเส้าพยายามแผดเสียงอ่อนแรงเพื่อหยุดนาง ทว่าสภาพยามนี้กลับไม่สามารถทำอะไรได้มากมายนัก
แต่นั่นก็ทำให้กระบี่ในมือหงอวี๋ชะหงักหยุดกลางอากาศได้โดยพลัน
“นายน้อย!”
หงอวี๋หัวรั้นไม่เต็มใจยิ่งยวด
“เจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของหญิงสาวนางนี้ได้เลย! ถอยมาซะ!”
อาศัยความช่างสังเกตของตน จวิ๋นเส้าสามารถมองผ่านอ่านพลังฝีมือของเซียถงออกได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้นางจะมีระดับพลังลมปราณอยู่ที่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลาง แต่พลังการต่อสู้จริงกลับสูงส่งกว่านั้นมาก ทั้งนี้ยังมีเป็นนักอัญเชิญอสูรผู้ฉกาจคนหนึ่ง และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังใช้พิษเป็นอาวุธ เมื่อพิจารณาดูแล้ว อย่างว่าแต่หงอวี๋เลย ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าทั้งคนยังรับมือต่อกรได้ด้วยยาก แต่อย่างไร การเคลื่อนไหวของนางในขณะนี้กลับดูผิดแปลกออกไป ทั้งที่เมื่อสักครู่ นางสามารถปลิดชีพหงอวี๋ได้อย่างง่ายดายแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะไม่ทำ จิตสังหารหอบใหญ่ที่ทะลักทลายจากในร่างของนางก็หายไปโดยสิ้นแล้ว เหมือนจะมีบางอย่างที่ระหว่างสองฝ่ายเข้าใจผิดกันอยู่ มิเช่นนั้น นางคงไม่คิดเมตตาไว้ชีวิตหงอวี๋แน่นอน
ท้ายที่สุดนี้ หงอวี๋ทำได้เพียงถอนกระบี่เก็บเข้าฝักอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ขณะเดียวกัน นางก็พลันนึกสงสัยไม่คลาใจย ไฉนถึงรู้สึกเย็นวาบแถวหน้าอกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว? คล้อยหลังนึกเอะใจ จึงค่อยๆกดสายตาก้มมองดู และสิ่งแรกที่พบเห็นคือ เนินอกสีขาวผ่องคู่อวบอิ่มที่ปราศจากเสื้อผ้าแพรพรรณใดๆมาปิดกั้น นางเพิ่งตระหนักได้ว่า ยามนี้มีผู้คนมากมายกำลังยืนมองนางด้านหลังอยู่!
นางหน้าแดงขึ้นในทันที!
หงอวี๋รีบคว้าเศษผ้าที่กองรวมบนพื้น กวาดขึ้นมาปิดบังบริเวณเนินอกโป๋เปลือยของตนโดยไว สีหน้าท่าทางความตื่นตระหนกตกใจสุดแสน
เซียถงยังคงถือมีดสั้นอยู่ในมือ กระชับจับแน่นไม่มีคลายอ่อน พร้อมกวาดมองไปที่กลุ่มคนที่เหลืออย่างเย็นชา ในเวลานี้มีสรรพสัตว์เรียงรายอยู่เคียงข้างนางนับสิบตน หากมองแวบแรก นางก็ดูเหมือนกับราชันย์สัตว์อสูรมิใช่น้อยเลย
จวิ๋นเส้าเคลื่อนสายตามองมา นัยน์ตาคู่นั้นสั่นไสวเปล่งประกายอยู่เล็กน้อย
“แม่นาง ข้า จวิ๋นเส้า นายน้องแห่งเมืองจวิ๋นเทียน ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องขุ่นเคือง แต่อย่างไร วันนี้กลับมีธุระเร่งด่วนมิอาจล่าช้าได้ ส่วนความเมตตาในวันนี้ ย่อมมิอาจลืมเลือน สักวันจะต้องหาโอกาสตอบแทนบุญคุณแน่นอน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ถอดจี้หยกชิ้นหนึ่งจากเอวออกมาและโยนให้ทางเซียถง