ตอนที่479 เซี่ยเสวี่ยเหลียน (1)
ตอนที่479 เซี่ยเสวี่ยเหลียน (1)
อย่างไร เมื่อเซี่ยหลู่เฟิงกับฉีหมิงเยว่รีบเร่งมาถึง ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไปแล้ว
ศาลานอกเมืองดังกล่าวหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า
เซี่ยหลู่เฟิงดวงตาหรี่แคบแฝงเร้นแววเยียบเย็น
ฉีหมิงเยว่กระตุกแขนเสื้อเขาขึ้นทันควัน เอ่ยว่า
“ดูนั่น! เหมือนจะมีใครอยู่ในศาลา!”
ทั้งสองรีบรุดลงจากหลังม้าโดยไว เพียงชำเลืองปรายมองปราดเดียว ก็นับว่าพอเกินแล้วที่จะทำให้เซี่ยหลู่เฟิงเดือดดาลของขึ้นสุดขีด
เพราะภาพฉากที่อยู่เบื้องหน้า ณ ใจกลางศาลาแห่งนี้มีแต่ชิ้นเสื้อผ้ามากมายกระจัดกระจายอยู่เกลือนพื้น พินิจมองโดยคร่าวเหมือนกับชุดของผู้ชายที่รีบร้อนถอดทิ้งอย่างสะเปะสะปะ ภายในกองผ้าปรากฏหญิงสาวร่างเปลือยเปล่านางหนึ่ง เรือนร่างอันงดงามไร้ที่ตินี้เต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกพรากขื่นใจจากคนอื่น
เซี่ยเสวี่ยเหลียนในปัจจุบัน ไม่ต่างอะไรจากดอกบุปผาที่กำลังโรยรา ดั่งถูกลมพายุแสนบ้าคลั่งโหมกระหน่ำทำลายทั้งร่างกายและจิตใจ!
แค่เห็นสภาพร่างของนางอันเปลือยเปล่าท่ามกลางกองเสื้อผู้ชาย เท่านี้ย่อมพึงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาของเซี่ยหลู่เฟิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดแทบกลั่นออกมาเป็นหยดเลือด!
ฉีหมิงเยว่รีบออกไปโดยไม่มีรีรอ ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกเข้าห่อร่างของเซี่ยเสวี่ยเหลียนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง นางก็เหลือบไปเห็นลูกแก้วใสชิ้นหนึ่งวางไว้อยู่บนโต๊ะหินเข้างเคียง สีหน้าปั้นฉงนสงสัย อุทานขึ้นคำว่า
“นี่คืออันใด?”
ขณะที่ฉีหมิงเยว่เอื้อมเรียวนิ้วแตะสัมผัสลูกแก้วดังกล่าว มันก็พลันเปล่งแสงระยิบระยับฉาดฉายขึ้น ลำแสงนี้ส่องตรงมาที่พวกเขาทั้งคู่ในทันใด ด้วยสัญชาตญาณ ทั้งเซี่ยหลู่เฟิงและฉีหมิงเยว่ต่างเลี่ยงหลบออกห่าง ลำแสงจึงฉายหยุดบนกำแพงด้านหนึ่งของศาลา บนนั้นปรากฏเป็นภาพใบหน้าของไป๋หลี่เย่ขึ้นต่อหน้าต่อตา!
นี่เป็นภาพฉายที่เกิดจากการผนึกตัวของพลังวิญญาณโดยรอบ ซึ่งมันได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนนี้ในศาลาเอาไว้ทั้งหมด
ไป๋หลี่เย่ยืนตัวตั้งตรงอย่างหยิ่งผยองในศาลา ถือจอกหยกขาวใบหนึ่งอยู่ในมือ ขณะรินสุรากรอกเทพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย เขามุ่งสายตามองไปทางกลุ่มทหารองครักษ์ที่กำลังรุมฉีกกระชากเสื้อผ้าของเซี่ยเสวี่ยเหลียนกันอย่างบ้าคลั่ง
สายตาที่ไป๋หลี่เย่จับจ้องมองมา มันอัดแน่นไปด้วยความรังเกียจขยะแขยง เขายังสบถเย้ยหยั่นอีกว่า
“จุจุ น่าเสียกดายยิ่งนัก เซี่ยเสวี่ยเหลียน ทั้งที่แต่ก่อนเจ้าเคยงดงามมากแท้ๆ แต่ไยตอนนี้ถึงไม่น่าดูชมเอาเสียเลย?”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ถูกทหารองครักษ์สองนายจับข้อมือบีบไว้แน่น โดนถีบขาพับจนร่างทรุดร่วงอยู่แทบเท้าต่อหน้าไป๋หลี่เย่ สายตาของนางในเวลานี้ดูเลื่อนลอยไร้สตินึกคิด เห็นไป๋หลี่เย่ที่อยู่ตรงหน้าก็หลงนึกเป็นเซียถง ทันใดนั้นนางก็กรีดร้องโวยวายลั่น สบถด่าพล่ามวาจาคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เซียถง! นังสารเลวไร้ยางอาย! ไอ้แพศยา! ข้าจะล้างแค้นเจ้าแทนท่านแม่! ข้า…”
เมื่อเห็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนเป็นบ้าเสียสติเช่นนี้ ไป๋หลี่เย่ก็ถึงกับหมดความสนใจในตัวนางโดยสิ้นเชิง
ยิ่งได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์หึ่งออกมาจากเนื้อตัวเซี่ยเสวี่ยเหลียน เขาต้องขมวดคิ้วพลัน รีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกและเอ่ยปากสั่งการว่า
“ลากนางไปล้างตัวก่อน! ตัวเหม็นราวกับขยะ!”
ทหารองครักษ์ได้ยินดังนั้นก็รีบลากตัวเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่ยังคลุ้มคลั่งออกนอกศาลาทันที แถวบริเวณนี้มีลำธารเล็กๆ อยู่สายหนึ่ง อยู่นอกตัวศาลาดังกล่าวไม่ไกลนัก
ทหารองครักษ์ใช้ถังในมือตักน้ำขึ้นมาและราดใส่หัวเซี่ยเสวี่ยเหลียนโดยตรง พวกเขาปราศจากทีท่าสงสารหรือเห็นใจใดๆ ต่อนาง พอโดนกระแสน้ำเย็นจัดส่งตรงจากลำธารเข้าราดสาดใส่ฉับพลันเช่นนี้ ก็เหมือนสุนัขโดนสาดน้ำไล่ เซี่ยเสวี่ยเหลียนก็ยิ่งทวีความคลุ้มคลั่ง เริ่มลงไม้ลงมือดิ้นต่อสู้ตามสัญชาตญาณ หันไปกัดข้อมือของนายทหารองครักษ์คนหนึ่งอย่างแรง
รอยฟันจ้ำเลือดถูกสลักฝากฝังอยู่บนมือเป็นแผลหนึ่ง ทหารองครักษ์คนดังกล่าวมองดูบาดแผลบนมือตัวเองด้วยความโกรธจัด ทันใดนั้นเขาก็ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าเซี่ยเสวี่ยเหลียนเต็มแรงไม่มียั้งออม ร่างเปลือยเปล่าของนางโซเซร่วงตกลำธารไปอย่างน่าเวทนา ทั้งยังมีเสียงร้องโอดครวญเจ็บปวดดังระงม
พอเห็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนพยายามจะตะเกียกตะกายร่างขึ้นมา ทหารองครักษ์เหล่านั้นก็โยนถังน้ำในมือทิ้งไป และยกเท้าขึ้นเหยียบฝังอยู่เหนือศีรษะของนาง จากนั้นก็ถีบอย่างแรง ทำให้นางร่วงตกลำธารไปอีกระลอก
ภายใต้กระแสน้ำเย็นจัดในลำธาร เหล่าทหารองครักษ์ไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่ยังแห่ลงไปรุมสหบาทากันอย่างต่อเนื่อง เซี่ยเสวี่ยเหลียนโดนเหยียบย้ำกระหน่ำซ้ำจนใบหน้าจมน้ำมิด พยายามดิ้นทุรนทุรายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
เซี่ยเสวี่ยเหลียนเกิดสำลักน้ำรุนแรงและหมดอากาศหายใจสลบไปในเวลาต่อมา นางโดนลากขึ้นจากผืนน้ำอีกครั้ง เฝ้ามองหน้าท้องที่บวมป๋องปูดโปนออกมา เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นจึงยกบาทาขึ้นกระทืบใส่อย่างแรง และด้วยความเจ็บปวดที่ก่อเกิดฉับพลันนี้เอง จึงทำให้นางสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา แต่สีหน้าพลันต้องแปรเปลี่ยนในทันใด ต่อเนื่องมาด้วยอาการชักเกร็งทั่วทั้งร่างกายที่เกิดขึ้นฉับพลัน นางอาเจียนเอาของเสียและน้ำที่สำลักนับไม่ถ้วนออกมา เรืองร่างเปรอะเปือนอ้วกอยู่เต็มไปหมด เห็นดังนั้นพวกทหารองครักษ์จึงถีบนางลงน้ และเริ่มรุมกลั่นแกล้งใหม่อีกครั้ง….
ท้ายสุด เซี่ยเสวี่ยเหลียนสิ้นฤทธิ์ไม่เหลือกระทั่งเรี่ยวแรง นางถูกลากมาตามพื้นขึ้นศาลา โยนกองอยู่ต่อหน้าไป๋หลี่เย่ สภาพราวกับสุนัขตายก็มิปาน
ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนาง เซี่ยเสวี่ยเหลียนใช้แรงเฮือกสุดท้ายคลานเข้ามากอดกุมข้อเท้าของไป๋หลี่เย่เอาไว้ ส่งเสียงร้องอย่างเวทนาว่า
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…”
ไป๋หลี่เย่ระเบิดหัวเราะลั่นเฮฮาสนุกสนาน ยามสายน้ำชำระล้างทำความสะอาดใบหน้าและร่างกายของเซี่ยเสวี่ยเหลียนจนหมดจด ปอยผมเปียกชุ่มเกาะติดบนผิวแก้มขาวผ่องของนางเป็นเส้นสาย เพิ่มพูนเสน่ห์ความเย้ายวนให้ดูน่าหลงใหล ถึงแม้เซี่ยเสวียเหลียนจะกลายเป็นคนเสียสติแล้วก็ตามที ก็มิอาจปฏิเสธได้เลยว่า นางก็ยังคงเป็นสาวงามชั้นนำประจำเมืองเฟิงหลี่แห่งนี้อยู่ ด้วยท่าทางการแสดงออกที่แสนอ่อนแอและเสน่ห์แสนเย้ายวนกระชากอารมณ์ปานนี้ ทำให้ไป๋หลี่เย่อดใจไม่ไหวอีกต่อไป ใช้มือที่เหลือเพียงข้างเดียวหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมา และย่อตัวลงไปกล่าวกับเซี่ยเสวียเหลียนว่า
“กินนี่ก่อนสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
หลังจากโดนทรมารจับกดในลำธาร แม้ว่าเซี่ยเสวี่ยเหลียนในตอนนี้จะยิ่งดูเลื่อนลอยไม่ได้สติกว่าเดิม แต่เมื่อได้ยินว่า จะถูกปล่อยตัวไปจากที่นี่เสียที นางก็รีบคว้าโอสถเม็ดนั้นบนฝ่ามือของไป๋หลี่เย่กลืนปากไปโดยไม่ลังเล…
ไป๋หลี่เย่แสยะยิ้มแสนชั่วช้าบนมุมปากขึ้นทันใด จากนั้นค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นลูบไล้ตามผิวแก้มเนียนขาวของเซี่ยเสวี่ยเหลียน
เขาไม่สามารถข่มกลั้นอารมณ์ได้ไหวอีกแล้ว สองมือเร่งพัลวันปลดชุดตนเองออกโดยไว เสื้อผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยกระพือขึ้นบนฟ้า ไม่นานก็มีเสียงของเซี่ยเสวี่ยเหลียนดังกรีดร้องขอชีวิตลั่น เคียงคู่ไปกับเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของไป๋หลี่เย่
เมื่อได้เห็นภาพฉากเหล่านี้ทั้งหมด เซี่ยหลู่เฟิงยืนนิ่งสงัดดั่งถูกฟ้าผ่า! หัวใจดวงนี้เสมือนแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ!
และภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้น มันยิ่งตอกย้ำและบดขยี้เศษซากหัวใจของเขาจนไม่เหลือดี!
หลังเสร็จกิจตนเอง ไป๋หลี่เย่ก็ถอนตัวขึ้นจากร่างของเซี่ยเสวี่ยเหลียน สายตาคู่นั้นชำเลืองหากลุ่มทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังหันหลังให้
เขากล่าวขึ้นว่า
“นังนี่ลีลาเด็ดใช้ได้ ตลอดที่ผ่านมา พวกเจ้าเองก็ปฏิบัติหน้าที่ที่ข้ามอบหมายให้มิเคยขาดตก เช่นนั้น ข้าจะประทานนางเป็นรางวัลแก่พวกเจ้า! รอจนกว่าพระราชโองการจะป่าวประกาศในอีกไม่กี่วัน นังนี่ก็จะกลายมาเป็นนางสนมของข้า และจากนั้น ข้าจะโยนนางขังเก็บไว้ในเรือนเก็บฝืน หากต้องการเมื่อใด พวกเจ้าก็แวะเวียนมาใช้บริการนางได้ทุกเมื่อ! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะค่อยๆ พรากจางหายไป เป็นเวลาเดียวกันที่ฤทธิ์ยาปลุกอารมณ์ของเซี่ยเสวี่ยเหลียนเริ่มหมดลง นางก็เห็นเงาของผู้คนนับไม่ถ้วนตรงเข้าหารุมล้อมอย่างดิบกระหาย ยามนี้ดั่งนรกทั้งเป็น นางกรีดร้องสุดเสียงทั้งน้ำตา แต่นั่นกลับไม่มีปาฏิหาริย์หรือสิ่งใดสามารช่วยได้…
“อ๊ากกก!!”
เสียงกรีดร้องอันทรมานสุดแสนของน้องสาวผู้เป็นที่รักดังลั่นสนั่นออกมาไม่รู้จบ เซี่ยหลู่เฟิงไม่สามารถทนดูได้ไหวอีกต่อไป เขายกฝ่ามือเปี่ยมล้นลมปราณทะลักทลายดุจใบเหล็กซัดตลบอย่างบ้าคลั่ง ระเบิดลูกแก้วชิ้นนั้นบนโต๊ะจนเป็นผุยผงในพริบตา