ตอนที่481 เขาวงกตลึกลับ (1)
ตอนที่481 เขาวงกตลึกลับ (1)
“แล้วเราจะต้องไปตามเส้นทางที่เหลือให้ครบหรือไม่?”
หากเงื่อนไขในการผ่านเส้นทางเขาวงกตเป็นเช่นนี้จริง คงต้องใช้เวลามหาศาลเลยทีเดียวกว่าจะเดินสำรวจตามแผนที่รูปกิเลนจนครบ!
หลิวซูกล่าวตอบ
“ข้าเองก์ไม่แน่ใจ บางทีอาจควรเป็นเช่นนั้น บัญชาสี่พิภพที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในหุบเขาคุนหลุนชิ้นนี้ เป็นของล้ำค่าและทรงพลังเกินจินตนาการ ผู้คนทั่วผืนพิภพล้วนรู้จักและใคร่ถวิลหาครอบครอง แต่ตลอดที่ผ่านมา กลับไม่มีใครเลยสักคนที่ทำสำเร็จ สาเหตุก็เป็นเพราะเช่นนี้ หาใช่เพียงม่านพลังไร้สภาพที่ยากจะทำลายลง แค่จะหาทางเข้าจากเขาวงกตนี้ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็มิแปลกใจถึงมีแต่คนเข้า ทว่าคนออกกลับหาไม่มี”
เซียถงสองจิตสองใจอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า
“แต่ยังไงก็ต้องลองเดินตามแผนที่เข้าไปก่อนสักครา”
ครั้งนี้หลิวซูหาได้ปฏิเสธนางไม่ แต่สังเกตผ่านสีหน้าการแสดงออก มันค่อนข้างกังวลอย่างมาก
“เส้นทางภายในนั้นมีนับไม่ถ้วน ก่อนหน้าระหว่างทางสำรวจ พวกเราเองยังพบเจออันตรายฉับพลันครั้งแล้วเล่า หากสุ่มเดินต่อไปเช่นนี้ กลับไม่รู้เลยว่า กำลังมีสิ่งใดเฝ้าคอยเราอยู่”
“อย่างไรก็ต้องลองสักครั้ง”
แลเห็นว่าเซียถงลงหลักตัดสินใจไปแล้ว หลิวซูก็ไม่กล่าวคัดค้านอันใดอีก กล่าวเตือนออกมาประโยคหนึ่ง น้ำเสียงค่อนข้างจริงจังว่า
“เซียถง เจ้าเข้าใจสถานการณ์ร์ตอนนี้ดีใช่หรือไม่? ในหุบเขาคุนหลุมแห่งนี้มีอสูรบรรพกาลซ่อนอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ บางตนบรรลุเป็นเทพอสูรแล้วก็ยังมี ถึงกิเลนศักดิ์สิทธิ์ที่คอยเฝ้าปกปักบัญชาสี่พิภพจะไม่อยู่แล้วก็ตามที แต่ก็ยังมีจำพวกที่ข้ากล่าวไปหลงเหลืออยู่ พลังความแกร่งกล้าวของแต่ละตนนับเป็นมหาภัยร้ายอย่างแท้จริง!”
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เห็นหลิวซูจริงจังขนาดนี้ เซียถงรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยจริงๆ แต่ก็พึงทราบดี มันกำลังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนาง
“อย่าได้กังวล!”
เซียถงส่งยิ้มให้พร้อมตบไหล่หลิวซูอย่างหนักแน่นไปทีหนึ่ง
ทันทีที่เข้าสู่ถนนสายตรงหน้า เสมือนละครเป็นฉากทันควัน บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นมืดหม่นลงในทันที ประดับพร้อมกิ่งก้านเถาวัลย์นับไม่ถ้วนระโยงระยาง ยิ่งมุ่งหน้าเข้าไปลึกเท่าไหร่ มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกอันตรายต่อผู้เดินทางมากขึ้นเท่านั้น
เซียถงและที่เหลือมุ่งหน้าเดินตามแผนที่รูปกิเลนในหัว จากที่เคยก้าวย่างกว้างใหญ่เหลือเพียงซอยสั้นถี่ มุ่งหน้าเคลื่อนตัวออกไปด้วยความระมัดระวังสุดขีด
“หลิวซู เจ้าดูนี่สิ พืชพรรณแถวนี้ดูต่างไปจากที่พวกเราเคยเห็นทั่วไปเลย”
ได้ยินดังนั้นหลิวซูก็เพิ่งมองสอดส่องอย่างใกล้ชิด พึงทราบ ถึงแม้ต้มไม้ใบหญ้าแถวนี้จะมีรูปทรงคล้ายกับที่พบเห็นทั่วไปจากภายนอก แต่สีของพวกมันกลับเข้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด…
มองจากแผนที่รูปกิเลนโดยรวม เขาวงกตแห่งนี้ดูคล้ายกับรูปวงกลมที่ควรจะมีตำแหน่งศูนย์กลางเดียวกัน แต่เมื่อลงลึกเดินจริง ภายในวงกลมกลับมาวงกลมทับซ้อนอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เส้นทางการเดินเพิ่มความซับซ้อนสับสนขึ้นเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน ตรงนี้มันเป็นทางตันมิใช่รึ? หากไม่ใช่เพราะแผนที่รูปกิเลน ชาตินี้ข้าก็คงไม่นึกสงสัย!”
คิดได้ดังนั้น เซียถงจึงเรียกใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้า สะบัดตัดพุ่มไม้เถาวัลย์ที่อยู่ตรงหน้าสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อเบิกเส้นทางไปต่อ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด หลังจากเข้าไปแล้ว นางก็พลันต้องตกใจเมื่อค้นพบว่า มีเส้นทางใหม่ปรากฏขึ้นอยู่ต่อหน้าของนาง
เมื่อหยั่งเท้าย่างลึกเข้าไป ก็สังเกตเห็นซากกระดูกของสิ่งมีชีวิตที่ถูกกลบฝังอยู่ใต้ดงพฤกษาไพรพันธุ์มากมายเกินคนา
เซี่ยถงร่ายกระบี่ทัณฑ์ฟ้าระบำปลดปล่อยคมคลื่นวินาศ ทั้งยังสำแดงใช้เกราะแสงวิญญาณเข้าหลอมผนึกลงบนกระบี่ทัณฑ์ฟ้า เสริมพลังอัดลมปราณเข้าไป สายลมกระโชกแรงโคจรหมุนรอบกายา ทำหน้าที่เสมือนใบมีดสับคลั่งสิ่งกรีดขวางทั้งหมดในอาณัติบริเวณ
ไม่ว่าสายลมคมมีดนี้จะพัดผ่านไปทิศทางใด ทั้งต้นไม้ใบหญ้าหรือเถาวัลย์พัลวันรุงรังทั้งหลายปลิวว่อนกระจาย เส้นทางเหล่านี้แท้ที่จริงมีมาเนิ่นนานแล้ว แต่ด้วยกาลเวลาทำให้พืชไม้พฤกษาเติบโตสูงใหญ่จนเข้าปิดคลุมเป็นทางตัน ด้วยคลื่นกระบี่คลั่งทำให้เส้นทางกลับมาดังเดิมอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ซุบ ซุบ ครืน ครืน…
ทันใดนั้นเอง เสียงพุ่มไม้พฤกษารอบข้างเขย่าต่อเนื่อง เหล่านี้ดังออกมาจากด้านหลังเซียถง
นางไม่รีรอแช่มช้า เหวี่ยงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าหวดย้อนฟันออกไปโดยไม่มีลังเล หวังเข้าโจมตีบางสิ่งที่อยู่ด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อนท่าน!!”
เค่อฮั่วรีบเปล่งเสียงคำรามหยุดคมกระมี่ในมือเซียถงฉับพลัน
ทั่วร่างของเค่อฮั่วเปียกเหงื่อเย็นชุ่ม แต่โชคยังดีที่ยังตะโกนส่งเสียงหยุดเอาไว้ได้ทัน มิฉะนั้นแล้ว ด้วยขุมพลังทำลายล้างจากคลื่นกระบี่โจมตีนี้ของเซียถง มีหวังตัวเขาในสภาพปัจจุบันคงกลายเป็นผีเฝ้าผืนป่าไปแล้ว
ถึงกระนั่น แม้เซียถงจะหยุดยั้งคมกระบี่ไว้ได้ทัน ทว่าชั้นพลังลมปราณที่คลุมเคลือบบนนั้น กลับเฉียนตัดผิวคอของเขาเป็นแผลถากๆ เลือดซิบสายน้อยรินไหลผ่าน เป็นเวลาเดียวกันที่ปอยผมข้างขมับร่วงตกสู่พื้นดิน
เซียถงหรี่ตามองไปยังเค่อฮั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน ก่นเสียงเย็นชืดคำหนึ่งว่า
“หากคราต่อไป เจ้ายังกล้าโผล่ขึ้นหลังข้าโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงอีก เกรงว่ากระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มได้คงได้ดื่มเลือด!”
เค่อฮั่วเร่งพยักหน้าตอบ สีหน้าการแสดงออกยังคงไว้ซึ่งความหวั่นระทึกอยู่ตราตรึง
“แล้วไฉนถึงมาคนเดียวล่ะ?”
เค่อฮั่วกล่าวว่า
“หลังจากที่ท่านจากไป ก็ทีบุคคลหนึ่งบุกมาโจมตีพวกเรา ถึงเราสามจะผนึกกำลังสู้รบทว่ากลับปราชัย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ได้ลักพาตัวองค์รัชทายาทชิงเยวี่ยไปด้วยเช่นกัน”
เมื่อได้ยินวาจาเหล่านั้น หัวคิ้วเซียถงพลันขมวดแน่นแทบติดชน
“ใครกันที่กล้าบุกโจมตี?”
เค่อฮั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ค่อยตอบ
“ตัวข้ากลับไม่รู้จัก อีกฝ่ายมาแค่คนเดียวก็จริง แต่สามารถฝ่าทำลายวงล้อมของพวกเราสามคนได้ในไม่กี่กระบวน! ขุมพลังความแข็งแกร่งนับว่าชนชั้นสูง ข้ากับเค่อถูกอีกฝ่ายเข้ากดดันจนต้องแยกตัวหนีไปคนละทาง”
“แล้วโม่ซวนล่ะ?”
“ข้าเห็นโม่ซวนหนีรอดออกไปได้ แต่ไม่รู้เช่นกันว่าอยู่ไหน”
เซียถงจ้องตาเค่อฮั่วอยู่สักครู่หนึ่ง พอประสบชนกับสายตาคู่เย็นยะเยือกของนาง เป็นเค่อฮั่วที่เนื้อตัวสั่นเทิ่มโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอกสั่นขวัญหายไปหลายส่วน
จะมีเพียงสายตาเท่านั้นที่ไม่สามารถโกหกหลบซ่อนกันได้ หลังจับจ้องอยู่ระยะหนึ่ง เห็นว่าไม่มีทีท่าผิดปกติอันใด นางจึงถอดถอนสายตากลับออกมา
ขณะเดียวกัน ก็พลันได้ยินเสียงพุ่มไม้สั่นกระเพื่อมอีกครั้ง ซึ่งความนี้ค่อนข้างเบาบาง คาดได้ว่าต้นเสียงน่าจะอยู่ด้านนอก
เซียถงไม่รอช้า เขวี่ยงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าพุ่งเสียบออกไปไกลโพ้นราวกับเป็นหอก ไม่นานเกินรอ ก็ปรากฏเป็นโม่ซวนที่เดินมาพร้อมกับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ สภาพดูน่าสยดสยองไม่น้อย เนื้อตัวมีแต่บาดแผลฉกรรจ์มากมาย ลมหายใจวุ่นวายสับสนไปหมด เขารีบปรี่ตรงมาที่นี่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวจากทางไกล
หลังกลับมารวมกลุ่มได้ เซียถงก็หยิบโอสถสองเม็ดมอบแก่พวกเขาทั้งคู่ได้กิน และในที่สุด ทั้งเค่อฮั่วและโม่ซวนก็เพิ่งตระหนักได้ว่า สถานที่ที่พวกเขายืนอยู่ในขณะนี้ มันเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกของเหล่ามนุษย์ที่ตายนานแล้ว ซ่อมซุมเป็นกองรอบตัวอยู่ภายใต้ชั้นพืชพรรณที่กลบฝังอยู่
“พินิจจากชุดแต่งกาย ควรจะเป็นกองทหารฝีมือดีนับแสนนายที่อดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนส่งมา ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ทุกคนล้วนตายอยู่ตรงนี้ทั้งหมด!”