ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 502 ทุ่มดอกไม้ชมพู (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่502 ทุ่มดอกไม้ชมพู (2)

ตอนที่502 ทุ่มดอกไม้ชมพู (2)

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งเด็ดขาดปราศจากความลังเลใดๆ เซียถงเล็งคมมีดลุจ่อไปที่ขั้วหัวใจของชายคนผู้นั้นโดยตรง เสี้ยวอึดใจที่คมมีดพุ่งเสียบลงมา มืออีกข้างนางได้ตระเตรียมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าประจัญบานอยู่พร้อมแล้ว สองคมอันตรายร่วมผสานการโจมตีในเวลาเดียวกัน

เซียถงตระหนักดีว่า หากวัดกันที่พลังลมปราณกันอย่างเดียว ตนเองหาใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้เลย ดังนั้นแล้ว โอกาสของนางมีแค่ครั้งเดียว จึงต้องจัดวางกลยุทธ์รูปแบบโจมตีอย่างพิถีพิถันที่สุด โดยไม่เปิดจังหวะรั้งรอใดๆ นางเปิดใช้เกราะแสงวิญญาณหลอมผสานเข้ากับตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้า ก่อ้กิดเป็นกระบวนจู่โจมอันน่าสะพรึงขวัญ

นางจะต้องรีบฆ่าก่อนที่อีกฝ่ายจะทันรู้ตัว!

แต่ทันทีที่ชายผู้นั้นมองย้อนกลับมา ทุกการกระทำของเซียถงพลันหยุดชะงักแข็งค้างในพริบตา!

อย่างไร มีดสั้นที่คล่องตัวกว่ากลับไม่ทันหยุด คมแหลมเข้าสอดเสียบบนมัดกล้ามเนื้อกลางแผ่นอกของชายผู้นั้นไปแล้ว ยังโชคดีที่เสี้ยวขณะนั้น เซียถงถอดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมาได้มัน จึงมีเพียงคมมีดเพียงอย่างเดียวที่ลุถึงตัวอีกฝ่าย

เซียถงปักกระบี่ทัณฑ์ฟ้าค่ำยันเสียบกลางแผ่นพื้น ทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของชายเบื้องหน้าทันที สีหน้าการแสดงออกของนางยามนี้เสมือนทั้งร้องไห้และดีใจในเวลาเดียวกัน น้ำตาที่พยายามอดกลั้นกลับมิอาจกักเก็บไหว นางยิ้มทั้งน้ำตา

“ท่านยังไม่ตาย!”

ไป๋หลี่หานระบายยิ้มอ่อน พร้อมทั้งมองไปที่เซียถงด้วยแววตาแสนอบอุ่น

“ฮึก ท่านยังไม่ตายจริงๆ! ตัวเป็นๆ เลย…”

ก่อนที่ไป๋หลี่หานจะได้เอ่ยปากกล่าวอะไรออกมา จู่ๆ ก็โดนเซียถงรุกใส่อย่างหนัก โน้มตัวประจบจูบอย่างเร่าร้อน

เรียวมือยาวสีขาวผ่องสองข้างของนางกอดรัดเอวของเขาแน่นหนาชนิดไม่คิดจะคลายอ่อน สายตายามนี้ประดุจเพลิงเร่าร้อนราวกับกำลังแผดเผาสรรพสิ่ง

ทั้งสองต่างเกี้ยวพาพัลวันดุเดือด อารมณ์ของพวกเขาพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดจนไม่สามารถทานทนได้ไหวอีกต่อไป ต่างฝ่ายต่างเร่งถอดชุดเสื้อผ้าของกันและกันออก…

เริ่มจากฝ่ายเซียถงที่รุกล้ำบรรเลงจูบอย่างดูดดื่ม ต่อมาด้วยไป๋หลี่หานที่โน้มตัวตามจังหวะให้สอดคล้องผสาน จังหวะหายใจระหว่างทั้งคู่ถี่ระรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่อึดใจต่อมา เสื้อผ้าท่อนบนของทั้งสองก็เริ่มถูกปลดคลาย ดูหลวมคล้ายจะหลุดไหลออกมาได้ตลอดเวลา

เซียถงถอนริมฝีปากสีแดงฉ่ำออกมา ไต่ไล่ลงไปยังช่วงคอลำใหญ่หนาของไป๋หลี่หานและเริ่มซักไซ้อย่างซุกซน ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปเสื้อคลุมของอีกฝ่าย เผยให้เห็นวงไหล่กว้างสีขาวประดุจหยกขาวดูแข็งแกร่งออกมา

ไป๋หลี่หานรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก หาใช่เพราะบทบรรเลงรักที่เซียถงรุกเร้าใส่เขาไม่หยุดหย่อน แต่เหตุเป็นเพราะหยดน้ำตาสีใสที่นางเสียให้แก่เขา

นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกเลยที่ไป๋หลี่หานได้เห็น นางเสียน้ำตาให้เขาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และหากกล่าวกันตามตรง ตั้งแต่รู้จักกันมา กระทั่งภาพฉากที่เซียถงร้องไห้ เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ! ชิ้นเสื้อผ้าแล้วเล่าถูกปลดเปลื้องหลุดร่วงลงพื้นทีละชิ้นสองชิ้น ไป๋หลี่หานคลี่ยิ้มละมุนอ่อนโยนจากใจจริง ค่อยๆ โน้มศีรษะจุมพิตลงบนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาทีหนึ่ง…

“อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”

จู่ๆ ก็มีเสียงไอดังขึ้นสองคราติดต่อ ทำลายบรรยากาศภายใต้ทุ่งดอกไม้สีชมพูอันเงียบสงบลงในทันใด

หลิวซูยามนี้หน้าแดงระเรื่อหลายส่วน เบี่ยงศีรษะหันหนีพลางกล่าวกับทั้งคู่ที่กำลังพลอดรักกันหวานฉ่ำโดยไม่มีเหลียวมองใดๆ ขึ้นว่า

“ก็บอกไปแล้วไง นี่หาใช่เวลาทำเรื่องพรรค์นี้…”

เซียถงหันมาปรายตาชำเลืองมองหลิวซูที่ยืนหันหลังให้อยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะยอมหยุดลง สวมใส่เสื้อผ้าจัดให้เข้าที่ดังเดิม นางหันมายักไหล่ให้ไป๋หลี่หานที่อยู่ข้างๆ เป็นเชิงว่าช่วยไม่ได้

หาใช่ว่าหลิวซูไม่อยากดูหนังสดตรงหน้า แม้กระทั่งตอนที่เซียถงอาบน้ำ มันยังเสี่ยงตายแอบไปถ้ำมองอยู่ตลอด แต่ในเวลาเฉกเช่นนี้ มันกลับไม่กล้าปล่อยให้สองคนนี้เลยเถิดไปไกล อนึ่งมาจากปัจจัยเรื่องสถานที่ และสองสำหรับไอ้พวกหึงโหดอย่างไป๋หลี่หาน หากมันเฝ้าดูเขาและนางพลอดรักกันต่อไป มีหวังได้ตายทั้งเป็น!

หากถามว่าหลิวซูอยากดูไหม? แน่นอนว่าต้องอยาก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างชีวิตกับสิ่งนี้ เกรงว่ามันต้องเลือกชีวิตก่อน!

ขณะนั้นเอง หางตาของหลิวซูก็เหลือบไปสังเกตเห็นดอกไม้สีชมพูต้นหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง จู่ๆ มันต้นนั้นก็สลายกลายเป็นอณูเม็ดแสงสีม่วงจำนวนหนึ่งต่อหน้าต่อตา!

เห็นภาพฉากนี้เข้า มันก็พึงตระหนักได้ทันทีว่า ตนกำลังอยู่ในสถานที่สุดแสนแปลกประหลาดอยู่!

อณูเม็ดแสงสีม่วงจับตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดย่อมเยา หากพินิจมองให้จงดี พวกมันดูมีมวลเบาคล้ายหิ่งห้อยเปล่งสว่าง ดูแล้วเพลินตาอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อกวาดตาไล่ตามอณูเม็ดแสงเหล่านี้ไป หลิวซูก็หยุดเข้ากับบริเวณที่เซียถงและไป๋หลี่หานยืนอยู่ ดูเหมือนว่าบริเวณที่เกิดการโจมตีเมื่อครู่จะมีอณูเม็ดแสงสีม่วงกระจุกรวมกันมากเป็นพิเศษ

อืม…แล้วสีแดงผืนตรงนั้นมันอะไร?

ด้วยความไม่ตั้งใจ หลิวซูที่มัวแต่สนอกสนใจอยู่กับอณูเม็ดแสงสีม่วงปริศนาอยู่นั้น ก็เดินตรงเข้าไปแทรกกลางระหว่างทั้งสอง และหยิบชุดชั้นในสีแดงเพลิงชิ้นหนึ่งของเซียถงขึ้นมา

“หรืออณูแสงสีม่วงจะมาจากตรงนี้…”

‘โป๊กก!!’

“โอ้ย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย! ไม่รู้ว่าเป็นของเจ้าหนิ!”

หลิวซูโดนเซียถงทุบกำปั้นใส่หัวอย่างแรงจนแทบจมดิน และเสี้ยวอึดใจต่อมา ทันทีที่สัมผัสได้ถึงแววตาเพชฌฆาตทางด้านไป๋หลี่หาน มันก็รีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องทันที โพล่งกล่าวขึ้นว่า

“พวกเจ้าไม่คิดว่าแปลกกันหน่อยรึ! เห็นดอกไม้ชมพูเหล่านี้หรือไม่?”

“ไอ้ที่แปลกน่ะควรเป็นเจ้า!”

เซียถงคิ้วกระตุกกัดฟันกรอด เตรียมจะยกกำปั้นขึ้นเขกกะโหลกหลิวซูอีกสักที แต่จู่ๆ นางก็เหลือบไปเห็นดอกไม้ชมพูต้นหนึ่งสูญสลายกลายเป็นอณูเม็ดแสงสีม่วงต่อหน้าต่อตา สีหน้าการแสดงออกของนางกลับมาดูจริงจังขึ้นอีกครั้ง

“นี่เป็นไปได้ยังไง?”

กล่าวออกมาเช่นนั้น นางคล้ายจะดูลังเลอยู่สักครู่ ทว่าทันใดนั้น นางก็เอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ชมพูต้นที่ยังไม่สลายต้นหนึ่งขึ้นมาด้วยมือเปล่าโดยตรง

“เดี๋ยวก่อนสิ!”

หลิวซูตกตะลึงยิ่งยวด มีใครที่ไหนกล้าหยิบสิ่งของต้องสงสัยขึ้นมาหน้าตาเฉย? ไม่กลัวเป็นอันตรายเลยรึไง!

และพอเซียถงกรอกเทกระแสลมปราณสายหนึ่งลงไป กลีบดอกไม้ชมพูใบหนึ่งก็ค่อยๆ ย่อยสลายกลายเป็นอณูเม็ดแสงสีม่วง ขนาดเล็กคล้ายลูกปัด

ยามนั้นพลันมีสายลมโชยอ่อนพัดผ่านพอดี จึงนำเอาอณูเม็ดแสงสีม่วงเหล่านั้นกระจายตามไปด้วย แต่ชั่วพริบตาต่อมา พลันมีจำนวนหนึ่งหลุดเข้าซึมซาบผ่านชั้นผิวหนังของเซียถงหน้าตาเฉย

หลิวซูถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวหนักอย่างขวัญผวา รับก้าวย่างออกไปคว้าข้อมือของนางสะบัดดอกไม้ชมพูนั้นทิ้งโดยไว และโพล่งตะคอกขึ้นใส่ด้วยความกังวลว่า

“นี่ไง! นี่ไง! ข้าบอกแล้ว! เจ้านี่มันบ้าจริงๆ! รู้สึกผิดปกติอะไรที่มือหรือไม่?”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงกล่าวจบ ในอีกด้านหนึ่ง ไป๋หลี่หานก็ก้มไปเก็บดอกไม้สีชมพูต้นหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน

หลิวซูถึงกับขอบตากระตุกไม่หยุด สมงสมองของเจ้าสองคนนี้มันเสื่อมสภาพเกินวัยอันควรรึยังไง?

สมแล้วที่อยู่ด้วยกันได้!

อย่างไรก็ตาม อณูเม็ดแสงสีม่วงเหล่านั้นกลับไม่ได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังของไป๋หลี่หาน แต่กลับหลุดลอยออกไปตามสายลมปกติทั่วไป

“นี่มันยังไงกันแน่?”

ไป๋หลี่หานเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน

เซียถงสัมผัสได้ว่า หลังจากที่อณูเม็ดแสงสีม่วงเหล่านี้ซึมเข้าสู่ร่างกายของนาง พวกมันก็ลอยไปรวมอยู่ในห้วงความคิดของนาง ซึ่งบังเอิญหรือไม่มิทราบ แต่เหล่านั้นไปหยุดอยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยวฮั่วเคยอยู่เป็นประจำ แต่เนื่องจาก อณูเม็ดแสงเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก จึงลอยเคว้งคว้างอยู่แบบนั้นเงียบงัน หาได้เกิดผลลัพธ์อะไรทั้งสิ้น

อึดใจนั้นเอง เซียถงเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที คู่เท้าไสววูบดีดตัวทะยานสู่เวหานภาสูง หนึ่งเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ หลิวซูถูกเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้า ลอยเข้ามือของนางให้จับกุมกระชับแน่น

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท