บทที่ 1113 น้องสาวใคร
เยี่ยหวันหวั่นหลุดหัวเราะ ไม่ต้องรีบ ฉันยังพูดไม่จบนะ!
เจียงเยียนหรานงึมงำ ฉันเซ็นก่อนเธอค่อยพูดไง!
เยี่ยหวันหวั่นมองเจียงเยียนหราน แล้วมองพ่อเจียงแม่เจียง จากนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เจียงหราน เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้นอย่างที่เธอคิด ตอนนี้โกลบอลกับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างก็เพ่งเล็งเราอยู่ในที่มืด โดยเฉพาะหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ครั้งนี้ต้องขัดขวางแน่นอน สถานการณ์ในบ้านฉันเธอก็รู้ดี
นี่คือสงครามยาก ต่อให้เป็นฉันก็รับประกันไม่ได้ เพราะงั้นเห็นแก่ความปลอดภัย สัญญานี้ฉันให้เธอ แต่เธอไม่ต้องเซ็นตอนนี้ รอจบงานรางวัลจินหลาน ผลออกมาก่อนค่อยเซ็น แบบนี้จะปลอดภัยกว่า ถ้าจูเสินสือไต้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ก็ไม่น่าถึงขั้นต้องดึงเธอมาเหนื่อยด้วย
ก่อนหน้านี้ที่เธอไม่เซ็นกับเจียงเยียนหราน ก็เพราะสภาพการณ์ของบริษัท
เจียงเยียนหรานได้ยินแบบนั้นก็พลันไม่พอใจอยู่บ้าง ทำไมล่ะ หรือว่าในสายตาเธอ ฉันร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยไม่ได้เหรอ
จะใช่ได้ยังไง เยี่ยหวันหวั่นโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน ถึงฉันทำเพื่อเธอ แต่ก็ทำเพื่อตัวฉันเองด้วย ถ้าครั้งนี้ดึงเธอเข้ามาพัวพันด้วย ฉันจะไม่เสียหายใหญ่หลวงเหรอ เธอคือไพ่ตายของฉันนะ!
ได้ยินถึงตรงนี้ เจียงเยียนหรานถึงค่อยมีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน พ่อเจียงแม่เจียงก็ฟังจนพยักหน้ารัว สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นแสดงความยอมรับอย่างยิ่ง
ความจริงได้ยินเจียงเยียนหรานบอกว่าจะให้หวันหวั่นเป็นผู้จัดการเธอ แรกเริ่มสามีภรรยาตระกูลเจียงก็กังวลใจอยู่บ้าง ยังไงเสียหวันหวั่นก็โตกว่าเจียงหรานแค่หนึ่งถึงสองปี
แต่ตอนนี้ ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ มุมมองต่อเยี่ยหวันหวั่นของสองผู้อาวุโสเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์แล้ว
ถึงแม้เด็กคนนี้อายุพอๆ กับเจียงเยียนหราน แต่นิสัยกลับเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก คิดเรื่องต่างๆ ครบทุกด้าน อีกทั้งยังปฏิบัติกับเจียงเยียนหรานของพวกเขาอย่างจริงใจ
เยียนหราน หวันหวั่นพูดมีเหตุผล แบบนี้ดีต่อพวกลูกสองคน พ่อเจียงเอ่ยปาก
เจียงเยียนหรานจ้องหนังสือสัญญาในมือ กำแน่นขึ้นทีละน้อย หลังผ่านไปนาน ในที่สุดก็เอ่ยปาก ตกลง งั้นค่อยเซ็นหลังรางวัลจินหราน
แต่ไหนแต่ไรมาเยี่ยหวันหวั่นช่วยเธอไว้ตลอด แม้ถึงเวลาอย่างนี้ อีกฝ่ายก็ยังคงคิดเผื่อเธอรอบด้าน
ครั้งนี้รับรอง เธอจะต้องต่อสู้ จะต้องช่วยเยี่ยหวันหวั่นให้ได้
เธอต้องตั้งใจอัดละครเรื่องนี้ ถึงตอนนั้น เธอจะยืนอยู่บนโพเดียม บอกทุกคนอย่างภูมิใจว่า ผู้จัดการของเธอคือเยี่ยไป๋
…
เพราะตอนเย็นยังต้องจัดการเรื่องรับสมัครอีก เยี่ยหวันหวั่นจึงไม่ได้รั้งอยู่นาน
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เยี่ยหวันหวั่นก็มาถึงบริษัท
เยี่ยหวันหวั่นเล่าเรื่องเจียงเยียนหรานให้เยี่ยมู่ฝานฟังคร่าวๆ หนึ่งรอบ
เยี่ยมู่ฝานฟังจบก็ตกใจพอสมควร เชี่ย ที่แท้แกยังซุกไพ่ตายแบบนี้ไว้ด้วย? แบบนี้ก็หมายความว่า ในที่สุดบริษัทพวกเราก็มีศิลปินหญิงแล้วเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย อย่าคิดมั่วซั่วล่ะ คนเขามีเจ้าของแล้ว แถมฉันเป็นคนแนะนำกับมือด้วย
เยี่ยมู่ฝานหน้าบึ้ง คิดอะไรเล่า! พี่แกในสายตาแกไม่มีศีลธรรมขนาดนั้นเชียว? แต่ว่านะหวันหวั่น…แสดงว่า…ตั้งแต่มัธยมปลายปีสาม…แกก็เริ่มเตรียมตัวแล้ว…
ตอนนั้น เยี่ยหวันหวั่นในสายตาเขายังจะเป็นจะตายเพื่อกู้เยว่เจ๋อ ทั้งวันทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงวัยต่อต้านคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง
แต่ทว่า กลับนึกไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้นานขนาดนั้น น้องสาวเขาก็เริ่มวางแผนอนาคตแล้ว นิสัยและความอดทนแบบนี้…
เมื่อเห็นเยี่ยมู่ฝานจ้องตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว ทำไมมองฉันแบบนั้น
เยี่ยมู่ฝานลูบคาง อืม หวันหวั่น นี่แกยังเป็นน้องสาวฉันใช่ไหม
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตามองเขา ไม่ใช่น้องสาวพี่ แล้วเป็นน้องสาวใคร
เยี่ยมู่ฝานมีสีหน้าภูมิใจทันที ฮ่าๆ ของฉันเองๆ นอกจากน้องสาวฉัน ยังจะมีน้องสาวใครสุดยอดขนาดนี้อีก!
………………………..
บทที่ 1114 ยังมีลูกชายไง
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบหางตามองใบสมัครกองหนึ่งบนโต๊ะของเยี่ยมู่ฝาน หยิบส่งๆ ขึ้นมาหนึ่งใบก่อนเอ่ยถาม รับสมัครผู้จัดการที่เหมาะสมได้ไหม
เยี่ยมู่ฝานถอนหายใจ ไม่เลย! ทดลองหลายคนแล้วก็ยังไม่ผ่าน! ใจร้อนเกินไป! เหมือนทำงานเป็นที่ไหน!
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
ตอนนี้เขาแขวะคนอื่นว่าใจร้อนได้แล้ว ไม่ง่ายเลย…
คนเก่งๆ ไม่มีทางมาบริษัทเล็กแบบนี้ของพวกเราได้หรอก ไม่มีประสบการณ์ก็ไม่น่าเชื่อถืออีก หายากนะ… เยี่ยมู่ฝานเอ่ยอย่างปวดหัว
ตอนนี้ฝั่งเยี่ยหวันหวั่นต้องดูแลเจียงเยียนหรานเพิ่มอีกคน ดูแลสามคนในเวลาเดียวกันก็งานล้นมือแล้ว ขาดบุคลากรเร่งด่วนจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นคิดเล็กน้อยก่อนถาม จริงสิ วันนี้มีเด็กผู้หญิงแซ่เหยามาสมัครหรือเปล่า
แซ่เหยา? ไม่มีนะ! ทำไมเหรอ เยี่ยมู่ฝานถาม
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยตอบ เมื่อวานตอนที่ฉันกับแฟนแล้วก็ลูกชายฉันออกไปกินหม้อไฟกัน บังเอิญเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เห็นเธอถือใบสมัครงาน กำลังหางานเตรียมสมัครเป็นผู้จัดการพอดี
ฉันดูใบสมัครงานเธอ รู้สึกว่าฐานแน่นดีเลยให้นามบัตรไป ให้เธอมาคัดตัวที่บริษัทพวกเรา ก็ไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า!
ก็เหมือนอย่างเยี่ยมู่ฝานว่า คนที่มีความทะเยอทะยานหน่อยจะอยากไปบริษัท ไม่ค่อยมาบริษัทที่เพิ่งเปิดแบบพวกเขา
สมัยนี้บริษัทใหม่ในวงการส่วนใหญ่ไม่น่าเชื่อ เปิดหนึ่งถึงสองปีก็วิ่งหนีไปแล้ว สิบวันครึ่งเดือนปิดตัวลงก็มีหมด จึงทำให้ถึงแม้บริษัทใหญ่แข่งขันรุนแรงแค่ไหน ทุกคนก็ยังคงวิ่งไปหาบริษัทใหญ่เหล่านั้น
เวลานี้ ความสนใจทั้งหมดของเยี่ยมู่ฝานตกอยู่ที่ ‘เมื่อวานตอนฉันกับแฟนแล้วก็ลูกชายฉันออกไปกินหม้อไฟกัน’ ประโยคนี้!
แฟน แกก็รู้จักแต่แฟน แกไม่เคยไปกินหม้อไฟกับพี่ชายคนนี้สักครั้ง! เยี่ยมู่ฝานบ่นหน้าทื่อ
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว ใครบอกว่าไม่เคย สัปดาห์ก่อนก็ด้วยกันไม่ใช่เหรอ
เยี่ยมู่ฝาน นั่นไปกับครอบครัว ไปกับพ่อแม่! ไม่ได้ออกไปแค่พวกเรา!
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย ฉันก็ไม่ได้ไปแค่กับแฟนสักหน่อย ยังมีลูกชายไง!
เยี่ยมู่ฝานหมดคำพูด
เหนื่อยใจชะมัด เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นแล้ว
ตอนนี้เขาสงสัยมากว่าเด็กคนนี้จะหลอกเขา!
เด็กน้อยคนนั้นไม่ใช่ลูกลับๆ ของเธอกับชายป่าเถื่อนคนนั้นหรอกเหรอ
เยี่ยมู่ฝานกำลังจะเอ่ยปาก โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นเสียก่อน
โทรมาจากเคาน์เตอร์ต้อนรับ ท่านประธานเยี่ยคะ มีคุณหนูแซ่เหยามาหาคุณ บอกว่ามาสอบสัมภาษณ์ค่ะ
เยี่ยมู่ฝานสีหน้าชะงัก หันมองเยี่ยหวันหวั่น มีน้องสาวแซ่เหยามาหา ใช่คนนั้นที่แกว่าหรือเปล่า
เยี่ยหวันหวั่นตาลุกวาว น่าจะใช่ ให้เธอเข้ามาเถอะ!
OK! เยี่ยมู่ฝานเอ่ยกับโทรศัพท์สายนั้น ให้เธอเข้ามา
ผ่านไปชั่วครู่ หญิงสาวคนหนึ่งก็เคาะประตูเข้ามา เป็นหญิงสาวคนนั้นที่เยี่ยหวันหวั่นบังเอิญพบเมื่อวานจริงๆ เหยาเจียเหวิน
เห็นแค่ว่าหญิงสาวหน้าตาธรรมดา เป็นหน้าตาประเภทที่เลือนหายในฝูงชน เวลานี้เธอม้วนผมขึ้นไม่ยุ่งเหยิงสักเส้น สวมชุดแบรนด์เนมตลอดตัว แต่เป็นสไตล์ของฤดูก่อน ตกรุ่นไปนานแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าในวงการนี้อาศัยการแต่งตัว แต่เพราะเศรษฐกิจจึงซื้อรุ่นใหม่ไม่ไหว ได้แต่เก็บแบรนด์หรูไว้มาสวมในโอกาสสำคัญ
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเหยาเจียเหวิน เคยทำงานในบริษัทจื้อซ่างมีเดีย ในสังกัด… เหยาเจียเหวินแนะนำตัวเองอย่างง่าย
เยี่ยมู่ฝานกวาดตามองใบสมัครงานของหญิงสาว แววตาน่าจะพึงพอใจ เขาเลิกคิ้วมองเยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่บนโซฟา เก่งนี่ กินหม้อไฟก็เก็บอัญมณีได้ด้วย
………………………….