ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 538 กับดัก (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่538 กับดัก (2)

ตอนที่538 กับดัก (2)

เนื่องด้วยทางลับนั้นเองไป๋หลี่หานไม่เคยแพร่งพรายบอกใครสักคน และถึงแม้เจ้าตัวอย่างไป๋หลี่หานเองจะมิได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ แต่คนอื่นๆ เองต่างก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกัน สุดท้ายนี้เซียถงทรยศพวกเขาหรือไม? มีบัญชาสี่พิภพอยู่ในมือ ก็เปรียบดั่งมีขุมพลังอำนาจสูงสุดอยู่ในครอบครอง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญท้ายสุด จู่ๆ เย่หลีเทียนก็เลือกที่จะถอยทัพจากไปเสียดื้อๆ หรือบางทีทั้งหมดจะเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของแผนการ เซียถงอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด และทิ้งก้านขวางคอชิ้นยักษ์ให้แก่ไป๋หลี่หาน!

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนำมาผสวกกับเรื่องพระราชวังอี้เฉิงถูกราชาหมาป่าสวรรค์ตัวปลอมสวมรอยแทน หรือกระทั่งจักรพรรดินีเหลิ่งก็ยังโดนกักบริเวณคุมขังอยู่ในตำหนัก ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจมีเซียถงอยู่เบื้องหลัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนต่างปฏิบัติต่อเซี่ยหลู่เฟิงอย่างไม่สนิทใจอีกต่อไป

เมื่อได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด มุมปากหลัวซีพลันกระตุกอยู่สองสามที เขาชักจะเป็นกังห่วงเรื่องของเซียถงภายใต้สถานการณ์ตอนนี้เข้าให้แล้ว และเมื่อนางกลับมาจะอธิบายแก่ทุกคนให้ฟังว่าอย่างไร?

ณ จักรวรรดิตงหลี่ ชายแดนแห่งหนึ่ง!

เซียถงแลมองไปหาไป๋หลี่อวี๋อิงที่ยามนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นตามลำดับภายใต้การดูแลรักษาอย่างดีของชิงเยวี่ย

นางหันไปหาไป๋หลี่อวี๋อิงและกล่าวว่า

“พวกเรามาถึงเมืองหลีเฉินแล้ว จากนี้เจ้าจะมีวิธีติดต่อกับคนฝ่ายนั้นเช่นไร?”

ถึงแม้ไป๋หลี่อวี๋อืงจะฟื้นตัวดีขึ้นมาก แต่ผิวพรรณสีหน้ายังคงซีดเซียวอยู่หลายส่วน เนื่องจากอาการเสียเลือดมากเกินไป คล้อยหลังกระแอมไอเล็กน้อย นางจึงเอื้อมไปหยิบปิ่นปักผมชิ้นหนึ่งบนศีรษะออกมา และวางไว้เบื้องหน้าอีกฝ่าย กล่าวว่า

“มอบสิ่งนี้แก่ทหารที่ประจำการในเมืองหลีเฉิน พวกนั้นน่าจะบอกเจ้าต่อเองว่าควรทำเยี่ยงไรต่อ”

เซียถงรับปิ่นปักผมไข่มุกและหันหลังเตรียมจะควบม้าเดินหน้าต่อ เพิ่งจะขับควบออกไป นางก็ชำเลืองไปเห็นสีหน้าอันหม่นมืดของชิงเยวี่ยคล้ายกำลังเหม่อลอยไปที่ไหนสักแห่งหน

“เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนรึ?”

พอได้ยินเซียถงทักทาม สีหน้าแววตาของชิงเยวี่ยพลันแปรผันกลับเป็นดังเดิมโดยเร็ว เขารีบคลี่ยิ้มกว้างและกล่าวว่า

“เปล่า มิได้เป็นอะไร เพียงว่า…หากเจ้าไปทั้งแบบนั้น เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรจากการกระโดดลงหลุมพรางขององค์จักรพรรดิตงหลี่ด้วยตัวเองเลย?”

เซียถงหาได้ใส่ใจนักสำหรับเรื่องนี้

“ถูกต้อง นี่เป็นกับดัก! แต่ในเมื่อองค์จักรพรรดิตงหลี่กล้าลงมือจับท่านแม่ข้าเป็นตัวประกัน ก็แสดงว่าตงเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับข้าแล้วเช่นกัน ต่อให้สรรหาวิธีลอบเร้นเยี่ยงไรกลับเปล่าประโยชน์ สู้บุกเข้าไปโดยตรงเลยไม่ดีกว่ารึ? ต่อให้เบื้องหน้าจะอันตรายปานใด ข้าก็จะสู้!”

“แต่เซียถง เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า บางทีสิ่งที่องค์จักรพรรดิตงหลี่เป็นกังวลที่สุด อาจไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องการจะมอบบัญชาสี่พิภพแก่จักรวรรดิซีฉิน แต่เป็น…ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับราชาหมาป่าสวรรค์?”

“นี่หมายความว่าเยี่ยงไร?”

เซียถงคล้ายจะจับผิดเห็นถึงบางสิ่งขึ้นได้บ้างแล้ว รวมไปถึงเหตุที่หลายวันที่ผ่านมา ชิงเยวี่ยจงใจที่จะรักษาระยะห่างกับนาง

“มีคนจากซีฉินติดต่อมาหาข้า พวกเขากำลังขนกำลังทัพศึกมาที่แห่งนี้ เซียถง หากเจ้าต้องการ…เอ่อ…หมายถึงต้องการที่จะช่วยชีวิตท่านแม่ของเจ้าจริงๆ บางทีอาจจะมีวิธีที่ได้ผลและปลอดภัยกว่านี้ ขอเพียงเจ้ายอมทิ้งไป๋หลี่หานไป…”

ยิ่งพูดออกมามากเท่าไหร่ น้ำเสียงของชิงเยวี่ยก็ยิ่งแผ่วต่ำลงเรื่อยๆ กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักกับสิ่งที่กำลังกล่าวออกไป แต่หากยังไม่ลองพยายามดูสักครั้ง เกรงว่าจะยิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

ได้ยินเช่นนั้น สายตาที่มุ่งมองมาของเซียถงก็ค่อยๆ เย็นเยียบลง

นางคิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ชิงเยวี่ยเองก็จะ…

แต่หลังจากคิดพินิจดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางกลับถอนหายใจเสียงยาว กล่าวขึ้นด้วยความโล่งใจขึ้นว่า

“ชิงเยวี่ย เจ้าเองก็เป็นสหายข้าคนหนึ่ง ชีวิตนี้ข้าเองก็มีมิตรสหายที่จริงใจไม่มากนัก หลัวซีก็คนหนึ่ง ส่วนเจ้าเองก็เป็นอีกคน ดังนั้นแล้ว ขอพูดอะไรสักอย่างให้จัดเจน ข้ามองเจ้าเป็นมิตรสหายมาโดยตลอด และที่สำคัญ ตัวข้าก็แต่งงานออกเรือนกับไป๋หลี่หานไปแล้ว ข้าเลือกเขาและจะจงรักภักดีต่อเขาจากนี้และตลอดไป! ตราบเท่าที่เขาไม่ทิ้งข้า ข้าเองก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหนเช่นกัน!”

เซียถงหรี่ตาลงเล็กน้อย และกล่าวต่ออีกว่า

“อันที่จริง ข้าเองก็พอจะทราบถึงความในใจที่เจ้ามีต่อข้าเรื่อยมา แต่ก็รู้สึกดีใจมากเช่นกันที่วันนี้ เจ้ากล้าสารภาพกับข้ามาตามตรง ขอบคุณมากจริงๆ อย่างไร ข้าก็แค่หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่ง ยังมีหญิงสาวดีๆ อีกตั้งมากมายรอความรักดีๆ จากเจ้าอยู่ ข้าเชื่อแบบนั้น”

กล่าวจบ นางก็เอื้อมมือขึ้นตบไหล่ชิงเยวี่ยเบาๆ สองสามที จากนั้นก็หันไปควบขับม้ามุ่งหน้าออกไปต่อ

ชิงเยวี่ยยังคงแข็งค้างตกตะลึงกับคำพูดของเซียถงไม่จางหาย และดูเหมือนว่าจะมีประฏยคหนึ่งจากปากของนางที่ยังดังกึกก้องสะท้อนอยู่ภายในใจของเขา

‘ตราบเท่าที่เขาข้า ข้าเองก็จะไม่ทิ้งเขา…’

ที่แท้นางเองรักอีกฝ่ายสุดหัวใจเช่นกัน!

รอยยิ้มที่เคยดูอบอุ่นบนใบหน้าของชิงเยวี่ยเริ่มเหย่เกบิดเบี้ยว ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ เห่อร้อนเปียกชุ่มขึ้นมา

เขาส่ายหัวและจากออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ภายในรถม้า ไป๋หลี่อวี๋อิงเฝ้ามองอีกฝ่ายที่จากออกไปผ่านบานหน้าต่าง พร้อมกับน้ำตาสีใสรินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

มือทั้งสองข้างของนางกำหมัดบีบแน่น ไฉนเซียถงถึงได้ใจอีกฝ่ายไปครองโดยง่ายปานนี้ แต่กลับทิ้งขว้างไม่ไยดีอันใดเลย? เซียถง…เจ้านี่มัน…

ไป๋หลี่อวี๋อิงได้แต่กู่ร้องเรียกชื่อเซียถงสาปส่งไม่หยุดยหย่อนอยู่ภายในใจ แต่สภาพตอนนี้กลับไม่สามารถอะไรได้เลย

กลางดึกรัตติกาลเงียบสงัด!

ทันใดนั้นปรากฏเงาสีดำสายหนึ่งพุ่งโฉบรวดเร็วดุจสายลมกระโชก!

นอกเมืองไม่ไกลจากเมืองหลีเฉิน มีคูน้ำสายกว้างขวางกระแสไหลเชี่ยว แต่มีศีรษะเงาดำหัวหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ กวาดพินิจโดยรอบ เสาะพบมุมหลับตาคนแห่งหนหนึ่ง หวังใช้จุดนี้เพื่อปีกป่ายขึ้นลอบเข้าไปในเมือง พอกระโดดขึ้นจากน้ำปีกขึ้นไป ก็รีบมุ่งตรงไปที่หอคอยประจำเมืองโดยไว

หลบเลี่ยงบรรดาทหารเฝ้ายามอย่างช่ำช่อง ลอบเร้นสะกดรอยทหารนายหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าเดินขึ้นไปยังหอคอยประจำเมืองอย่างราวเงาตุ๊กแก

แสงเทียนในห้องหนังสือของแม่ทัพเมืองหลี่เฉินยังคงส่องสว่าง เสียงเคาะประตูทีหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

“เข้ามา!”

เจ้าเมืองหลี่เฉินเอ่ยกล่าวโดยไม่มีทีท่าเงยหน้าขึ้นมองใดๆ

ประตูห้องหนังสือเลื่อนเปิดออก ปรากฏเป็นทหารนายหนึ่งที่ย่างตรงเข้ามาอย่างระมัดระวัง

“มีอะไร?”

“เรียนท่านแม่ทัพ มีใครบางคนส่งของสิ่งนี้อยู่ที่หน้าประตูเมือง โดยมีสาสน์ฉบับหนึ่งแนบติด ระบุเพียงว่า ส่งตรงถึงท่าน”

แม่ทัพผู้นั้นชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่อย่างไร ด้วยหน้าที่การงานยังจำต้องตรวจสอบ

“เอามานี่”

ทหารนายนั้นยื่นส่งให้ด้วยความเคารพสุภาพ

แม่ทัพผู้นั้นรับไปและลองเปิดกล่องขึ้นมาดู ก็ประจักษ์ชนกับแสงสว่างวาบสีขาวบริสุทธิ์ที่สาดสะท้อนใส่ดวงตา สักครู่หนึ่งพอเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร แม่ทัพถึงหน้าถอดสีแปรเปลี่ยน ดูสยดสยองขึ้นทันควัน เพราะสิ่งที่บรรจุอยู่ในกล่องนั้นเป็น ปิ่นปักผมไข่มุกที่ถูกประดิษฐ์สรรค์สร้างด้วยความประณีตบรรจงเป็นพิเศษ!

“ใครส่งให้มา?!”

แม่ทัพผู้นั้นตะโกนถามด้วยความโกรธจัด

“มันผู้ใดที่เป็นคนส่งให้เจ้า?!”

ทหารนายนั้นโดนกระแทกเสียงใส่ก็เกิดอาการตัวสั่นขวัญผวาชั่วขณะ พอไม่ได้ยินคำตอบจากปากอีกฝ่ายเสียที แม่ทัพผู้นั้นก็ยิ่งเดือดจัด ตะคอกขึ้นอีกคำรบว่า

“ข้าถามว่ามันเป็นใครที่ส่งมา!!?”

ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบดี ก็แลเห็นคมมีดปริศนาที่จู่ๆ ก็โผล่ปรากฏขึ้นจากด้านหลังของทหารนายนั้นและเข้าปาดคอเสียชีวิตทันที

“ข้าหรือเป็นใคร ไยเจ้าไม่ลองเดาดูล่ะ?”

“เซียถง!! ที่แท้ก็เป็นเจ้า!!”

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท