ตอนที่572 ประเคนให้ถึงที่ (2)
ตอนที่572 ประเคนให้ถึงที่ (2)
ทันทีที่เปลวเพลิงดับลง จี้จี้ก็รีบจ้ำวิ่งเข้าหาโดยหาได้สนใจพื้นดินละแวกนั้นที่ยังร้อนจัด และใช้อุ้งเท้าหน้าน้อยๆ ทั้งสองเริ่มขุดกองเถ้าถ่านสีดำ ราวกับกำลังคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะค้นพบอะไรบางอย่างในนั้น
หลังจากลงมือลงแรงอยู่สักพัก ก้อนเถ้าถ่านสีดำแล้วเล่ากระจุยกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่ว พร้อมกับหลุมที่มันขุดมีขนาดลึกลงไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นพลันมีแสงรังศมีปนเขียวสว่างวาบออกมาจาก ณ ใจกลางหลุม
อุ้งเท้าหน้าสองข้างหยิบยกมันชูชันเหนือหัวในทันทีราวกับประกาศชัยชนะ ซึ่งสิ่งนั้นก็มิใช่ใดอื่น มันคือเห็ดหลินจือมรกตขนาดเท่าฝ่ามือหนึ่ง จี้จี้รีบกระโดดโหยงเหยงไปหยุดอยู่ต่อหน้าเซียถงโดยไว
มันหยิบยื่นเห็ดหลินจือมรกตมอบให้แก่เซียถงอย่างระมัดระวัง เสมือนสิ่งนี้อยู่ในมือก็คือสมบัติล้ำค่า
เซียถงไม่คิดไม่ฝันมาก่อยเลยว่า ในร่างของงูเหลือมหิมะตนนี้จะมีเห็ดหลืนจืออยู่! และดูจากสภาพของมันที่ยังดูสมบูรณ์ครบถ้วน พึงคาดการณ์ได้ว่า เจ้างูตนนี้เพิ่งจะกลืนมันลงไปได้ไม่นาน และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้างูตนนี้ต้องออกล่าหาอาหาร น่าจะเพื่อกักเก็บไว้เป็นพลังงานสำรองและใช้ในระหว่างพิธีข้ามขั้นภัยพิบัติแห่งสวรรค์สำหรับยกระดับความแข็งแกร่งต่อไป และหากงูเหลือมหิมะตนนี้สามารถข้ามขั้นภัยพิบัติแห่งสวรรค์ได้สำเร็จ มันจะทะลวงขึ้นกลายเป็นอสูรวิญญาณจารย์ทันที!
แต่นับว่าดวงซวยโดยแท้ ที่ดันอยากเขมือบกินเซียถง และนี่ก็ถือเป็นโชคดีของนางเช่นกันที่งูเหลือมหิมะตอนนี้เป็นแค่ สัตว์อสูรปราณวิญญาณที่กำลังจะทะลวงขึ้นสู่อสูรวิญญาณจารย์ เพราะหากอสูรที่มาลอบโจมตีนางครั้งนี้เป็น อสูรวิญญาณจารย์ขึ้นไป เกรงว่าด้วยสภาพสังขารของนางในเวลานี้ คงไม่มีปัญญาสู้รบกับมันแน่นอน และคงโดนกลืนลงท้องโดยไม่ต้องสงสัย!
อย่างไร เป็นเรื่องคาดไม่ถึงเช่นกันว่า จะมาได้พบเจอหน้าเจ้าจี้จี้อีกครั้งในช่วงเวลาคับขันปานนี้! และมันยังนำพาให้นางมาพบเจอกับเห็ดหลินจือมรกตนี้อีก!
เซียถงเอื้อมหยิบเห็ดหลินจือมรกตชิ้นนั้นมาจากจี้จี้อย่างอ่อนแรง นางกินมันเข้าไปทั้งแบบนั้นและเริ่มดูดซับฤทธิ์ยาสรรพคุณหมุนโคจรไปทั่วกายา
กระแสพลังวิญญาณบริสุทธิ์ท่วมท้นสายหนึ่งทะลักทลายเข้าสู่ห้วงความคิดของเซียถง เกิดจากที่นางมุ่งจิตบังคับให้ฤทธิ์ยาจากเห็ดหลินจือมรกตส่วนหนึ่งกรอกเทมาสู่ที่นี่ เพื่อมอบให้แก่เสี่ยวฮั่วและหลิวซูที่หมดสติหลับไป
เสี่ยวฮั่วเป็นคนแรกที่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของกระแสพลังวิญยาณบริสุทธิ์มากมายนี้ มันฟื้นสติตื่นขึ้นในทันที และเริ่มสูดดมไอพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่ฟุ้งตลบอยู่ในห้วงความคิดของเซียถง ทันใดนั้นมันก็กระโดดออกมาสู่โลกภายนอกโดยไม่รีรอ กลายร่างเป็นเด็กน้อยวัยสี่ขวบตัวอวบจ้ำม่ำนั่งน้ำลายสอด้วยความหิวโหย ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นเศษพลังวิญญาณหย่อมหนึ่งบนกองเถ้าถ่านที่เพิ่งเผางูเหลือมหิมะตนเมื่อครู่ ยามนี้มันไม่สนแล้วว่าจะมากหรือน้อย ขอเป็นเพียงอาหารที่กินได้อะไรก็ยอม เท่านั้นแหละ เสี่ยวฮั่วกระโจนใส่กองเถ้าถ่านดำปี๋ ดูดกลืนหล่อมพลังวิญญาณอย่างเอร็ดอร่อย
ราวกับเด็กน้อยที่กำลังกินขนมอย่างตะกละตะกลาม
ฮูหยินหลี่ที่ออกตระเวนหาโดยรอบอยู่นาน สุดท้ายก็จำต้องกลับมามือเปล่าพร้อมสีหน้าที่เศร้าสร้อยผิดหวัง แต่พริบตานั้นที่เห็น เสี่ยวฮั่วในร่างเด็กอวบจ้ำม่ำกำลังคลุกตัวอยู่กับกองเถ้าถ่านจนใบหน้าดำปี๋ ก็ถึงกับผงะตกใจพลัน แต่สักครู่หนึ่งจึงค่อยตั้งสติได้ เพราะตั้งแต่ที่ได้พานพบกับหลิวซูในครั้งล่าสุด ก็เหมือนว่าฮูหยินหลี่เคยได้ยินหลิวซูอธิบายประมาณว่า เซียถงมีสัตว์เลี้ยงอยู่ตนหนึ่งซึ่งเป็นกิเลนและสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้
เสี่ยวฮั่วหันมาเห็นฮูหยินหลี่ที่มองตาค้างตะลึงงัน นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งสองได้เจอหน้ากัน ทว่ามันกลับหาได้สนใจไม่ และหยิบซากเถ้าถ่านดำเป็นตอตะโกของงูเหลือมหิมะตนนั้นยัดเข้าปากอย่างหิวโหย
‘ถงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ สมุนไพรที่เจ้าต้องการกลับหาไม่พบเลย…”
ฮูหยินหลี่กล่าวขอโทษขอโผยพร้อมสีหน้ารู้สึกผิดไม่รู้จบ
เห็นดังนั้น เซียถงส่ายหัวสะบัดแรงหลายทีให้ ขณะกำลังจะเอ่ยตอบ ก็ดันเหลือบไปเป็นเสี่ยวฮั่วเผลอกลืนแกนอสูรของงูเหลือมหิมะตนนั้นเข้าไปในคำเดียว ทันใดนั้นก็ถึงกับสำลักแทบอ้วกออกมา มันรีบยืดตรงให้ตรงและยกกำปั้นขึ้นทุบหน้าอกแรงๆ อยู่สองสามที ก่อนที่จะกลืนเข้าท้องได้อย่างปลอดภัย
เสี่ยวฮั่วกินเสร็จก็ส่งเสียงเร่อเหม็นคำโต ก่อนจะพึ่งสังเกตเห็นว่า ทั้งพวกนางคู่กำลังจับจ้องมาทางนี้ และก็เป็นฮูหยินหลี่ที่อ้าปากค้างเติ่งตกใจ เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกอายขึ้นมาหลายส่วน จึงเร่งกล่าวแก้เขินขึ้นมาโดยไว
“อย่าได้ห่วงไปนายแม่ ตอนนี้มีข้าเป็นกำลังหลัก เรื่องจำพวกหาสมุนไพรให้นายท่านช่างง่ายดาย!”
ตามที่เสี่ยวฮั่วกล่าวอวดอ้างออกไปดังนั้น มันรีบสับตีนแตกวิ่งเตลิดออกไปไกลโพ้นด้วยพลังวังชาเต็มเปี่ยม
“วิ่งดูทางด้วย! ระวังล้ม!”
และเมื่อเผชิญหน้ากับมวลแรงกดดันมหาศาลจากอสูรบรรพกาลเฉกเช่นกิเลนศักดิ์สิทธิ์ จี้จี้ถึงกับหลบเลี่ยงสายตาไม่กล้าสบมองเสี่ยวฮั่ว มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งขึ้นต้นไม้ไปแอบซ่อนด้วยความกลัว
หลังจากที่เสี่ยวฮั่วออกไปได้ไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับเห็ดหลินจือมรกตจำนวนมากและสมุนไพรหลากหลายชนิดที่เซียถงไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
“ของทั้งหมดนี่คือ…วัตถุดิบสำหรับหลอมกลั่นโอสถ?”
ต้องบอกเลยว่า เห็ดหลินจือมรกตที่เมื่อสักครู่เซียถงกินลงไป มันได้ผลลัพธ์ค่อนข้างดีเยี่ยม พิษโดยส่วนใหญ่ถูกระงับไว้ในกายชั่วคราว ถึงจะไม่ถูกกำจัดทิ้งแต่อย่างน้อยก็ทำให้นางฟื้นตัวขึ้นหลายส่วน ณ ปัจจุบันกำลังเหม่อมองกองสมุนไพรมากมายกองตรงหน้า ปรากฏแววความประหลาดใจฉายวาบในดวงตาของนาง ในตอนนี้ไม่มีเตาหลอมโอสถติดตัวมาด้วย แล้วจะหลอมกลั่นขึ้นมาได้เยี่ยงไร? หรือจะให้ใช้เพลิงพิภพเก้าดุษณีกับพื้นหิมะชั้นหนาโดยตรง? ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ มือข้างขวาของนางโดนพิษกัดกินจนขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว
เสี่ยวฮั่วยิ้มอย่างมีนัยแฝง ฝ่ามือของมันทั้งสองข้างควบแน่นอัดพลังไอหมอกสีม่วงหนาทึบ ก่อนจะแผ่ออกไปปกคลุมทั่วทั้งฝ่าบมือขวาของเซียถงที่ได้รับบาดเจ็บ แลเห็นคลื่นหมอกสีม่วงเคลื่อนตัวผ่านตามบาดแผลที่โดนศรธนูเจาะทะลวงเป็นรู สิ่งนี้เป็นดั่งเครื่องมือรักษามหัศจรรย์ สามารถช่วยขับหยดพิษสีดำออกมาจากปากแผลได้ และยังสมานบาดแผลเหล่านั้นจนกลับมาเป็นปกติดังเดิม
หลังจากขับหยดพิษสีดำออกมา เซียถงรู้สึกตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นอย่างมาก จวบจนกระทั่งสภาพร่างกายที่เริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น
อย่างไรเสีย เสี่ยวฮั่วจำต้องนั่งพักเหนื่อยพลางหยิบเห็ดหลินจือมรกตชิ้นหนึ่งขึ้นมาเคี้ยวกิน เพราะดูท่าแล้ว มันเองก็คงสูญเสียพลังงานไปมากสำหรับการขับพิษให้นาง
เซียถงเค้นอาจานออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง แต่ในคราวนี้เป็นสีแดงสด สื่อให้เห็นว่าร่างกายของนางกลับเป็นปกติแล้ว เสี่ยวฮั่วเห็นแบบนั้นก็ระบายยิ้มกว้างมีสุขสันต์ พลางเคี้ยวเห็ดหลินจือมรกตจนแก้มตุ่ย
“เจ้างูเหลือมหิมะนี่มันมาถูกเวลาโดยแท้! ถึงกับประเคนชีวิตให้ถึงที่!”
ไม่นานนักจากนั้น กระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่วางไว้อยู่บนพื้นก็เริ่มส่งเสียงสั่นดังฮึ่มๆ และเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้นต่อเนื่องจนรอบบริเวณสั่นกระเพื่อมตาม
ปรากฏเป็นหลิวซูที่โผล่ออกมา ปั้นสีหน้าบึ้งตึงและยกมือเท้าสะเอวมาแต่ไกล
เสี่ยวฮั่วเห็นดังนั้นก็ยิ้มกล่าวกับเซียถงว่า
“นายท่าน ไม่ต้องกังวลเรื่องเตาหลอมกลั่นโอสถ หลิวซูตัวนี้ มันมีประโยชน์กว่าที่ท่านคิด! นอกจากจะเป็นจิตวิญญาณกระบี่ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแล้ว มันยังเป็นนักขโมยสมบัติมืออหังการ!”
เพิ่งจะเจอหน้ากัน ก็เป็นเสี่ยวฮั่วเปิดฉากเอ่ยวาจาถากถางใส่หลิวซูโดยไว เซียถงที่ได้ยินแบบนั้นพลันอดขำมิได้! และนางก็เพิ่งนึกออก มีอยู่ครึ่งหนึ่งไป๋หลี่หานเคยเล่าให้ฟังว่า อดีตเจ้านายของหลิวซูเคยเป็นยอดปรมาจารย์ ‘สันดานเสีย’ ชั้นแนวหน้าแห่งทวีปเทียนหลาง! เห็นสมบัติมีค่าหน่อยมิได้เป็นต้องขโมยทุกครั้งไป!
หลิวซูอดเม้มฝีปากมิได้ มันจ้องหน้าเสี่ยวฮั่วตาเขม็งราวกับจะหาเรื่อง พยายามจะเปิดปากขึ้นเถียงอยู่หลายครา แต่ท้ายที่สุดก็พูดไม่ออก เพราะทุกอย่างที่เสี่ยวฮั่วกล่าวไปล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น! ถอดถอนหายใจอย่างไม่พอใจออกมาเฮือกใหญ่ และหยิบเตาหลอมกลั่นขนาดเล็กสีทองใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าวิเศษในอ้อมแขนของมัน พร้อมวางไว้กับพื้นตรงหน้า จึงค่อยกล่าวว่า
“อีดฉีดเพลิงพิภพเก้าดุษณีลงไปได้เลย!”
เซียถงทำตามที่หลิวซูชี้แนะ ทันทีที่อัดฉีดเพลิงพิภพเก่าดุษรีกลุ่มหนึ่งลงไป เตาหลอมโอสถสีทองก็เปล่งแสงสว่างโชติช่วงออกมา จากเดิมที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ ก็ขยับขยายจนกลายมาเป็นเจาหลอมโอสถขนาดใหญ่ ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของเพลิงพิภพเก้าดุษณีแผดผลาญ ส่งผลให้เตาหลอมโอสถใบนี้เปล่งแสงสีทองแพรวประกายสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่!
เซียถงมุ่จิตสมาธิทั้งหมดให้ความสนใจอยู่กับการควบคุมเพลิงหลอมกลั่น ผนวกกับเสี่ยวฮั่วที่ร่วมใส่วัตถุดิบสมุนไพรนานาชนิดลงไปตามลำดับช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง ทุกกระบวนเคลื่อนไหวล้วนเป็นไปด้วยความประณีตบรรจงถึงขีดสุด
เมื่อเซียถงเปิดฝ่าและหยิบโอสถที่หลอมกลั่นเสร็จสิ้นขึ้นมาเชยชม ก็ต้องประหลาดใจยิ่งยวดเมื่อค้นพบว่า โอสถนี้เป็นถึงโอสถระดับเก้าขั้นสูงสุด! และนี่ยังเป็นโอสถที่กอปรขึ้นจากสมุนไพรหายากล้ำฟ้ากว่าหลาบสิบชนิดรวมกัน ซึ่งกล่าวได้เดลยว่า โอสถระดับเก้าขั้นสูงสุดนี้เพียงเม็ดเดียว สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับเมืองได้ทั้งเมือง!
ทุกสายตาต่างจับจ้องโอสถเม็ดนี้เป็นประกาย แม้แต่เสี่ยวฮั่วเองก็ยังคาดมไม่ถึงว่า เขาจะสามารถช่วยให้เซียถงประสบความสำเร็จถึงระดับนี้ได้จริงๆ! เพราะเดิม การที่นางสามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นได้ นี่ก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่เกิดจริงมากแล้ว แต่ก็พึงทราบ คุณภาพของโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าเม็ดนั้นเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น แน่นอนมันเองก็ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน เซียถงจะสามารถหลอมกลั่นโอสถระดับเก้าขั้นสูงสุดขึ้นมาได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์เฉกเช่นนี้ที่ทุกอย่างดูจะไม่อำนวยแก่นางเลย!!
ทันใดนั้น จู่ๆ เสี่ยวฮั่วก็ถลึงตาโตตื่นตระหนกยิ่งยวด รีบขวับเอ่ยถามกับเซียถงด้วยความเหลือเชื่อว่า
“ไม่จริง…หรือว่า…ท่านกลายมาเป็นจักรพรรดิโอสถแล้ว?”