ตอนที่581 กองทัพสัตว์อสูร (1)
ตอนที่581 กองทัพสัตว์อสูร (1)
ไป๋หลี่เย่กว้านสายตาจับจ้องไปยังเหล่าทหารตงลี่ที่สิ้นชีพเสียชีวิตเกลื่อนกลาดรอบแล้วเล่า เขาชักจะเริ่มรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูราวกับเจ้าตัวมิสามารถทนได้ต่อการสูญเสียที่ต้องนำจ่ายครั้งมหาศาลเฉกเช่นนี้ได้
ไป๋หลี่เย่ชำเลืองมองอยู่ซ้ำไปวนมา ปั้นสีหน้าเคร่งเครียดคิดไม่ตกอยู่หลายรอบ จำนวนทหารตงหลี่ที่สูญเสียไปกับศึกสมรภูมิครั้งนี้นับว่าเป็นราคาแพงลิบลิ่ว กล่าวคือ เขานำทัพมาจำนวนหนึ่งแสนนาย ในปัจจุบันเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว!
อย่างไร สภาพของฝ่ายไป๋หลี่หานในเวลานี้ก็หาใช่ดูดีนัก กำลังทหารของเขาเหลือแค่หลักร้อยต้นแล้ว กระทั่งเจ้าตัวเองยังสาหัส เนื้อตัวอาบย้อมกลายเป็นสีเลือดแดงฉาน และเนื่องด้วยความฉูดฉาดกผนวกกับแววความเย็นชานี้ ทำให้เขาดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
เซียถงเฝ้ามองไป๋หลี่หานจากทางไกล จากจุดนี้นางสามารถมองเห็นอีกฝ่ายท่ามกลางฝูงชนวงน้อยได้อย่างชัดเจน
แต่ ณ ปัจจุบันขณะ ไป๋หลี่หานผู้นี้เองก็ทำให้นางหัวใจเต้นแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นว่า ผมยาวสลวยของเขาที่แต่เดิมเป็นสีดำขลับดุจน้ำหมึก ตอนนี้กลับมีปอยผมจำนวนหนึ่งข้างขมับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเสียแล้ว
ซึ่งนี่เป็นผลจากการหยิบยืมพลังจากแกนแท้โลหิตมาใช้มากเกินขีดจำกัด!
และเพื่อช่วยฉีหมิงเยว่ให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง เซี่ยหลู่เฟิง ผู้เป็นพี่ชายของเซียถง ก็ยังตัดสินใจหยิบยืมพลังจากแก่นแท้โลหิตมาใช้อีกคน และดูเหมือนนั่นจะถึงขีดจำกัดที่ร่างกายของเขารับไว้แล้วเช่นกัน ทั่วเนื้อทั่วตัวเกิดอาการสั่นเทาพลัน ปอยผมส่วนหน้าไล่ตั้งแต่ขมับซ้ายยันขวากลายเป็นสีขาวโพลนปนเทา แต่อย่างไร การเปลี่ยนแปลงนี้ที่ก่อเกิดเซี่ยหลู่เฟิงเป็นเพียงผลชั่วคราวเท่านั้น เพราะยังมีฤทธิ์โอสถที่เซียถงเคยหลอมกลั่นให้ช่วยพยุงสนับสนุน แตกต่างจากไป๋หลี่หานที่เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถาวร เซียถงผู้ซึ่งเป็นถึงจักรพรรดิโอสถในเวลานี้ย่อมมองผ่านอ่านสภาวะของสภาพร่างกายของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว!
ขณะนี้เห็นว่า ไป๋หลี่เย่ได้บัญชาสั่งการออกไป นำกำลังทหารกว่าสามหมื่นนายที่เหลืออยู่ในขณะนี้ ผนวกกับอีกสามหมื่นนายที่กำลังเดินทางเข้ามาสมทบ เข้าปิดล้อมจู่โจมไป๋หลี่หานเป็นครั้งสุดท้าย!
แต่กระนั้น อาการบาดเจ็บที่ไป๋หลี่หานประสบอยู่ขณะนี้ค่อนข้างรุนแรงหนัก ไม่เพียงอาการสาหัสภายนอก แต่อวัยวะภายในเกือบทั้งหมดยังบอบช้ำเสียหายมาก เขากับเหล่าทหารที่เหลือไม่ว่าจะคิดหากลยุทธ์ใดเข้ารองรับต้านศึก ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่สามารถเสาะหาโอกาสตีฝ่าออกจากวงล้อมสังหารนี้ไปได้ และหากรั้งรอเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อกองหนุนอีกสามหมื่นนายของไป๋หลี่เย่มาถึง นั้นหมายถึงจุดจบ!
ยิ่งเซียถงเห็นดังนั้นก็ยิ่งกังวลอย่างยิ่ง แต่ทั้งเสี่ยวฮั่วกับหลิวซูต่างก็ถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน นางเพียงลำพังไม่สามารถล้างบางกองทหารจำนวนมหาศาลขนาดนี้ได้!
แต่ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏแสงสว่างสีม่วงจ้าจรัสวาบหนึ่ง เซียถงหันขวับเหลียวมองโดยไว
ก่อนพบว่าในตอนนี้ อาจเป็นเพราะช่วงเวลาเร่งด่วน จึงให้เสี่ยวฮั่วไม่มีเวลามาจำแลงกายเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ได้สมบูรณ์แบบ ส่วนลำตัวไล่ลงมาเป็นร่างเด็กน้อย ทว่าส่วนศีรษะยังคงรูปลักษณ์ของกิเลนดังเดิม! ซึ่งมันเองก็ยังไม่รู้ตัว!
ทันทีทันใด พลันรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆของเซียถงจับจ้องมุ่งใส่ เสี่ยวฮั่วถึงกับสะอึกไปชั่วขณะเมื่อหันมาเผชิญพบกับสายตาคู่นี้ กระทั่งน้ำเสียงสั่นที่เปล่งออกมายังอดประหม่ามิได้ มันในตอนนี้ดูจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก
“นายท่าน ไฉนถึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น?”
เสี่ยวฮั่วกล่าวน้ำเสียงรวนเรสับสนอยู่หลายส่วน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบจับเขากิเลนทั้งสองข้างบนศีรษะตนอย่างอดมิได้ สักครู่หนึ่ง ต้องรู้สึกประหลาดใจทันทีที่พบว่า มีเขากิเลนติดคู่หนึ่งติดอยู่บนนั้นจริงๆ และอึดใจต่อมา มันก็เร่งจำแลงกายใหม่ เพื่อจะพยายามเก็บเขากิเลนคู่นี้ลง
“อย่าขยับ!”
เซียถงส่งเสียงดังลั่นกะทันหัน ทำเอาเสี่ยวฮั่วชะงักหยุดยืนนิ่งด้วยความตกใจ!
ทั้งสองต่างมองหน้าสบตากันภายใต้แววความงุนงง และมิอาจคาดเดาได้เลยว่า เซียถงตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!
ดวงตาคู่สวยของเซียถงจ้องเสี่ยวฮั่วเขม็งอยู่เป็นเวลานาน ค่อยตัดสลับมองไปทางเนินเขาหิมะสุดขอบวิสัยทางไกล
เพราะหลิวซูเคยเชื่อมต่อรวมร่างกับเซียถงอยู่ครั้งหนึ่ง จึงทำให้มันพอจะสามารถคาดเดาได้ว่า นางกำลังคิดอ่านวางแผนอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน จู่ๆเซียถงก็เหินทะยานบินออกไปฟากฝั่งหุบเขาหิมะเหล่านั้นโดยไว เสี่ยวฮั่วกำลังจะเอ่ยปากร้องเรียก ก็ดันถูกหลิวซูยกมือขึ้นห้ามปรามเอาไว้ ส่วนดวงตายังคงมุ่งมองนางไม่คลาย
เสี่ยวฮั่วเหม่อมองแผ่นหลังของเซียถงที่ลุไกลออกห่าง พุ่งจากออกไปอย่างกะทันหัน มันเองยังไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน ด้วยความกระวนกระวายใจปนงุนงง จึงหันกลับมาถามหลิวซูอย่างช่วยมิได้ว่า
“นี่เจ้าคงรู้อะไรแล้ว? นายท่านกำลังไปไหน?”
หลิวซูแอบหัวเราะ
“นายท่านคนนี้คงมีความสามารถหลากหลายเกินไปกระมัง ถึงทำให้เจ้าลืมอะไรบางอย่างไป? นอกจากนักหลอมโอสถแล้ว ลืมไปแล้วรึว่านางยังเป็นใคร?”
และแทบจะเอ่ยเสียงผสานตอบโดยพร้อมเพรียง ทั้งเสี่ยวฮั่วและหลิวซูต่างโพล่งกล่าวขึ้นพลันว่า
“นักอัญเชิญอสูร! ทันทีที่สิ้นเสียง เซียถงก็ก้าวย่างเดินออกมาจากหุบเขาหิมะอีกครั้ง และตามรอยเท้าของเซียถงมาติดๆ เป็นเงาดำฝูงใหญ่ที่เคลื่อนทัพตรงออกมา ปรากฏเป็นรอยเท้าของเหล่าสรรพสัตว์หลากพันธุ์เกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นหิมะ
สิ่งแรกที่เห็นคือ เซียถงในชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์เป็นผู้นำขบวน โดยมีฝูงอสูรเสือดาวเหมันต์ที่ติดตามพ่วงท้ายอย่างเชื่อฟัง พวกมันมีจำนวนนับหลายสิบ แต่ละตนล้วนมีคมเขี้ยวยาวประดุจดาบคู่หนึ่งที่แหลมคมเป็นพิเศษ สายตาพชฌฆาตเหล่านั้นสาดฉายแววอำมหิตดุร้าย!
เบื้องหลังของฝูงอสูรเสือดาวเหมันต์ ยังมีอสูรสายพันธุ์น้ำแข็งอีกมากมายละลานสายตานับไม่ถ้วน! เซียถงขนกองทัพสัตว์อสูรยกขบวนมาทั้งหุบเขาหิมะ กล่าวคือ ภาพฉากถัดจากเซียถงลงไปล้วนถูกสีดำถมยาวสุดเส้นสายตาไกลโพ้น! ในบรรดาฝูงสัตว์อสูรเหล่านั้นมีทั้งระดับชั้น สัตว์อสูรปราณวิญญาณ อสูรวิญญาณจารย์ และยังรวมไปถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกหลายสิบตัว!
นี่ถือเป็นจำนวนตัวเลขที่เกินคณานับจนน่าตกใจ!
สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนถูกเซียถงสำแดงใช้ตราผนึกจักรพรรดิเทวะควบคุมให้อยู่ใต้อาณัติทั้งสิ้น และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่เคยเก็บไว้อยู่แล้วในห้วงมิติสัตว์อสูรนำมาเรียกใช้ แรกเริ่มเดิมที อาศัยเพียงความแข็งแกร่งจากจิตวิญญาณของนางย่อมไม่มีปัญญาทำเช่นนี้ แต่ด้วยตราผนึกจักรวรรดิเทวะที่ได้มาจากจางจู และคำชี้แนะของเสี่ยวฮั่ว ที่สอนให้นางนำห้วงความคิดของตนเข้ามาเชื่อมต่อกับห้วงมิติสัตว์อสูร จึงทำให้ขีดจำกัดด้านปริมาณสัตว์วิญญาณที่ทำสัญญาจึงถูกขยับขยายกว้างไพศาลจนแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไร้ขอบเขต!
เซียถงเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า ขอบเขตความสามารถของตนเองจะกว้างใหญ่ไพศาลถึงปานนี้ และต่อให้ตัดความสามารถในด้านอื่นๆทิ้งไปจนหมดสิ้น อาศัยเพียงทักษะบนเส้นทางแห่งนักอัญเชิญอสูรเพียงอย่างเดียว นางก็ย่อมสามารถเฉิดฉายได้ในผืนพิภพแห่งนี้อยู่ดี! และในบรรดานักอัญเชิญอสูรด้วยกันทั้งหมด นางเองก็มั่นใจ ตนคือระดับแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย!
ก่อนหน้านั้น เสี่ยวฮั่วเคยกล่าวกับนางเอาไว้ว่า เมื่อเปรียบเทียบนักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูรตัวจริงเสียงจริง ถึงแม้นางจะยังไม่มีพลังในการควบคุมอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ทีละจำนวนมากๆ หรือกระทั่งการทำสัญญากับเทพอสูรก็ตามที แต่ด้วยขีดจำกัดด้านจำนวนที่นางสามารถทำสัญญาได้อันเรียกได้ว่า มากมหาศาลจนเกือบไร้สิ้นสุด อาศัยจำนวนเข้าว่า นางย่อมสามารถพิชิตทวีปเทียนหลานได้ไม่ยาก!
เมื่อเห็นเซียถงนำขบวนกองทัพสัตว์อสูรตรงออกมาอย่างสง่าผ่าเผย เสี่ยวฮั่วถึงกับหัวเราะลั่นทันที และอย่างหลิวซูที่โดยปกติจะไม่ค่อยเอ่ยปากหรือแสดงท่าทีชื่นชมนางเท่าไหร่นัก ในตอนนี้ยังต้องยกนิ้วโป้งให้นางและกล่าวว่า
“ไม่เพียงแต่จะเป็นจักรพรรดิโอสถ เจ้ายังเป็นจักรพรรดิอสูรอีกด้วย!”
เสี่ยวฮั่วได้เห็นภาพฉากนี้ก็อดมีความสุขขึ้นมามิได้ สักครู่ค่อยเอ่ยถามเซียถงขึ้นว่า
“คิดจะใช้กองทัพสัตว์อสูรนับหมื่นนี้ ลอบจู่โจมใส่พวกทหารกระมัง?”
เซียถงส่ายหัวและกล่าวว่า
“ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนอีกต่อไป! ข้าจะแสดงให้พวกมันได้เห็น…ถึงขุมพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า!”