ตอนที่623 ผู้พิทักษ์แห่งทวีปจวิ๋นเทียน (1)
ตอนที่623 ผู้พิทักษ์แห่งทวีปจวิ๋นเทียน (1)
คลื่นยักษ์มหาวิบัติกำลังมาแล้วจริงๆ!
ในปัจจุบัน ชาวจวิ๋นเทียนบางคนกำลังปิดประตูหน้าต่างขังตัวเอาอยู่ในบ้านกับครอบครัว และช่วยกันสวดมนต์ขอพรต่อสรวงสวรรค์ บ้างก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดานคล้องแขนกันและกันอยู่บนขอบผา ช่วยกันระดมพลังกางม่านปราการป้องกันหวังต้านรับคลื่นยักษ์มหาวิบัติที่ใกล้จะมาถึงอย่างหาญกล้าเด็ดเดี่ยว
เซี่ยหลู่เฟิงและหลัวซีต่างช่วยกันเฝ้าพิทักษ์อยู่เคียงข้างฮูหยินหลี่ไม่ห่างกาย พวกเขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า พวกตนจะต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ในทีแรก เมื่อได้ยินว่าพบเจอเบาะแสของเซียถงอยู่ในทวีปจวิ๋นเทียน ประจวบเหมาะกับที่นายน้อยจวิ๋นส่งคนมาเทียบเชิญ ทั้งคู่จึงตัดสินใจออกเดินทางมาที่นี่โดยไม่มีลังเล ทว่าใครหรือจะคาดคิด ตลอดสามเดือนที่ผ่าน ไม่เพียงจะไร้ซึ่งเบาะแสใดๆคืบหน้า ตอนนี้ยังดวงซวยยิ่งนัก ต้องมาเผชิญพบกับคลื่นยักษ์มหาวิบัติครั้งประวัติการณ์!
สีหน้าการแสดงออกของฮูหยินหลี่ดูหวาดกลัวเล็กน้อย แต่นางก็ไม่คิดจะหนีไปไหนเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า ทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้เป็นดั่งบ้าน ดังนั้นหากตอนนี้เหล่าชาวจวิ๋นเทียนที่เปรียบเสมือนสมาชิกครอบครัวกำลังตกอยู่ในอันตราย นางจะไม่มีวันเห็นแก่ตัว ทอดทิ้งบ้านหลังดังกล่าวไปเพียงลำพัง
เซี่ยหลู่เฟิงกุมมือฮูหยินหลี่เอาไว้แน่น
“ท่านป้าหลี่ไม่ต้องเป็นห่วง! ข้าจะปกป้องท่านเอง!”
ตัดมาอีกด้านหนึ่ง อีกเพียงไม่กี่สิบอึดใจ คลื่นยักษ์มหาวิบัติตรงหน้าก็จะตรงมาถึง หงอวี๋ตอนนี้ใบหน้าถอดสีซีดเผือดไปเสียหมด นางหันศีรษะขวับมุ่งมองจวิ๋นเส้า จับมือของชายอันเป็นที่รักแน่นอย่างไม่มีเก้อเขินใดๆ เพราะนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำอะไรแบบนี้ ถึงน้ำเสียงจะสั่นกลัวเกินควบคุม แต่นางก็ยังฝืนยิ้มกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนส่งมอบว่า
“นายน้อยจวิ๋น พวกเรา…จะรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้หรือไม่?”
จวิ๋นเส้าตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจับหลังมือหงอวี๋ตอบพลางลูบปลอมประโลมเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า
“อย่ากลัวไปเลย พวกเราต้องผ่านพ้นไปได้แน่นอน!”
คล้ายสัมผัสได้ว่าเรียวมือน้อยๆของหงอวี๋กำลังสั่นเทา เขาจึงถามขึ้นอีกครั้งว่า
“หงอวี๋ เจ้ากลัวความตายหรือไม่?”
หงอวี๋ส่ายหัวตอบโดยไม่คิด สบสายตากับจวิ๋นเส้าเผยถึงแววความมุ่งมั่นที่แกร่งกร้าวขึ้นหลายส่วน กล่าวตอบวาจาเด็ดเดี่ยวกลับไปว่า
“หงอวี๋คนนี้ไม่กลัวความตาย ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างกับท่าน ต่อให้เส้นทางเบื้องหน้าคือนรกอเวจี ข้าก็ไม่กลัว!!”
ไม่ทราบเพราะเหตุใด เมื่อได้ฟังวาจาประโยคนี้ของนาง จวิ๋นเส้าพลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นจึงสวมกอดหงอวี๋ในไว้อ้อมแขนของเขาไว้แน่น!
แต่ในเวลานี้เอง กลับไม่มีเวลาหรือกระทั่งโอกาสใดๆหลงเหลืออีกต่อไป คลื่นยักษ์แห่งความบ้าคลั่งผู้มาเยือนในนามของความตายได้มาถึงเบื้องหน้าของพวกเขาทุกคนแล้ว!
สังเกตเห็นได้จากทางไกล หมู่เกาะน้อยใหญ่ที่อยู่เรียงรายเป็นระเบียบตรงหน้าเริ่มทยอยถูกโค่นทำลายล้าง ถูกคลื่นมหาวิบัตินี้กวาดล้างชำระล้างวับในพริบตา!และมวลน้ำหนักของคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาดูไม่มีทีท่าลดทอนกำลังลงใดๆ และกำลังพุ่งเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วดุจกระทิงคลั่ง!
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น หมู่เกาะจำนวนกว่าหลายร้อยวินาศยับกลายเป็นผุยผง!
ดูเหมือนว่า…พวกเขาจะไม่สามารถฟันฝ่าอุบัติภัยธรรมชาติครั้งนี้ไปได้แล้วจริงๆ!
ลมพายุโหมกระหน่ำพัดใส่ เส้นผมเสื้อผ้าโบกสะบัดปลิดปลิว ดวงตาของเหล่าผู้คนชาวจวิ๋นเทียนที่เคยมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ยามนี้ถูกความสิ้นหวังกลืนกินไปจนหมดสิ้น!
กระแสวารียังไม่ทันถาโถมมาถึง แต่เพียงละอองน้ำที่กระเซ็นสาดเข้าหาก็ทำเอาเสื้อหน้าผมของทุกคนเปียกโชก พริบตานั้น คลื่นยักษ์มหาวิบัติมาเยี่ยมเยือนถึงต่อหน้าทุกคนแล้ว ชาวจวิ๋นเทียนทั้งมวลล้วนข่มตาหลับสนิทด้วยความขมขื่นและสิ้นหวังอย่างแท้จริง!
ทว่าอย่างไร จู่ๆก็มีลมพายุคลั่งอีกสายหนึ่งพุ่งเข้าปะทะชน ต้านรับคลื่นยักษ์มหาวิบัติเอาไว้มิให้ถล่มล้างบางลงมา!
หนึ่งอึดใจ…
สองอึดใจ…
สามอึดใจ…
แปลกมาก! ไฉนพวกเขาถึงยังไม่รู้สึกถึงมวลน้ำมหาศาลที่ทะลักทลายเข้ามา?!
เมื่อจวิ๋นเส้าเบิกตาโพล่งขึ้นในบัดดล สิ่งที่เห็นตรงหน้า ณ ตอนนี้ มันจะกลายมาเป็นภาพฉากที่เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!
นั้นคือ เซียถงในชุดแพรพรรณพลิ้วไสวสีขาว พร้อมกับวงแหวนอาคมสีเงินประกายเจิดจรัสในมือ นางกำลังกางเกราะแสงลมปราณขยับขยายออกไปให้กว้างไพศาลที่สุดเพื่อป้องกันมิให้มวลน้ำไหลบ่าลงมา! ม่านพลังสีเงินประกายจัดจ้าน ก่อตัวขึ้นกลายเป็นกำแพงโปร่งแสงระยิบระยับขนาดมหึมา แบ่งฟ้าดินเป็นสองซีกส่วน ด้านบนเป็นมวลน้ำเชี่ยวกราดที่หาทางถล่มลงมา ส่วนเบื้องล่างเป็นทวีปจวิ๋นเทียนทั้งมวลที่ยังสงบปลอดภัย!
เซียถงสามารถหยุดคลื่นยักษ์มหาวิบัตินี้ได้!!
“เซียถง!”
“เซียถง!!”
ในเวลาเดียวกัน นามขาน เซียถง ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วผืนพิภพ!
หลังจากที่นางสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์เบื้องต้นได้แล้ว นางก็เอื้อมมือไปหยิบปิ่นปักผมหยกขาวชิ้นหนึ่งออกจากมวยผม! ซึ่งปิ่นปักผมชิ้นนี้ทำมาจากหยกขาวบริสุทธิ์ทั้งแท่ง และหากสังเกตให้ดีรูปร่างของมันดูคล้ายกับมังกรที่สมจริงอย่างยิ่ง!
นางยกขึ้นมาโบกนิดสะบัดหน่อย ปิ่นปักผมหยกชาวรูปมังกรชิ้นนี้ก็เริ่มเคลื่อนไหว และเมื่อโยนมันออกไปกลางอากาศ มันก็เปล่งแสงสีขาวสว่างไสวเจิดจ้า!
ปิ่นปักผมหยกขาวชิ้นนี้กลายร่างเป็นมังกร ค่อยๆขยับขยายร่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆกลางเวหา จนท้ายที่สุดก็จำแลงกลายเป็นมังกรฟ้าตัวจริงเสียงจริง ขุมพลังอำนาจสุดหยั่งถึงแพร่สะพัดเข้าข่มคลื่นยักษ์สกัดเอาไว้ และเมื่อมังกรตนนี้แผดเสียงคำรามออกมาเท่านั้น ก็สามารถลดทอนท้องทะเลที่บ้าคลั่งลงได้กว่าสามส่วน!
เสียงมังกรคำรามดังสนั่นแซ่งซ้อนไปทั่วฟ้าดิน กระทั่งก้นบึ้งหัวใจของทุกคนเบื้องล่างยังอดรู้สึกสั่นสะท้านมิได้!มังกรตนหนึ่งกับอีกหนึ่งหญิงสาวกำลังผนึกกำลังช่วยกันหยุดคลื่นยักษ์มหาวิบัติครั้งประวัติการณ์อยู่กลางเวหา ณ ขณะนี้!
ช่างเป็นภาพฉากที่เหนือจินตนาการโดยแท้จริง!
มังกรเหินทะยานพุ่งทะลุมวลน้ำคลั่ง ผงาดสู่ฟากฟ้าสูงสุด จากนั้นค่อยดิ่งพสุธาลงมา ยิงวายุคลั่งตลบใหญ่เข้าฝ่า ณ ใจกลางคลื่นยักษ์จนแยกออกเป็นสองส่วนในพริบตา!เป็นเวลาเดียวกับที่หัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น กลั้นกลืนอยู่ในลำคอแทบพุ่งทะลุออกมา บรรยากาศทั่วบริเวณนั้นเสมือนก่อตัวเป็นความเย็นจัด เสียวสันหลังวาบขนลุกซู่วยันหนังศีรษะ!
ทั้งที่มีคนนับล้านยืนอยู่บนเกาะหลัก ณ ที่แห่งนี้ แต่กลับปราศจากสุ้มเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา หากคมเข็มสักเข็มร่วงตกพื้นคงได้ยินเสียงแหลมกังวานดังชัดเจน!
เซียถงค่อยๆคลายวงแหวนอาคมในมือปลดออก เปิดม่านรับแสงอาทิตย์อัสดงให้สาดส่อง ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างรู้สึกราวกับได้ตายและเกิดใหม่อีกครั้ง!
คลื่นยักษ์มหาวิบัติได้ผ่านพ้น! ทวีปจวิ๋นเทียนปลอดภัยแล้ว!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนแต่เหนือจินตนาการของทุกคนไปไกลโพ้นเกินรับรู้ได้ ประแรกคงเป็น เรื่องเซียถงสามารถเข้าสกัดคลื่นยักษ์ที่มาทำลายล้างทวีปจวิ๋นเทียนทั้งทวีปได้ด้วยตัวคนเดียว! และต่อมา จู่ๆก็มีมังกรฟ้าในตำนานปรากฏกายขึ้นกลางเวหานภากาศ! และหนึ่งตนกันอีกหนึ่งคนก็ได้ผนึกกำลังร่วมมือกับปราบปรามคลื่นยักษ์ลงได้สำเร็จ!
ในเวลานี้เอง มังกรตนนั้นก็ทะยานพุ่งผ่านมวลเมฆา ร่างกายค่อยๆหดเล็กลงจนกลายมาเป็นปิ่นปักผมหยกขาวดังเดิมในมือเซียถง นางหยิบมันขึ้นมาทัดบนม้วนผมบนศีรษะดังเดิม
เซียถงกวาดสายตาจับจ้องไปยังรอยยิ้มของทุกคนที่อยู่ใต้ร่าง แต่ทันทีที่เห็นเซี่ยหลู่เฟิงอยู่ที่นี่ด้วย สายตาคู่นั้นของนางก็ฉายสะท้อนแววความกังวลออกมาพลัน!
ภายหลังตกค่ำคืนนั้น เซี่ยหลู่เฟิงเดินทางมาหาเซียถงถึงเรือนนอนของนาง
“ไม่ใช่ว่าท่านต้องติดตามช่วยเหลือเขาอยู่ตลอดหรอกรึ?”
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เซียถงคอยเฝ้าติดตามข่าวสารของทางนั้นอยู่ไม่ห่างเช่นกัน และได้รู้ว่า ตอนนี้เซี่ยหลู่เฟิงได้รับความไว้วางใจจากไป๋หลี่หานจนกลายมาเป็นมือขวาของอีกฝ่ายแล้ว ทั้งยังควบตำแหน่งจอมทัพใหญ่แห่งจักรพรรดิเซียอีกด้วย ถึงกระนั้น ไฉนเจ้าตัวถึงมาโผล่ที่ทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้ได้? เกิดอะไรขึ้นกับทางนั้นแน่…
เซี่ยหลู่เฟิงพยายามสงบสติอารณ์ของตนโดยไว และกล่าวว่า
“ไม่จำเป็น! สำหรับน้องสาวของข้าคนนี้ ยังมีใครสำคัญกว่าเจ้าอีก? ไม่ได้พบกันตั้งหนึ่งปีเต็ม เจ้าสบายดีหรือไม่? ก่อนหน้านี้ หลัวซีได้เบาะแสมาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วนายน้อยจวิ๋นเองก็ส่งคนมาเชิญเช่นกัน ก็ว่าพอดีเลย! ข้าจึงรีบมาหาเจ้าให้หายคิดถึง!”
แน่นอน เซียถงย่อมไม่เชื่อคำพูดประโยคนี้ของเซี่ยหลู่เฟิงแน่นอน เพราะนางรู้จักพี่ชายคนนี้ดีกว่าใคร! เซี่ยหลู่เฟิงไม่เคยโกหกใครมาก่อน ดังนั้น แค่เขาพยายามจะปกปิดเรื่องอะไรสักเรื่อง นางก็สามารถจับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้แล้ว!