หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 45 บุพเพในอดีตไม่ยินยอมออกเรือน

หวนคืนชะตาแค้น

เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจมากเกินไป สองพี่น้องรีบรุดกลับไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ตอนที่มู่หลิงเกิดเรื่องขึ้น มู่ฉังหมิงสามารถมาที่วัดเป้ากั๋วเพื่อช่วยเขาจากองค์หญิงใหญ่ได้ทันท่วงที ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าวัดเป้ากั๋วนั้นไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากนัก

หวดแส้เพื่อเพิ่มความเร็วม้า ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม มู่เชินและมู่ชิงอีก็กลับมาถึงจวนซู่เฉิงโหว มู่ฉังหมิงและเกอซูฮั่นยังคงนั่งรออยู่ในโถงรับรอง มู่ฉังหมิงกำลังจิบชาด้วยท่าทางสงบ แต่เกอซูฮั่นที่นั่งอยู่อีกฝั่งกลับขมวดคิ้วมุ่น เห็นได้ชัดว่ากำลังร้อนใจกับความเงียบนี้ ถัดจากมู่ฉังหมิงคือมู่ฮูหยินผู้เฒ่าผู้ที่ไม่ค่อยได้ย่างกรายออกมาจากเรือน นอกจากนี้ยังมีอนุซุน แม้แต่มู่อวิ๋นหรงก็มาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นมู่ชิงอีเดินเข้ามา นางก็มองมู่ชิงอีด้วยแววตาชิงชัง

ชิงอีคารวะท่านย่า ท่านพ่อ เลี่ยอ๋องเพคะ มู่ชิงอีก้าวไปข้างหน้าย่อตัวคำนับอย่างอ่อนช้อยงดงาม

เกอซูฮั่นมองไปที่มู่ชิงอีด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า คุณหนูสี่ไม่จำเป็นต้องสุภาพ

ทุกคนล้วนตกตะลึงกับรอยยิ้มอ่อนโยนนี้ ถึงแม้ปกติเลี่ยอ๋องมักจะยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มเหล่านั้นมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกขนหัวลุก แต่ในยามนี้รอยยิ้มขนหัวลุกกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน รอบยิ้มเช่นนี้คงทำให้หญิงสาวที่พบเห็นเขินอายอย่างแน่นอน

ขอบพระทัยเลี่ยอ๋องเพคะ

คุณหนูสี่ เลี่ยอ๋องเสด็จมาที่จวนเป็นการส่วนตัว กล่าวว่าเขาต้องการสู่ขอคุณหนูสี่ไปเป็นพระชายา คุณหนูสี่นี่ก็จริงเชียว หากเจ้าชอบพออยู่กับเลี่ยอ๋อง พวกเราที่เป็นผู้อาวุโสมีหรือที่จะไม่เห็นด้วย เหตุใดต้องปิดบัง เจ้าทำให้นายท่านกับฮูหยินผู้เฒ่าเป็นกังวลแล้ว อนุซุนกล่าวอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงเสียดแทง ความนัยในประโยคเหล่านั้นทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกฟังไม่เข้าหูเท่าไรนัก

มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เฉยเมยว่า คำกล่าวของอนุซุนเกรงว่าจะผิดแล้ว คำพูดที่ว่า ‘ผู้อาวุโสมีหรือที่จะไม่เห็นด้วย’ หมายความว่าเช่นไรหรือเจ้าคะ อนุซุนอยู่ในจวนมาตั้งหลายปียังไม่รู้อีกหรือว่าสิ่งที่จับต้องได้ยากมากที่สุดสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็คือความชอบพอที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย อนุซุนพูดถึงความชอบพอระหว่างใครกัน ความสุขอะไรกัน หรือว่าเมื่อก่อนนั้นข้ากับหนิงอ๋องต่างก็ชอบพอกันสเน่หาต่อกันหรือ

เรื่องของความรักความชอบพอที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่ายนั้นฟังดูราวกับจินตนาการอันแสนสุข แต่ที่แปลกก็คือ เหตุการณ์ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองสองคนกลับถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียสำหรับสตรีสูงศักดิ์ บุตรีสูงศักดิ์จึงควรเก็บไว้ในห้องส่วนตัวให้ลึกที่สุดโดยไม่ให้ออกจากจวน เช่นนี้แล้วผู้ใดจะมีความสุขกัน

เจ้า! อนุซุนดึงผ้าหน้าในมือไปมาด้วยความเกลียดชัง มู่ชิงอีนับวันก็ยิ่งเป็นหญิงสาวร้ายกาจ

ท่านแม่กล่าวอะไรผิดเช่นนั้นหรือ หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าไปดิ้นรน เหตุใดเขาถึงมาสู่ขอเจ้าเป็นการส่วนตัวได้เล่า มู่อวิ๋นหรงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้

อวิ๋นหรง?

ซู่…ลมเย็นพัดผ่านไป มู่อวิ๋นหรงสัมผัสได้เพียงแสงสีเงินวาบผ่านต่อหน้าต่อตาของตน ปลายกระบี่สีเงินหยุดลงตรงหน้าของนางราวกับจับวาง มีเส้นผมสีดำดุจเส้นไหมอยู่บนนั้น ปอยผมของมู่อวิ๋นหรงที่แต่เดิมนั้นอยู่ตรงหน้านางก็ขาดออกไปจริงๆ

กรี๊ด มู่อวิ๋นหรงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจทันที

หุบปาก! เกอซูฮั่นพูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ดวงตาสีม่วงเข้มจับจ้องไปที่มู่อวิ๋นหรงอย่างเย็นชา เมื่อครู่นั้นเจ้าพึ่งจะพูดว่าอะไรนะ ไหนลองพูดให้ข้าผู้นี้ฟังอีกสักครั้งสิ

ท่าน…ท่านกล้าอย่างนั้นหรือ! ข้าเป็นถึงคู่หมั้นของหนิงอ๋องเชียวนะ! มู่อวิ๋นหรงร้องตะโกนอย่างเย่อหยิ่งแต่ใบหน้ากลับดูซีดเซียว

เกอซูฮั่นยิ้มเยาะแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเหยียดหยาม แล้วตอนนี้เจ้าได้เป็นพระชายาหนิงแล้วหรืออย่างไร หนิงอ๋องยังสามารถเปลี่ยนคู่หมั้นคู่หมายได้ตลอดเวลา

เลี่ยอ๋อง ท่าน… มู่ฉังหมิงขมวดคิ้วกล่าว

เกอซูฮั่นพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เก็บกระบี่แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พูดขึ้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์หญิงหมิงเวยกล่าวว่าบุตรชายและบุตรีอนุภรรยาจวนซู่เฉิงโหวจำเป็นต้องได้รับการอบรมสอนสั่งที่ดี ส่วนมู่หรงอานเองก็ใช่ย่อย…ข้าผู้นี้จดจำได้ว่าทั้งมู่หรงอานและคุณชายรองของพวกเจ้าเป็นต้วนซิ่วไม่ใช่หรือ เหตุใดจวนซู่เฉิงโหวถึงยกหญิงสาวที่น่ารังเกียจคนนี้ให้เขาเล่า หากส่งคุณชายรองไปแทน ไม่ใช่ว่าเพียงแค่นี้ก็จบเรื่องแล้วหรือ

คำพูดเหล่านี้ ช่างหยาบคาบเสียจริง!

มู่ฉังหมิงพลันตัวแข็งทื่อใบหน้ามืดมน แม้แต่มู่ฮูหยินผู้เฒ่า อนุซุนและมู่อวิ๋นหรงเองล้วนมีท่าทีราวกับว่าพวกเขากำลังจะอาเจียนออกมาเป็นโลหิต ใบหน้าของมู่เชินที่ยืนอยู่ข้างๆ เดี๋ยวก็เขียวเดี๋ยวก็ม่วงอย่างตกใจ

เจ้า… มู่อวิ๋นหรงตัวสั่นอย่างเดือดดาล

หุบปาก! เกอซูฮั่นกล่าวอย่างดุดันไร้ซึ่งมารยาทใด ข้าไม่ได้มาเพื่อสนทนาเรื่องไร้สาระกับเจ้า คุณหนูสี่ ข้าผู้นี้มาสู่ขอเจ้าในวันนี้อย่างจริงใจ ไม่ทราบว่าคุณหนูสี่รู้สึกเช่นไร

มู่ชิงอีหลุบตาลง กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของเลี่ยอ๋อง แต่…ชิงอีเกรงว่าจะไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ

เกอซูฮั่นขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่านางจะบอกปฏิเสธ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง เพราะเหตุใดกันเล่า

มู่ชิงอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า ชิงอีไม่ต้องการออกจากแคว้นหวาเพคะ

ตนยังช่วยพี่ใหญ่ไม่ได้ แล้วจะออกจากแคว้นหวาอย่างปล่อยวางความแค้นนี้ได้อย่างไร

หากฮ่องเต้ของพวกเจ้าเห็นด้วยเล่า หากข้าไปขอให้เขาแต่งตั้งเจ้าให้เป็นองค์หญิง หากเป็นเช่นนั้น เจ้าต้องการหรือไม่ เกอซูฮั่นกล่าว

มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้น จ้องมองเกอซูฮั่นพลางพูดอย่างจริงจังว่า ชิงอีไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องสานสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น และเป็นการยากที่ชิงอีจะออกจากบ้านเกิด แต่หากเลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นต้องการตัวชิงอีให้ได้ เช่นนั้นชิงอีก็เต็มใจ…

ทุกคนล้วนคิดว่านางกำลังจะตอบตกลง แต่คำถัดมาเอ่ยขึ้นเสียงเบาราวกระซิบ พลีชีพเพื่อแคว้น

ฟังราวกับว่าจะเป็นการตอบตกลง แต่หากคิดดีๆ ‘พลีชีพเพื่อแคว้น’ สี่คำนี้แล้ว ก็ฟังราวกับว่าไม่ต้องการออกเรือน แต่เห็นได้ชัดว่าเกอซูฮั่นนั้นเข้าใจความหมายของมู่ชิงอี จ้องมองไปที่มู่ชิงอีเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ได้มีทีท่าโมโหอย่างที่ทุกคนคาดคิด หลังจากนั้นก็เบนสายตามองไปที่มู่ฉังหมิงแล้วกล่าวว่า ท่านโหว ข้าสามารถแยกออกไปพูดคุยกับคุณหนูสี่เป็นการส่วนตัวได้หรือไม่

เดิมทีมู่ฉังหมิงไม่เห็นด้วย แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ พยักหน้ากล่าวว่า เชิญเลี่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ

มู่ชิงอีและเกอซูฮั่นเดินเคียงไหล่อยู่ในสวนของจวนซู่เฉิงโหว ข้างหลังพวกเขา จูเอ๋อร์และบ่าวรับใช้ของจวนซู่เฉิงโหวติดตามมาอย่างใกล้ชิด เป็นเพราะเกอซูฮั่นต้องการพูดคุยส่วนตัวกับมู่ชิงอีคนเดียว และไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธคำขอของเขา มู่ฉังหมิงจึงส่งผู้ติดตามมากมายเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยเข้าใจผิดเอาได้

น่าเสียดายที่เป็นเพราะข่าวที่นางเพิ่งรับรู้มาได้ไม่นานมานี้ หัวใจจึงด้านชาปกคลุมไปด้วยความแค้น จึงไม่สามารถรู้สึกซาบซึ้งต่อความช่วยเหลือนี้ของมู่ฉังหมิงได้

เกอซูฮั่นหมุนตัวหันหน้าเข้าหามู่ชิงอี ก้มศีรษะลงจ้องหน้านางด้วยดวงตาที่หรี่ลง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจท่าทีเมินเฉย เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้สึกสนใจ

หาได้ยากเสียจริง คนที่นิ่งสงบต่อหน้าเขาได้ถึงเพียงนี้

เหตุใดเจ้าถึงไม่ต้องการออกเรือนไปกับข้า เกอซูฮั่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถามกลับ เหตุใดท่านอ๋องถึงต้องการสมรสกับหม่อมฉันหรือเพคะ

ข้าไม่ได้กำลังจ้องมองเจ้าอยู่หรอกหรือ

ท่านอ๋องอยากจะพูดว่า ท่านตกหลุมรักชิงอีตั้งแต่แรกพบหรือเพคะ

แล้วจะเป็นไปไม่ได้? เกอซูฮั่นยกมือลูบปลายคางกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า

มู่ชิงอีส่ายหน้าเบาๆ เลี่ยอ๋องคิดว่าชิงอีโง่เขลาหรือเพคะ ต้องโง่งมขนาดไหนถึงจะเชื่อว่าเกอซูฮั่นนั้นตกหลุมรักนางจากการพบหน้ากันที่จวนกงอ๋องเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมื่อฟังจากคำของหรงจิ่นแล้ว เกอซูฮั่นจะต้องตัดสินใจที่จะสมรสกับนางก่อนเรื่องที่จวนกงอ๋องอย่างแน่นอน

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท