หรงจิ่นหันศีรษะกลับไปแล้วเลิกคิ้ว องครักษ์พูดเสียงเข้มว่า หากองค์ชายส่งชิงเอ๋อร์กลับไปตอนนี้ กระหม่อมกังวลว่าจะไม่มีบุคคลที่เหมาะสมไว้คอยปรนนิบัติรับใช้พระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ หรงจิ่นนั่งลงข้างเตียงแล้วพูดอย่างใจเย็น เด็กสาวนั่นใจใหญ่เกินไป หลังจากที่กลับไปไม่ต้องให้นางมาติดตามข้าอีก พบคนที่เหมาะสมค่อยส่งมาก็แล้วกัน
หลังจากฟังคำพูดของหรงจิ่นแล้ว องครักษ์ก็พลันเงียบปากทันทีไม่ร้องขออ้อนวอนแทนชิงเอ๋อร์อีก องค์ชายเก้าตรัสว่าปรนนิบัติดีก็คือดี ตรัสว่าปรนนิบัติไม่ดีก็คือปรนนิบัติได้ไม่ดีอย่างยิ่ง ติดตามองค์ชายเก้าปกตินั้นค่อนข้างสบายๆ ตกรางวัลมากมาย องค์ชายเก้าไม่ชอบให้คนรอบข้างทำให้เขาอารมณ์เสีย แต่เมื่อฝ่าฝืนกฏข้อห้ามขององค์ชายเก้าครั้งหนึ่งแล้ว นั่นก็มีเพียงความตายเท่านั้น และคำกล่าวที่ว่าใจใหญ่คำนั้น…องค์ชายเก้าเพียงประสงค์ที่จะส่งชิงเอ๋อร์กลับไปที่แคว้นเย่ว์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะคุณงามความดีของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้
หรงจิ่นไม่สนใจว่าจะมีเด็กสาวคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขาหรือไม่ เขาหยิบหนังสือขึ้นมาจากด้านข้างแล้วพลิกดูอย่างไม่ใส่ใจพลางถามว่า เรื่องจิ่วจ่วนหลิงหลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น
องครักษ์ส่ายหัวพร้อมเอ่ยขึ้น ข่าวนี้จู่ๆ ก็แพร่กระจายมาจากตลาด กระหม่อมให้คนออกไปตรวจสอบแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าข่าวนี้แพร่กระจายมาจากที่ใด ดูๆ ไปแล้ว…องค์ชายสี่เหมือนกับว่าต้องการจิ่วจ่วนหลิงหลงพ่ะย่ะค่ะ
หรงจิ่นยิ้มเย็นเหยียดหยามพร้อมกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้านำจิ่วจ่วนหลิงหลงกลับไปถวายแด่เสด็จพ่อ ไม่แน่ว่าหากเสด็จพ่อทรงพอพระทัยก็คงจะตกรางวัลด้วยการยกตำแหน่งไท่จื่อให้กับเขากระมัง องครักษ์ก้มหัวยืนตรงทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดที่ไม่ให้ความเคารพของหรงจิ่น
เขาคิดง่ายเกินไป หากมีจิ่วจ่วนหลิงหลงจริงๆ แคว้นหวาจะยินยอมให้เขานำมันออกจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ
องครักษ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า องค์ชายหมายความว่า…จิ่วจ่วนหลิงหลงนี้เดิมทีเป็นเพียงฉากหน้าหรือขอรับ
หรงจิ่นโบกมือพร้อมเอ่ยว่า ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงฉากหน้าหรือไม่ แต่ว่า…มันอาจจะแปลกเกินไปหน่อยที่จู่ๆ ตอนนี้ก็มีข่าวแพร่กระจายออกมา หากเจ้ามีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าจะนำมันออกมาโอ้อวดอย่างนั้นหรือ
องครักษ์ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า สมบัติล้ำค่าชนิดนี้สำหรับคนทั่วไปแล้วแทนที่จะบอกว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่สู้บอกว่ามันเป็นสมบัติที่เร่งคร่าชีวิตคงจะเหมาะกว่า ยามนี้สายเกินไปแล้วที่จะปกปิดมัน ผู้ใดกันที่เป็นคนกระพือข่าวนี้ ทันใดนั้นสมองของเขาก็คิดขึ้นมาได้ องครักษ์พูดขึ้น องค์ชายหมายความว่ามีใครบางคนต้องการใช้ประโยชน์จากจิ่วจ่วนหลิงหลงก่อความวุ่นวายภายในเมืองหลวงของแคว้าหวาไปจนก่อสถานการณ์ทั่วทั้งแคว้นหวาใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ
หรงจิ่นพยักหน้า เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ พูดช้าๆ ว่า คนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้…มีไม่มากนัก ทุกวันนี้ใต้หล้าสุขสงบร่มเย็น ทำแบบนี้คงจะไม่เป็นผลดีแน่ ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นคนของแคว้นหวาเองที่ลงมือทำเรื่องนี้
องครักษ์เมื่อได้ฟังก็มีสีหน้างงงวย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่องค์ชายของตนคิดอยู่ได้
หรงจิ่นโยนม้วนหนังสือในมือทิ้งลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า ในเมื่อไม่กระจ่างก็ไปถามคนที่เข้าใจแจ่มแจ้งดูสิ พญามังกรก่อกำเนิด หลิงหลงปรากฏ ผู้ที่มีวาสนาย่อมได้รับ? ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ผู้ใดที่นับว่าเป็นคนที่ถูกลิขิตไว้!
องค์ชาย ท่าน… เมื่อได้ยินเช่นนี้ องครักษ์ก็มองไปยังหรงจิ่นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นร้อนใจเล็กน้อย ร่องรอยของความสะอิดสะเอียนและหมดความอดทนก็ปรากฏบนใบหน้ารูปงามของหรงจิ่น พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ข้ารู้! เจ้าไม่ต้องกังวล ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีหรือไม่มี ในเมื่อข้าไม่สามารถช่วงชิงมันมาได้ แคว้นเย่ว์ผู้ใดก็อย่าคิดที่จะได้มันไป!
ภายในจวนซู่เฉิงโหว มู่ชิงอีนั่งอยู่ที่ข้างหน้าต่าง พลิกหน้าหนังสืออ่านฆ่าเวลาอย่างสบายอกสบายใจ เกิดความสับสนวุ่นวายที่ภายนอกแต่ความสบายอกสบายใจของมู่ชิงอีนั้นหาได้ยาก เมื่อมู่อวิ๋นหรงกลับมาที่จวนในวันนั้นถูกมู่ฉังหมิงห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก ให้คัดลอกพระคัมภีร์อยู่ภายในเรือนของตน สะใภ้ซุนก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับบรรดาบุตรของนางไม่มีเวลามาสร้างความยุ่งยากให้กับนาง มู่ชิงอีมีความสุขยิ่งนักที่ได้นั่งชมละคร ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้กลายเป็นคนที่มีความเงียบสงบและสุขสบายที่สุดในจวนซู่เฉิงโหว
คุณหนูสี่ ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านไปยังเรือนเต๋ออานเจ้าค่ะ ด้านนอกประตู สาวใช้น้อยคนหนึ่งรายงานด้วยเสียงเบา ขณะที่พูดก็ได้เหลือบมองมู่ชิงอีอย่างระมัดระวังสองสามครั้ง มู่ชิงอีไม่ได้สนใจ นางลุกขึ้นยืนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจพร้อมเอ่ยว่า แล้วข้าจะตอบว่าอย่างไรได้
สาวใช้น้อยเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าอีกไม่กี่วันจะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ ต้องการให้แม่นางสองสามคนมาตัดชุดใหม่ ให้คุณหนูสี่ไปเลือกผ้าสำหรับตัดชุดด้วยเจ้าค่ะ
พี่รองและพี่หญิงสามก็อยู่ที่นั่นด้วยหรือ มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น ตอนนี้มู่ชิงอีไม่มีความหวังให้มู่ฉังหมิงลงโทษมู่อวิ๋นหรงแล้ว แม้ว่าตอนนี้มู่ฉังหมิงจะปล่อยทั้งมู่อวิ๋นหรงและมู่หลิงออกมามู่ชิงอีก็ไม่รู้สึกแปลกใจ
แต่…หากเป็นเช่นนี้จริงๆ นางจะทำให้พวกมันน่าสมเพชกว่านี้อีก!
ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเถิด มู่ชิงอียิ้มเบาๆ บอกเป็นนัยให้จูเอ๋อร์มอบเงินสักหนึ่งตำลึงให้นางเป็นรางวัล สาวใช้น้อยเดินจากไปอย่างมีความสุข หลังจากที่คุณหนูสี่เปลี่ยนเป็นคนใจกว้างและร่าเริง ทำสิ่งใดก็ใจกว้าง เพียงแค่ทำงานให้คุณหนูสี่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ล้วนได้รับรางวัล ดังนั้นถึงแม้ในเรือนหลานจื่อจะมีบ่าวรับใช้ไม่มากนัก แต่ภายในจวนก็มีคนจำนวนมากที่เต็มใจทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้กับมู่ชิงอี
มู่ชิงอีเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเรือนเต๋ออาน เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็เห็นว่ามู่อวิ๋นหรง มู่อวี่เฟยและมู่สุ่ยเหลียนต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นแม้แต่มู่ฉังหมิง สะใภ้ซุนและมู่หลิงที่ไม่เห็นเขามาเป็นเวลานานก็อยู่ที่นี่ด้วย จวนซู่เฉิงโหวนั้นมีคนไม่มากนักนอกจากนายท่านรองมู่ฉังชิงและภรรยาของเขาที่ทำงานอยู่ด้านนอก สามารถกล่าวได้ว่าคนของทั้งจวนซู่เฉิงโหวนั้นได้อยู่ที่นี่แล้ว มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น
นี่ดูไม่เหมือนว่านางต้องมาเลือกผ้าสำหรับตัดชุดเลย
เนื่องจากมู่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องการที่จะพบมู่ชิงอี ทุกวันนี้มู่ชิงอีเพียงคำนับคารวะจากภายนอกเรือนเท่านั้นจึงไม่ได้เจอหน้ามู่ฮูหยินผู้เฒ่ามาหลายวันแล้ว หลังจากที่เกอซูฮั่นมาสู่ขอ ทุกครั้งที่มู่สุ่ยเหลียนเห็นมู่ชิงอีก็จะทำหน้าตาไม่น่ามองทุกครั้งไป เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาทุกคนในห้องโถงก็มีสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย มีเพียงมู่เชินเท่านั้นที่พยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้ม
มู่ชิงอีไม่ได้สนใจสิ่งใด คารวะทักทายพลางเอ่ยขึ้นว่า ชิงอีคารวะท่านย่า ท่านพ่อเจ้าค่ะ
มู่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดอะไร มู่ฉังหมิงยิ้มพยักหน้าพลางกล่าวว่า อีเอ๋อร์ลุกขึ้นเถิด ไม่พบเจ้าเพียงสองสามวัน อีเอ๋อร์แลดูโดดเด่นขึ้นไม่น้อย คำพูดนี้ฟังแล้วไม่เข้าหูของสะใภ้ซุนเป็นพิเศษ มองดูบุตรชายของตนที่บาดเจ็บหนักยังไม่หายดีและบุตรสาวที่มีสีหน้าขาวซีด เมื่อมองไปยังมู่ชิงอีที่เปล่งประกายอีกครั้งก็พ่นลมหายใจออกมาพร้อมเอ่ยว่า สองสามวันมานี้คนในจวนของเรากินไม่ได้นอนไม่หลับ คุณหนูสี่ช่างปลงตกได้เร็วเสียจริง
มู่ชิงอีหลุบตาลงและพูดเบาๆ ว่า อนุซุนพูดเกินไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ไม่มีค่าพอให้ท่านย่าและท่านพ่อทุกข์ใจหรอกเจ้าค่ะ
เจ้าว่าเรื่องของหลิงเอ๋อร์เป็นเรื่องเล็กน้อย? สะใภ้ซุนพูดขึ้นเสียงแหลม มู่ชิงอีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า ไม่มีผู้ใดเห็นเรื่องของบุตรของอนุภรรยาเป็นเรื่องสำคัญ อนุซุนอาจจะเอะอะโวยวายมากไปเสียหน่อย รอจวนเรามีบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอก ขอเพียงท่านพ่อและท่านย่าทุ่มเทสั่งสอนในอนาคต เขาจะต้องสามารถเชิดหน้าชูตายกฐานะของจวนซู่เฉิงโหวได้แน่ ใครจะไปสนใจเรื่องอื่นกันอีกเล่า
สีหน้าของสะใภ้ซุนสามแม่ลูกประเดี๋ยวก็ซีดประเดี๋ยวก็เป็นสีม่วงคล้ำด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เดิมทีมู่ฮูหยินผู้เฒ่าที่ไม่แม้แต่จะมองหน้ามู่ชิงอีตรงๆ ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงอย่างหาได้ยาก แม้ว่าจะมีหลานชายถึงสามคนแล้วแต่นางก็ยังไม่มีหลานชายที่เกิดจากภรรยาเอก มู่ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเสียดายมาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้นมู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ชอบสะใภ้ซุนอยู่แล้ว หลายปีมานี้อำนาจของสะใภ้ซุนค่อนข้างที่จะเติบโตจนนางเกือบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จึงหวังว่าจะมีใครมากดอำนาจของสะใภ้ซุนเอาไว้และการให้บุตรชายแต่งภรรยาเอกคนใหม่เข้ามานั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ตอนต่อไป