อู๋ซินยืนนิ่งมองดูทั้งสองคนอย่างเงียบๆ
ดูไปแล้วเหมือนนางกับเขาจะเข้ามาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่เห็นได้ชัดว่าสายตาที่คุณหนูใช้มองเด็กสาวคนนี้ไม่มีความเคลือบแคลงเลยแม้แต่น้อย ดูไว้ใจมากกว่าจูเอ๋อร์ที่ติดตามนางมาโดยตลอดเสียอีก
ดูเหมือนว่ามู่ชิงอีจะไม่ได้ปกปิดเขาเช่นกัน นางนั่งอยู่ข้างๆ พูดคุยกับอิ๋งเอ๋อร์อย่างเปิดเผย
คุณหนูสี่ หนิงอ๋องเสด็จเจ้าค่ะ ที่ด้านนอกประตูมีเด็กสาวจากเรือนเต๋ออานมารายงาน มู่ชิงอีขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยไม่ให้นางเข้ามาในห้อง หนิงอ๋องเสด็จมา ต้องไปเชิญคุณหนูสามไม่ใช่หรือถึงจะถูก มาหาข้าทำไมกัน
เด็กสาวตัวเล็กๆ มองเข้าไปข้างในด้วยความลำบากใจและเอ่ยขึ้นว่า แต่…หนิงอ๋องทรงกล่าวว่ามีบางเรื่องที่ต้องการพบคุณหนูเจ้าค่ะ
มู่ชิงอีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า เจ้ากลับไปทูลหนิงอ๋องว่ามีตุ่มพุพองขึ้นบนใบหน้าของข้า ไม่สะดวกที่จะพบแขก
บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะคุณหนู แม้จะไม่รู้ว่าที่คุณหนูสี่พูดนั้นเป็นจริงหรือเท็จแต่เด็กสาวที่เป็นเพียงสาวใช้น้อยไม่มีคุณสมบัติที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่คุณหนูพูด ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าพบหนิงอ๋องก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรคุณหนูสี่ไม่จำเป็นที่จะต้องแกล้งป่วยไม่ใช่หรือ
หลังจากไล่เด็กสาวออกไปแล้วอิ๋งเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วพูดพึมพำ คุณหนู เหตุใดหนิงอ๋องจึงหาเจอและมาที่จวนอย่างรวดเร็วได้ล่ะเจ้าคะ ที่จวนซู่เฉิงโหวพวกเขาไม่มีทางที่จะลงมือกับหนิงอ๋องได้และถึงแม้จะทำสำเร็จก็ต้องมีคนระแวงสงสัยเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่ช่วยคุณชายใหญ่เลยแม้แต่จะปกป้องตัวเองก็ยังทำไม่ได้
มู่ชิงอีขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ ว่า แต่ไหนแต่ไรมา มู่หรงอานก็ไม่เคยมีความอดทน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะร้อนใจรีบวิ่งเข้ามาแบบนี้ ดีเสียอีกจะได้สามารถสืบหาข่าวเรื่องในวังจากเขาได้ ที่สะใภ้ซุนและมู่เฟยหลวนกังวลเรื่องที่ข้าจะไปหรือไม่ไปร่วมงานฉลองนั้นเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลยิ่งนัก
เอ๊ะ คุณหนูต้องการพบหนิงอ๋อง? เช่นนั้น…
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย ข้าคงไม่สามารถพูดคุยเรื่องนี้ในขณะที่อยู่ในเรือนท่านย่าได้ใช่หรือไม่เล่า
แน่นอนว่าภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเค่อก็มีเสียงดังโวยวายอยู่ภายนอกเรือน ยังไม่ทันที่อิ๋งเอ๋อร์จะออกไปดู มู่หรงอานก็นำคนเข้ามาราวกับลมกระโชกแรงเตะเปิดประตูห้องของมู่ชิงอีและพูดอย่างเคร่งขรึม มู่ชิงอี เจ้าบังอาจมาก!
ที่หลังฉากกั้นห้องมู่ชิงอีสวมผ้าคลุมหน้าและเดินออกไปอย่างสงบ มองดูผู้คนที่อยู่ข้างหน้าพลางขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ที่นี่คือจวนซู่เฉิงโหว ไม่ใช่จวนหนิงอ๋อง คงเป็นการหยาบคายเกินไปที่หนิงอ๋องจะกระทำตัวเช่นนี้..
มู่ฉังหมิงที่เข้ามาทางด้านหลังของมู่หรงอานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกไม่พอใจมู่หรงอานอยู่ไม่น้อย
แม้ว่ามู่หรงอานจะเป็นบุตรแห่งโอรสสวรรค์ที่พวกข้าราชบริพารควรให้ความเคารพ อีกทั้งจวนซู่เฉิงโหวปัจจุบันก็นับว่ามีสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับกงอ๋อง ซึ่งทำให้เขาต้องอดทนอดกลั้นกับพี่น้องของกงอ๋องอยู่มาก แต่เขา มู่ฉังหมิงไม่ใช่ทาสของมู่หรงอาน มู่หรงอานทำผิดวิ่งเข้าไปในห้องของคุณหนูจวนซู่เฉิงโหวเช่นนี้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคนภายนอกจะคิดว่าตนขายบุตรสาวเพื่อแลกความรุ่งเรืองได้
มู่หรงอานใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกชาวบ้านจนเคยชินแล้วทำให้เขาไม่ได้สนใจสายตาของผู้อื่น เมื่อผ่อนคลายลงเขาก็พ่นลมหายใจเหลือบมองดูมู่ชิงอีพลางหรี่ตาแล้วกล่าวว่า ทำไมหรือ ข้าต้องการพบเจ้า ทั้งเชิญทั้งเกลี้ยกล่อมก็ยังไม่สำเร็จ เจ้านี่มันเชิญยากเชิญเย็นนักนะ
มู่ชิงอีไม่สนใจน้ำเสียงและท่าทางการพูดที่เหยียดหยามของมู่หรงอาน เพียงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า ชิงอีได้ให้คนไปทูลกับหนิงอ๋องแล้วว่าชิงอีนั้นมีตุ่มพุพองขึ้นบนใบหน้าไม่สามารถต้องลมได้เพคะ
เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ มู่หรงอานสงสัยว่ามู่ชิงอีจะรู้ว่าจิ่วจ่วนหลิงหลงนั้นอยู่ที่ใด ในเวลานี้ การที่มู่ชิงอีหลีกเลี่ยงที่จะพบเขายิ่งทำให้เขาสงสัยนางมากขึ้นไปอีก มู่ชิงอีก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะชี้แจงอะไร นางเพียงแค่ยกมือขึ้นเพื่อแหวกผ้าที่ปกปิดใบหน้าของนางออก ตามที่คาดไว้ใบหน้าที่งดงามแต่เดิมของนางนั้นถูกปกคลุมไปด้วยผื่นแดง ใบหน้าที่วิจิตรงดงามแต่เดิมนั้นประกอบกับแววตาที่เยือกเย็นและเงียบสงบจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปทำให้ผู้คนล้วนตกใจ มู่หรงอานตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้าหนีด้วยความรังเกียจ
อีเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป มู่ฉังหมิงมองใบหน้าของมู่ชิงอีด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ายกับใบหน้าของภรรยาที่จากไปนั้นมีตำหนิ ในใจก็ไม่รู้ว่าควรจะเสียใจหรือควรจะโล่งใจดี แต่สีหน้าของเขาก็เห็นได้ชัดว่าดูโล่งใจมากทีเดียว
มู่ชิงอีส่ายหัวแล้วพูดว่า บางทีอาจเป็นเพราะทานอะไรผิดสำแดงเจ้าค่ะ จู่ๆ ก็มีผื่นขึ้นมากมาย ชิงอีได้สั่งคนให้ไปเชิญท่านหมอมาแล้ว
ใช่ๆๆ เจ้าต้องขอให้หมอตรวจร่างกายให้ดี มู่ฉังหมิงพยักหน้าซ้ำๆ และพูดตำหนิกับมู่ชิงอีเล็กน้อย เจ้าลูกคนนี้ ป่วยแล้วเหตุใดยังไม่ส่งคนมาบอกพ่อเสียหน่อยเล่า
มู่ชิงอีเกียจคร้านเกินกว่าจะเสแสร้งไปกับเขา พูดขึ้นอย่างฉลาดว่า เป็นเพราะชิงอีคิดไม่รอบคอบเจ้าค่ะ
มู่ฉังหมิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พูดปลอบใจมู่ชิงอีด้วยคำไม่กี่คำ บอกให้นางนั้นพักผ่อนให้ดี
มู่หรงอานที่อยู่ด้านข้างเริ่มหมดความอดทน พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง ซู่เฉิงโหว ข้ามีเรื่องบางเรื่องต้องการพูดคุยกับมู่ชิงอี ท่านออกไปก่อนเถิด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของมู่ฉังหมิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ข่าวว่าโหรวเฟยนั้นกำลังตั้งครรภ์และฮ่องเต้ทรงให้สัญญาว่าจะแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเฟยเพิ่งแพร่งพรายไม่นาน มู่หรงอานก็มาหาเขาและทำราวกับต้องการจะตบหน้าเขา ในใจแอบคิดไม่ได้ว่า กงอ๋องนั้นไม่พอใจเขาและโหรวเฟย ดังนั้นจึงส่งหนิงอ๋องมาทำให้ตนเสียหน้า
ไม่ว่ามู่ฉังหมิงจะเป็นคนที่เสาะหาช่องทางเพื่อประจบผู้มีอำนาจแต่เขาก็ยังคงเป็นนายพลที่มีอำนาจทางทหารอยู่ในกำมือ แม้ว่าฐานะของเขาจะไม่น่านับถือเท่ากับมู่หรงอานแต่ในโถงว่าราชการนั้น เขาสามารถมีปากมีเสียงมากกว่าองค์ชายมู่หรงอานผู้นี้อยู่มาก ตอนนี้จึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า หญิงสาวยังไม่ออกเรือน เกรงว่าจะไม่สะดวกที่จะพูดคุยกับท่านอ๋องเป็นการส่วนตัว ขอท่านอ๋องทรงโปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ
มู่หรงอานแค้นยิ้มอย่างเหยียดหยามพลางเหลือบมองมู่ชิงอีแล้วกล่าวว่า หรือเจ้าคิดว่าข้าจะพอใจนางอย่างนั้นหรือ ข้ายังกลัวว่าเจ้าจะฉวยโอกาสมอบหญิงยโสโอหังคนนี้ให้แก่ข้าเสียอีก
หนิงอ๋อง หากท่านมาที่นี่เพื่อดูถูกชิงอี เช่นนั้นก็เชิญท่านออกไปได้แล้วเพคะ มู่ชิงอีกล่าวเบาๆ มู่หรงอานพ่นลมหายใจและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ในสายตาของเขามู่ฉังหมิงเป็นคนของพี่ชายดังนั้นก่อนที่จะสามารถระบุที่อยู่ของจิ่วจ่วนหลิงหลงได้ โดยปกติแล้วแน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดคุยอะไรกับมู่ฉังหมิงได้มากนัก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดจาดูถูกอีกต่อไป มู่ชิงอีจึงได้มองไปที่มู่ฉังหมิงแล้วกล่าวว่า ท่านพ่อ หนิงอ๋องน่าจะมีเรื่องสำคัญ ชิงอียังมีสาวใช้คอยติดตามอยู่ไม่น่าจะมีเรื่องร้ายแรงอันใด ท่านพ่อกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ
เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของมู่ชิงอีที่สุขุมเยือกเย็น มู่ฉังหมิงจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า ช่างเถิด เช่นนั้นพ่อจะกลับไปก่อน สำหรับบุตรสาวคนนี้ ในใจของมู่ฉังหมิงรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เดิมเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของจวนซู่เฉิงโหว บุคลิกลักษณะและความประพฤติของนางก็ถือเป็นผู้นำในหมู่บุตรีของจวนซู่เฉิงโหว หากไม่มีเรื่องของโหรวเฟยที่อยู่ภายในวังแล้วล่ะก็ ชิงอีจะต้องสามารถหาคู่ครองที่น่าพอใจได้อย่างแน่นอนและจะเพิ่มความช่วยเหลืออื่นให้กับจวนซู่เฉิงโหวอีกด้วย
เมื่อเห็นมู่ฉังหมิงเดินออกไป มู่หรงอานก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยามขึ้นมา หากไม่มีความคิดเช่นนั้น จะแกล้งทำเป็นกังวลไปเพื่อสิ่งใดเล่า แต่ไหนแต่ไรมา มู่หรงอานก็เหยียดหยามท่านพ่อตาในอนาคตของตนและรวมไปถึงว่าที่พระชายามู่อวิ๋นหรงอีกด้วย แต่หากไม่ใช่เป็นเพราะจวนซู่เฉิงโหวไปมาหาสู่กับมู่หรงอวี้และในปัจจุบันนั้นมีอำนาจมากทีเดียว มิฉะนั้นเกรงว่างานหมั้นหมายสมรสของมู่หรงอานองค์ชายผู้นี้กับหญิงสาวจวนซู่เฉิงโหวคงจะถูกเขาพังจนล่มไปแล้ว
แม้ว่านางจะรังเกียจมู่หรงอานแต่มู่ชิงอีก็ต้องยอมรับว่าคำพูดนี้ของเขานั้นได้จมลึกเข้าไปในใจของนาง มู่ชิงอียกยิ้มขึ้นบางๆ ไม่ได้ตอบกลับคำพูดประโยคนั้น เพียงแต่เอ่ยถามกลับอย่างตรงประเด็นว่า ไม่ทราบว่าหนิงอ๋องทรงให้เกียรติมาถึงที่นี่ มีสิ่งใดจะแนะนำหม่อมฉันหรือเพคะ
ตอนต่อไป