มู่หรงอานเดินไปนั่งลงด้านข้าง เชิดคางอย่างเย่อหยิ่งจ้องมองไปยังมู่ชิงอีโดยที่ไร้คำพูดใดๆ เมื่อเขาไม่เอ่ยปากพูด มู่ชิงอีเองก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรเช่นกัน ท่าทางไม่รีบร้อน เพียงแค่ยิ้มบางๆ แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างรอคอย
เมื่อมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอมยิ้มอยู่ต่อหน้าเขา ไร้ซึ่งท่าทางเกรงกลัวหรือรีบร้อนใดๆ ในใจของมู่หรงอานก็เกิดอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นมา ในเมืองหลวงนี้มีเพียงคนไม่กี่คนที่กล้าทำท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าเขา
มู่ชิงอี!
เพคะท่านอ๋อง มู่ชิงอีตอบรับเบาๆ
มู่หรงอานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กดเก็บความโกรธไว้ภายในใจ เอ่ยถามว่า จิ่วจ่วนหลิงหลงอยู่ที่ใด มู่ชิงอีรู้สึกประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่ามู่หรงอานจะถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ แม้ว่านางจะรู้ว่าจริงๆ แล้วมู่หรงอานไม่สามารถแอบลอบวางแผนทำชั่วใดๆ ได้ แต่เดิมทีนางก็คิดว่าอย่างน้อยมู่หรงอานจะสืบหาความจริงก่อนที่จะบุกมาเอ่ยถาม ตอนนี้ดูเหมือนว่าความอดทนของมู่หรงอานจะต่ำกว่าที่นางจินตนาการไว้
มู่ชิงอีหลุบตาลง ชิงอีไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านอ๋องกำลังพูดถึง จิ่วจ่วนหลิงหลงอะไรกันเพคะ
เจ้าไม่รู้? มู่หรงอานจ้องมองไปที่นางด้วยความสงสัย
มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้น แววตาแสดงออกถึงความตรงไปตรงมาและจริงใจ ขอท่านอ๋องโปรดประทานอภัยด้วย แม้ว่าท่านอ๋องจะถามอะไรเกี่ยวกับจิ่วจ่วนหลิงหลงนั้น ชิงอีก็ล้วนไม่ทราบเพคะ
มู่หรงอานยิ้มเย็นเอ่ย เจ้าคิดว่าเจ้าบอกไม่รู้ ข้าก็จะเชื่อเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ
มู่ชิงอีกล่าวว่า หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ท่านอ๋องต้องการให้หม่อมฉันพูดสิ่งใดหรือเพคะ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงคิดว่าหม่อมฉันรู้จักจิ่วจ่วนหลิงหลงได้อย่างไร แต่ท่านอ๋องไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ทั่วทั้งเมืองหลวงที่แม้แต่กงอ๋องก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงทราบได้เล่า ชิงอีตั้งแต่เล็กเกิดและเติบโตภายในจวนซู่เฉิงโหว อีกทั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หม่อมฉันก็ไม่เคยผูกมิตรกับคนนอกเลย สมบัติล้ำค่าอย่างจิ่วจ่วนหลิงหลงนั้นจะมาอยู่ในมือของชิงอีได้อย่างไรเพคะ
มู่หรงอานจ้องมองที่นางพร้อมกล่าวว่า เจ้าไม่ควรจะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้อยู่ก็จริง แต่…ตระกูลกู้เล่า มีผู้ใดรู้บ้างหรือไม่ และในยามนี้…ผู้เดียวในโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลกู้ยกเว้นมู่หรงซีดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้า
มู่ชิงอีขมวดคิ้วก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน ในเมื่อกล่าวเหตุผลเช่นนี้ เหตุใดหนิงอ๋องไม่ทรงไปซักถามผิงอ๋องเล่าเพคะ
มู่หรงอานมองนางด้วยสีหน้าที่ราวกับจะบอกว่านางนั้นสมองทึ่ม ตั้งแต่ที่มู่หรงซีถูกลดขั้นเป็นผิงอ๋อง ภายในจวนของมู่หรงซีก็เต็มไปด้วยหูตาที่ซ่อนเร้นจากทุกฝ่าย หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกล่ะก็ ชีวิตตลอดหลายปีที่ผ่านมาของมู่หรงซีแม้แต่เศษซากก็คงไม่มีเหลือแล้ว ถ้ามู่หรงซีรู้ที่อยู่ของจิ่วจ่วนหลิงหลงจริงๆ ก็คงไม่รอดมาจนถึงให้มู่หรงอานได้ซักถามเป็นแน่
เมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้นี้ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวที่มีความเย่อหยิ่งอยู่ไม่น้อย มู่หรงอานก็เกิดอาการร้อนใจไม่เป็นสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะเมื่อวานเขาเพิ่งไปแอบดูกู้ซิ่วถิงอย่างเงียบๆ
พี่หกใช้เครื่องมือลงโทษทรมานเขาอีกครั้ง อีกไม่นานก็เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์แล้ว ว่ากันว่าจิ่วจ่วนหลิงหลงจะปรากฏขึ้นในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ชิงเซวียนต้องได้รับการช่วยเหลือออกมาก่อน ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าพี่หกจะมีจิ่วจ่วนหลิงหลงหรือไม่ ถึงอย่างไรชิงเซวียนก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
มู่ชิงอี เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเจ้าเช่นนั้นหรือ มู่หรงอานกัดฟันเอ่ยขึ้น
มู่ชิงอียกยิ้มพลางตอบ ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว ท่านอ๋องเป็นถึงบุตรของโอรสสวรรค์จะลงมือกับผู้ใดก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ชิงอีไม่กล้าถือว่าตัวเองนั้นสูงส่ง แต่…สิ่งที่ท่านอ๋องพูดมาพวกนั้น ชิงอีไม่เข้าใจจริงๆ เพคะ
เจ้าคงต้องการให้กู้ซิ่วถิงตายกระมัง มู่หรงอานจ้องไปที่มู่ชิงอีอย่างเย็นชา ถ้าหากกู้ซิ่วถิงตาย ข้าจะฝังเจ้าไปเป็นเพื่อนเขาอย่างแน่นอน! มู่ชิงอีหยุดชะงักเล็กน้อยพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือ ดวงตาของนางจดจ่อจ้องมองน้ำชาที่อยู่ในถ้วย มู่ชิงอีรู้อยู่แล้วว่ามู่หรงอานกังวลเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นความตายของพี่ชายนางอย่างมาก ก็เป็นเพราะเหตุนี้เองที่นางคิดจะใช้ประโยชน์จากมู่หรงอาน
เมื่อตอนที่นางยังเป็นกู้อวิ๋นเกอนางก็ค้นพบว่าสำหรับมู่หรงอานนั้น เรื่องใดที่เกี่ยวกับพี่ชายของนางเขาจะมีจิตใจลำเอียงเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงเกลียดแค้นและชิงชังกู้อวิ๋นเกอที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของกู้ซิ่วถิงและหาทางทรมานนางทุกวิถีทาง แม้จนกระทั่งหลังจากที่นางได้กลายเป็นมู่ชิงอีแล้ว มู่หรงอานก็ยังคงรังเกียจนางเพราะดวงตาที่คล้ายกับกู้อวิ๋นเกอ แต่ก่อนนางไม่เข้าใจ นางกับมู่หรงอานไม่มีอะไรให้เกี่ยวข้องกัน นางเชื่อเสมอมาว่านางไม่ใช่คนที่ทำให้ผู้คนรังเกียจได้จากการเหลือบมองเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง เหตุใดมู่หรงอานถึงได้เกลียดชังนางกัน แต่ทุกวันนี้หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย โดยเมื่อมองจากอีกมุมมองหนึ่ง รวมถึงท่าทางกังวลใจของมู่หรงอานในเวลานี้ นางก็รู้สึกว่าเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่…แล้วอย่างไร มู่ชิงอีคิดเยาะเย้ยอยู่ในใจของตน หากมู่หรงอานกล้าที่จะทำให้พี่ใหญ่อับอายขายหน้าด้วยวิธีนี้ เขาก็ควรที่จะต้องเตรียมตัวชดใช้ผลกรรมให้ดี
พี่…พี่ใหญ่? ท่านจะทำอะไรกับเขา ดวงตาของมู่ชิงอีที่อยู่นอกผ้าโปร่งบางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
มู่หรงอานยิ้มเย็น ตอนนี้มีเพียงจิ่วจ่วนหลิงหลงเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตกู้ซิ่วถิงได้ หากหาสิ่งนั้นไม่พบ…แม้ข้าไม่ต้องทำอะไร เขาก็ต้องตายลง!
ไม่ หม่อมฉัน…หม่อมฉันไม่ทราบ จิ่งจ่วนหลิงหลงอะไรนั่น หม่อมฉันไม่รู้เพคะ ดวงตาของมู่ชิงอีสั่นไหวและยังหลีกเลี่ยงที่จะสบตากับมู่หรงอาน ยิ่งทำให้มู่หรงอานกลับเชื่อมั่นมากกว่าเดิม
ครั้นเห็นท่าทางที่กระสับกระส่ายของมู่ชิงอี มู่หรงอานก็ยิ่งแน่ใจว่านางกำลังโกหก เขาระงับความหงุดหงิดในใจและเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า มู่ชิงอี เจ้าบอกข้ามาว่าของสิ่งนั้นอยู่ที่ใด เจ้าต้องการสิ่งใดข้าล้วนมอบให้เจ้าได้ทุกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าทุกวันนี้สะใภ้ซุนและมู่อวิ๋นหรงมักสร้างปัญหาให้กับเจ้า ข้าช่วยเจ้าจัดการพวกนางเป็นอย่างไรเล่า
มู่ชิงอีหดตัวอยู่ในเก้าอี้ไม่ยอมตอบอะไร มู่หรงอานจึงกล่าวต่อ ของสิ่งนี้รั้งอยู่ในมือเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งมีประโยชน์อะไรและมันยังจะเป็นอันตรายต่อลูกพี่ลูกน้องชายของเจ้าด้วย หากเจ้าปฎิเสธที่จะพูด…ข้าก็คงต้องมอบเจ้าให้กับพี่หกแล้ว เจ้าอาจจะไม่รู้…แม้ว่าพี่หกจะดูอ่อนโยนกว่าข้าหลายส่วน แต่…เขานั้นลงมือโหดร้ายกว่าข้ามากทีเดียว ข้าเคยเห็นด้วยตาของตัวเอง มีคนถูกลงโทษด้วยการถูกทำลาย แต่พี่หกนั้นกลับมองดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย จริงสิ…เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าการถูกทำลายคือสิ่งใด
มองดูมู่ชิงอีที่ตัวสั่นเทาพลางพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก พยายามหดตัวให้เล็กลงยิ่งกว่าเดิม มู่หรงอานก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ตอนนี้ บอกข้ามาสิ…ว่าของสิ่งนั้นอยู่ที่ใด
ดวงตาที่ใสซื่อของมู่ชิงอีในที่สุดก็หลั่งน้ำตาและคร่ำครวญออกมา หม่อมฉัน…หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจิ่วจ่วนหลิงหลงคือสิ่งใด ฮือๆ…ท่านแม่ของหม่อมฉัน เมื่อตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ได้ให้กล่องกล่องหนึ่งกับหม่อมฉันและกล่าวแค่ว่ามันสำคัญมาก ส่วนเรื่องอื่นหม่อมฉันไม่รู้…หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะเพคะ…
มู่หรงอานมองไปยังมู่ชิงอีอย่างสงสัยอยู่เป็นเวลานาน หลังจากแน่ใจแล้วว่านางไม่ได้โกหกจึงขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยขึ้น ไปนำกล่องนั่นมาให้ข้าดู
เขายังจำได้ดี ดูเหมือนว่าหลังจากที่สะใภ้จังจากไป ในเมืองหลวงก็มีตำนานเล่าถึงสมบัติล้ำค่าของตระกูลกู้ แต่ในเวลานั้นไม่มีการเอ่ยถึงจิ่วจ่วนหลิงหลง อันที่จริงมู่หรงอานไม่เชื่อว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ เช่นมู่ชิงอีจะได้รับสมบัติใดๆ เพียงแต่สองสามวันมานี้เขาได้ส่งคนไปจับตาดูมู่ชิงอีและพบว่ามีคนไม่รู้ที่มาหลายคนอยู่รอบๆ จวนซู่เฉิงโหว เห็นได้ชัดว่าก็เพื่อมาสืบข่าวเช่นเดียวกันกับเขา นอกจากนี้ เมื่อวานเขาไปเยี่ยมกู้ซิ่วถิง ในตอนท้าย กู้ซิ่วถิงยังแอบเขียนคำว่ามู่ลงบนมือของเขาซึ่งแสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยสิ่งที่เขียนบนนั้นก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
ของสิ่งนี้น่าจะอยู่ในตระกูลมู่ เพียงแต่มู่ชิงอีเองก็อาจจะไม่รู้ นี่คือการอนุมานของมู่หรงอาน
ตอนต่อไป