มีเรื่องอะไร มู่ชิงอีถามอย่างใจเย็น
อู๋ซินกล่าวอย่างเคารพนอบน้อม ที่ริมแม่น้ำ ตวนอ๋ององค์ชายจากเป่ยฮั่น อีกทั้งยังมีองค์ชายแคว้นหวาอีกสองสามพระองค์ ได้เริ่มลงมือแล้วขอรับ
มู่ชิงอีไม่ใส่ใจ มันเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหว องค์ชายเก้า เมื่อครู่ท่านถามว่าสุดท้ายแล้วสิ่งนี้จะตกไปอยู่ในมือผู้ใดใช่หรือไม่ หรงจิ่นยิ้มพร้อมเอ่ยว่า ดูเหมือนว่าชิงชิงจะมีคำตอบแล้วสินะ
มู่ชิงอีเหลือบมองออกไปข้างนอก เรือที่ประดับประดาอย่างสวยหรูที่อยู่บนผิวน้ำกำลังแล่นไปตามแม่น้ำอย่างช้าๆ ธงแห่งชัยชนะสีเหลืองสดใสบนเรือแสดงถึงฐานะของเจ้าของเรืออย่างชัดเจน
ฮ่องเต้แคว้นหวา หรงจิ่นกล่าวอย่างเคร่งขรึม
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย องค์ชายเก้าได้รับข่าวสารรวดเร็วฉับไว ดังนั้นท่านควรที่จะรู้จักยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นหวา…เนี่ยอวิ๋น เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของฮ่องเต้แคว้นหวา อีกทั้งยังควบตำแหน่งผู้บัญชาการในวังหลวงอีกด้วยเพคะ หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยถกเถียงกับมู่ชิงอีไปพลาง แม้ว่าเนี่ยอวิ๋นจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแคว้นหวาแต่เขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเกอซูฮั่น เกอซูฮั่นก็เป็นที่รู้จักในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเป่ยฮั่น ที่สำคัญที่สุดคือเกอซูฮั่นต่อสู้ประลองฝีมือมาตลอด อีกทั้งยังต่อสู้ในสนามรบมานับไม่ถ้วน จากประสบการณ์ที่มีศัตรูมามากมาย เกรงว่าจะอยู่เหนือเนี่ยอวิ๋นผู้ซึ่งไม่เคยแม้แต่ย่างเท้าออกจากเมืองหลวงเลย
มู่ชิงอีเขย่าถ้วยน้ำชาในมืออย่างสบายๆ พร้อมกับยิ้มบางๆและเอ่ยขึ้น ชิงอีเคยได้ยินคนพูดว่าในโลกนี้มีสุดยอดฝีมือทั้งห้าอยู่ เนี่ยอวิ๋นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในอาภรณ์สีขาวแห่งแคว้นหวา ยอดฝีมืออันดับหนึ่งปีศาจม่อเป่ยแห่งเป่ยฮั่น เกอซูฮั่น อีกทั้งมีหนานกงเจวี๋ย แม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามแห่งแคว้นเย่ว์ นอกจากนี้ยังมีคุณชายเว่ยผู้ร่ำรวยและมีอิทธิพลอันดับหนึ่งใต้หล้าซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่ามาจากแคว้นใดกันแน่ และคุณชายอวิ๋นอิ่นที่แสนลึกลับไม่อาจคาดเดา กล่าวกันว่า…ในการจัดอันดับทั้งห้าของยอดฝีมือนี้ เนี่ยอวิ๋นกับเกอซูฮั่นคืออันดับที่สองและสี่ จะว่าอย่างไรก็เป็นเนี่ยอวิ๋นที่มีโอกาสมากกว่าเล็กน้อยใช่หรือไม่เล่า
คราวนี้นอกจากถอนหายใจ หรงจิ่นก็ไม่รู้จะพูดสิ่งใดแล้วจริงๆ แม้แต่อวิ๋นอิ่นก็ยังรู้จัก ข่าวสารของชิงชิงช่างทำให้ข้าคนนี้ประหลาดใจเสียจริงๆ ที่จริงแล้วในโลกนี้ไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือทั้งห้าอะไรนั่น แต่ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงที่สุดคงหนีไม่พ้นเกอซูฮั่น เนี่ยอวิ๋นและหนานกงเจวี๋ย สำหรับอวิ๋นอิ่น แม้แต่ทุกหนทุกแห่งก็ยังมีคนรู้จักไม่มากนัก ส่วนคุณชายเว่ย ถึงแม้ว่าจะโด่งดังไปทั่วหล้า แต่คนส่วนมากมักจะรู้จักเขาในฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยไม่ใช่ยอดฝีมือในวงการยุทธจักร มู่ชิงอีไม่เพียงแต่รู้ แม้กระทั่งศักยภาพของคนทั้งห้าก็ล้วนมีความเข้าใจ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ถูกต้องแม่นยำทั้งหมด อย่างไรเสียคนทั้งห้านอกจากหนานกงเจวี๋ยและเกอซูฮั่นที่เคยประมือกันแล้ว ที่เหลือนั้นยังไม่เคยพบเจอ แต่จากการวิเคราะห์ประสบการณ์และผลการรบของพวกเขาก็ไม่นับว่าไร้เหตุผลเสียทีเดียว
เมื่อเห็นว่าองค์ชายเก้าเกียจคร้านเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ มู่ชิงอีก็ยกยิ้มและไม่ได้พูดสิ่งใดอีก แน่นอนว่านางคงบอกเขาไม่ได้หรอกว่าความรู้ความเข้าใจของนางเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือทั้งห้านี้ จริงๆ แล้วมาจากคนเพียงคนเดียว ชายคนหนึ่งที่เลื่องชื่อว่าเป็นผู้รอบรู้ ในปีนั้นเคยอาศัยอยู่ในหอนางโลมชุ่ยหงเป็นเวลาหนึ่งเดือน คุณชายเหวินหวา ไท่สื่อเหิง
เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งสงบของมู่ชิงอี หรงจิ่นจึงถอนหายใจ เอ่ยว่า ดูเหมือนว่าการดีดลูกคิดรางแก้ว[1]ของพี่สี่คงจะไม่เป็นผลเสียแล้ว
มู่ชิงอีกล่าวอย่างสบายๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้ว่าจิ่วจ่วนหลิงหลงจะเป็นของจริง เกรงว่าตวนอ๋องก็คงไม่สามารถนำกลับไปยังแคว้นเย่ว์ได้ ไม่จำเป็นต้องผิดหวังจนเกินไปเพคะ ตอนนี้สิ่งนี้เป็นของปลอม ผู้ที่ยื้อแย่งไปได้ก็จะยิ่งผิดหวัง ดังนั้นตวนอ๋องจึงไม่ใช่ผู้ที่แลดูแย่ที่สุด
หรงจิ่นหรี่ตายิ้มพร้อมพูดว่า หากเป็นเรื่องจริง ไม่แน่ว่าข้าอาจจะแย่งมันมาไว้ในมือแล้ว
มู่ชิงอียิ้มพลางกล่าวว่า ถ้าหากเป็นจริง หม่อมฉันสามารถยกให้ท่านได้เพคะ
พูดเช่นนี้ ตระกูลกู้ไม่มีจิ่วจ่วนหลิงหลงอยู่จริงๆ หรือ หรงจิ่นถามด้วยรอยยิ้ม มู่ชิงอียิ้มบางๆ ตอบว่า มีกี่คนบนโลกนี้…ที่เคยเห็นจิ่วจ่วนหลิงหลง? บางทีอดีตฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งอาจมีสิ่งที่เรียกว่าจิ่วจ่วนหลิงหลง แต่ว่าฮ่องเต้ไท่จู่แห่งแคว้นหวานั้นไม่ได้มีมันอยู่
หมายความว่าอย่างไร
ก่อนหน้านี้จิ่วจ่วนหลิงหลงได้ถูกเผยแพร่ให้รู้โดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งที่ควรเคารพศรัทธา ผู้ที่ได้ครอบครองจะได้ครองใต้หล้า ตัวของไท่จู่แคว้นหวาเองก็ได้รับตำแหน่งมาอย่างไม่ถูกต้อง หากมีจิ่วจ่วนหลิงหลงก็คงจะนำออกมาเพื่อพิสูจน์ชะตาสวรรค์ลิขิตของตัวเองแล้ว แต่ว่าไท่จู่อยู่ในอำนาจมากว่ายี่สิบปีกลับไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นจิ่วจ่วนหลิงหลงเลย ทุกวันนี้มีสิ่งที่เรียกกันว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ไท่จู่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ในตอนที่เจ้าหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์เขียนชีวประวัติขององค์ไท่จู่ ได้ทำการแก้ไขเรียบเรียงภาพลักษณ์ขององค์ไท่จู่ให้ดูสวยงาม หม่อมฉันได้ทำการค้นดูบันทึกราชวงศ์ แต่ไม่มีจุดใดเลยที่พูดถึงจิ่วจ่วนหลิงหลงเพคะ มู่ชิงอีเอนกายพิงเก้าอี้พูดอย่างเรียบเฉย
หรงจิ่นเอ่ยชมเชย ชิงชิงมีความเชี่ยวชาญในบันทึกประวัติศาสตร์เสียจริง ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก
มู่ชิงอีไม่สนใจคำเยินยอของเขาเพียงแค่มองดูท่าทางของหรงจิ่นอย่างขัดตา นางไม่เชื่อว่าหรงจิ่นจะไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน
เรียนคุณหนู การประลองทางด้านนั้น…ได้รับการตัดสินแพ้ชนะแล้วขอรับ ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเสี่ยวเอ้อร์เดินขึ้นมารายงานให้ทราบท่าทางเคารพ
ท้ายที่สุดเป็นผู้ใดที่ชนะ
เป็นผู้บัญชาการเนี่ยขอรับ ชายผู้นั้นพูดขึ้น
มู่ชิงอีไม่ได้แปลกใจอะไร นางยืนขึ้นและยิ้มให้กับหรงจิ่น พิธีฉลองกำลังจะเริ่มแล้ว องค์ชายเก้าจะไปที่เรือมังกรหรือจะตามหม่อมฉันไปเพื่อดูความสนุกดีเพคะ? หรงจิ่นเหยียดตัวออกไปอย่างเกียจคร้านพร้อมเอ่ยขึ้นว่า เรือมังกรมีอะไรน่าดูกัน แน่นอนว่าต้องตามชิงชิงไปอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าซ่อนแผนที่ขุมทรัพย์ไว้ที่ใดกันแน่ ระวังพบคนของฮ่องเต้แคว้นหวาโดยบังเอิญล่ะ
มู่ชิงอียิ้มบางเอ่ย ไม่ต้องกังวล ต้องการที่จะเข้าถึงแผนที่ขุมทรัพย์นั้นคงต้องใช้เวลาสักหน่อย นอกจากนี้พิธีจะเริ่มในอีกครึ่งเค่อ แผนที่ขุมทรัพย์อยู่ในมือแล้ว ฮ่องเต้แคว้นหวาคงจะไม่รีบร้อนอะไรขนาดนั้น สำหรับจิ่วจ่วนหลิงหลง…ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวัน เขาจึงจะสามารถดูออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
ข้าไม่ควรสงสัยการวางหมากของชิงชิงเลย ไปเถิด ไปดูความสนุกกัน องค์ชายเก้าเอ่ยขอขมา เพียงแต่ดวงตาทั้งสองที่ราวกับปีศาจนั้นกลับเป็นประกายขึ้นมาอย่างเกรงว่าโลกจะไร้ซึ่งความโกลาหล
มู่ชิงอีและหรงจิ่นไม่สนใจที่จะชมพิธีฉลองประจำปีที่แม่น้ำหยางหลิ่ว แต่ในฐานะองค์ชายแคว้นหวาและราชทูตจากแคว้นอื่นๆ ที่มาเพื่อแสดงความยินดี พวกเขาย่อมไม่เข้าร่วมไม่ได้ ยกเว้นองค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์และองค์ชายแปดแห่งแคว้นหวาซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในเรื่องของความดื้อรั้น
ในเวลานี้ นอกเรือนที่กู้ซิ่วถิงถูกควบคุมตัว มีกลุ่มคนในอาภรณ์สีเทาแอบลักลอบเข้ามาภายในอย่างรวดเร็ว จุดมุ่งหมายคือตรงไปยังเรือนที่อยู่ด้านในสุด ในไม่ช้าองครักษ์หลายร้อยนายของจวนกงอ๋องที่ซุกซ่อนอยู่ในเรือนก็ค้นพบเงาร่างของผู้บุกรุก ทั้งสองฝ่ายตรงเข้าประมือกันโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นเรือนที่เดิมทีนั้นเงียบสงบก็ได้เกิดการต่อสู้ขึ้นและกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงได้เริ่มแพร่กระจายออกมา
ไม่ไกลจากประตูหลังเรือน ในสถานที่หลบซ่อนมีมู่ชิงอี หรงจิ่น และอู๋ซินยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ มองไปยังเรือนอีกหลังที่ยังคงต่อสู้กันอยู่ไม่ไกลนัก หรงจิ่นเอนกายพิงต้นไม้อย่างเกียจคร้านพลางใจลอยมองไปยังหญิงสาวในอาภรณ์สีขาวราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจมากนัก ซึ่งนางเองก็กำลังมองพินิจพิเคราะห์เรือนอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นนางพยายามที่จะเยือกเย็นแต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดสีหน้าที่ดูเป็นกังวลได้อยู่ดี องค์ชายเก้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงเล็กน้อยภายในใจ
ชิงชิงไม่เคยกังวลเกี่ยวกับตนขนาดนี้มาก่อน
ชิงชิง กู้ซิ่วถิงสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ น้ำเสียงของหรงจิ่นติดจะหึงหวงอยู่เล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง
เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของหม่อมฉันเพคะ มู่ชิงอีหันศีรษะกลับมามองที่เขาแวบหนึ่ง
ญาติเพียงคนเดียว?
ด้วยเหตุผลบางอย่าง คำพูดที่โพล่งออกมาเช่นนี้ทำให้หรงจิ่นใจลอยไปชั่วขณะ และเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะห้ามปากไม่ให้ซักถามอะไรอีก
มู่ชิงอีจ้องมองไปยังเรือนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับขมวดคิ้ว มู่หรงอานควรจะมาได้แล้ว มู่หรงอานกำลังหาจิ่วจ่วนหลิงหลงและสมบัติที่ซ่อนอยู่ในเรือนชุ่ยเวย ถ้าหากเขาหาไม่พบเขาก็จะมาที่นี่เพื่อชิงกู้ซิ่วถิงออกไปก่อน อีกอย่างตอนนี้เขาน่าจะรู้เรื่องเวทีประลองริมแม่น้ำแล้ว ดังนั้นเขาจะมาและพากู้ซิ่วถิงออกไปทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงอวี้ฆ่าคนปิดปาก
—————————————
[1]การดีดลูกคิดรางแก้ว คือ การคิดรอบคอบถี่ถ้วน มีแต่ทางได้ไม่มีทางเสีย
ตอนต่อไป