หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น ชิงชิงตั้งใจเลือกเวลานี้เพื่อรอมู่หรงอาน?
มู่ชิงอียิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไรกลับไป
ภายในเรือน ประตูห้องของกู้ซิ่วถิงถูกเตะให้เปิดออกจากด้านนอก เฝิงจื่อสุ่ยรีบเข้ามา เห็นกู้ซิ่วถิงถูกมัดผูกติดอยู่ที่เสา คราบเลือดบนเสื้อผ้าของเขาแห้งกรังไปแล้วและกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มที่ทำให้คนพบเห็นรู้สึกไม่สบายใจ กู้ซิ่วถิงมีคราบเลือดดำคล้ำเปรอะไปทั่วร่างกายและมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาด้วยเช่นกัน ทั่วทั้งร่างดูราวกับเขาถูกทรมานมาอย่างหนัก
คุณชายใหญ่! เสียงการต่อสู้จากภายนอกทำให้กู้ซิ่วถิงที่ง่วงงุนนั้นได้ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นเฝิงจื่อสุ่ยวิ่งเข้ามาทางด้านหน้ากู้ซิ่วถิงก็ตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะจำขึ้นมาได้ ท่านเฝิง… กู้ซิ่วถิงในฐานะหลานชายคนโตของตระกูลกู้ อีกทั้งยังเคยเป็นผู้ช่วยมากความสามารถขององค์รัชทายาท เขาย่อมรู้ในสิ่งต่างๆ ดีกว่าคุณหนูใหญ่กู้อวิ๋นเกอ ตนจึงได้มีวาสนาพบกับเฝิงจื่อสุ่ยอยู่หลายครั้ง
เฝิงจื่อสุ่ยพยักหน้าซ้ำๆ พยายามอดกลั้นห้ามไมให้น้ำตาไหลลงมาพร้อมกล่าวว่า คุณชายใหญ่ พวกเรารีบไปกันเถิดขอรับ คุณหนูรอพวกเราอยู่ข้างนอกขอรับ พูดพลางรีบแก้เชือกที่ผูกไว้กับกู้ซิ่วถิง
คุณหนู…กู้ซิ่วถิงตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งจึงคิดออก
เฝิงจื่อสุ่ยพูดว่าคุณหนูน่าจะหมายถึงลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขา มู่ชิงอี
อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
น้องหญิงที่ขี้อายและเงียบขรึมในตอนนั้นที่แท้ก็มีความสามารถถึงเพียงนี้
หลังจากที่ถูกมัดเป็นเวลาหลายวัน ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล เมื่อเชือกถูกปลดออกความเจ็บปวดที่เขามองข้ามก็เริ่มตีกลับมาในความรู้สึกอีกครั้ง กู้ซิ่วถิงพ่นลมหายใจและขมวดคิ้ว
ชายสองคนที่ติดตามเฝิงจื่อสุ่ยมารีบก้าวไปข้างหน้าซ้ายขวาเพื่อช่วยพยุงกู้ซิ่วถิง เฝิงจื่อสุ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม คุณชายใหญ่ พวกเราไปกันก่อนเถิดขอรับ หนิงอ๋องและกงอ๋องน่าจะมาในเร็วๆ นี้แล้ว
กู้ซิ่วถิงพยักหน้าและเอ่ยถามว่า ชิงอียังได้เตรียมการอะไรไว้อีกบ้าง
เฝิงจื่อสุ่ยกล่าวว่า ยังเตรียมจัดการกับปัญหาที่จะตามมาอีกเล็กน้อย คุณชายไม่ต้องกังวล ไปกันเถิดขอรับ
ชายสองคนช่วยพยุงกู้ซิ่วถิงออกจากประตูและเดินตรงออกไปจากประตูหลังเรือนที่ได้ตระเตรียมลู่ทางเอาไว้โดยไร้ซึ่งอุปสรรคขัดขวางเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ที่มู่ชิงอีและหรงจิ่นอยู่
พี่ใหญ่ มู่ชิงอีเห็นกู้ซิ่วถิงที่ทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดมาแต่ไกล นางรีบพุ่งตัวเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว หรงจิ่นซึ่งติดตามนางมาด้วยก็มองไปยังกู้ซิ่วถิงที่มีสภาพสะบักสะบอม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินตามนางไปอย่างช่วยไม่ได้
พี่ใหญ่… แม้ว่านางจะมั่นใจในการเตรียมการของตนแต่มู่ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะเบ้าตาแดงก่ำ เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของตนปรากฏตัวต่อหน้านางจริงๆ ยิ่งเมื่อมองดูรอยแผลเป็นบนร่างของกู้ซิ่วถิงอีกครั้ง น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ
กู้ซิ่วถิงมองไปยังหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชายที่อยู่ต่อหน้าเขาและส่งยิ้มให้บางๆ พี่ใหญ่ไม่เป็นอะไร อีเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว มู่ชิงอีส่ายหัวพลางพูดทั้งน้ำตา ทั้งหมดเป็นเพราะข้าพิจารณาไม่รอบคอบ ทำให้พี่ใหญ่ต้องทนทุกข์ขนาดนี้… เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายของกู้ซิ่วถิง มู่ชิงอีก็อยากจะฉีกมู่หรงอวี้ออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น
พูดอะไรโง่ๆ…แค่ก แค่ก เจ้าทำได้ดีแล้ว อีเอ๋อร์โตแล้ว กู้ซิ่วถิงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
ทางด้านข้าง องค์ชายเก้าที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ทำได้เพียงแค่มองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเท่านั้น เขารู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ากำลังกินเม็ดบ๊วยรสเปรี้ยว หรงจิ่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างช้าๆ ชิงชิง เจ้าจะระลึกถึงเรื่องในอดีตกับคุณชายใหญ่ตระกูลกู้อยู่ที่นี่อีกนานหรือไม่ มู่หรงอานตรงมาทางนี้แล้ว จากนั้นมู่ชิงอีจึงรู้สึกตัวและเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม พี่ใหญ่ พวกเราไปจากที่นี่ก่อน ที่นี่ส่งต่อให้กับท่านเฝิง รถม้าอยู่ด้านหน้าเจ้าค่ะ
กู้ซิ่วถิงรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตนนั้นไม่เหมาะสมเพียงใด เขาพยักหน้ารับ เพียงแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างของหรงจิ่นต่ออีกชั่วขณะหนึ่ง ความคิดบางอย่างแวบผ่านดวงตาของเขา
หรงจิ่นมองไปยังมู่ชิงอีที่ช่วยพยุงกู้ซิ่วถิงอยู่ เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างนุ่มนวล ชิงชิงพวกเจ้าไปกันก่อน ที่นี่ข้าจะคอยดูแทนเจ้าเอง มู่ชิงอีมองกลับไปที่เรือนอีกด้านซึ่งยังคงมีการต่อสู้กันอยู่ จากนั้นจึงพยักหน้าลงพร้อมกับพูดขึ้น ลำบากท่านแล้ว
เมื่อส่งมู่ชิงอีและกู้ซิ่วถิงขึ้นรถม้าจากไปแล้ว หรงจิ่นก็หันกลับไปมองยังเรือนซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เขาเอียงศีรษะไปมา รอยยิ้มกระหายเลือดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา กงอ๋อง หนิงอ๋อง…ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ยั่วยุข้า แต่…ใครทำให้ข้าเบื่อกันนะ ไม่สนุกเสียหน่อยแล้วจะคู่ควรกับที่ทำงานหนักมาครึ่งค่อนวันได้อย่างไร
องค์ชาย หนิงอ๋องมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ชายชุดเทาปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ที่เบื้องหลังหรงจิ่น พร้อมกับเอ่ยรายงานด้วยน้ำเสียงเคารพ
หรงจิ่นช้อนตาขึ้นมองไปในระยะไกล เห็นมู่หรงอานรีบเร่งนำคนตะบึงมุ่งหน้ามาจากเรือนชุ่ยเวย องค์ชายเก้ายิ้มและเอ่ยขึ้นว่า มาแล้วก็ดี!
มู่หรงอานขี่ม้าไปยังประตูเรือน ก่อนที่ม้าจะหยุดดีเขาก็กระโดดลงมาจากหลังม้าและรีบเข้าไปภายในเรือน เขาค้นหาที่เรือนชุ่ยเวยอยู่ทั้งคืนแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย ขณะที่กำลังสงสัยว่าเขาถูกมู่ชิงอีหลอกลวงหรือไม่ ก็ได้รับข่าวจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่าแผนที่ขุมทรัพย์ของตระกูลกู้และจิ่วจ่วนหลิงหลงได้ตกไปอยู่ในมือของเสด็จพ่อแล้ว มู่หรงอานรู้ทันทีว่านี่ชักจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว เขาแอบขอบคุณในใจที่วันนี้เป็นงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์และพี่หกจำเป็นต้องเข้าร่วม มิฉะนั้นเกรงว่าตอนนี้พี่หกคงจะรีบกลับมาที่เรือนและฆ่าคนปิดปากเป็นแน่ ดังนั้นเขาต้องรีบพากู้ซิ่วถิงออกจากเรือนก่อนที่พี่หกจะกลับมา
ทันทีที่เข้าไปในเรือนก็มีดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขา องครักษ์ที่ติดตามมู่หรงอานรีบเร่งเข้ามาและทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงมือต่อสู้กันในทันที แม้ว่ามู่หรงอานจะรู้สึกอยู่บ้างว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ความกังวลเกี่ยวกับกู้ซิ่วถิงยังคงมีมากกว่า เขารีบไปยังเรือนที่ซึ่งกู้ซิ่วถิงถูกคุมขังโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งอื่นใด เมื่อเขามาถึงห้องที่กู้ซิ่วถิงถูกคุมขังอยู่ สิ่งที่เขาเห็นคือฉากของห้องอันว่างเปล่า ใบหน้าที่เดิมทีมืดมนของมู่หรงอานก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากจับองครักษ์ที่บาดเจ็บสาหัสมาได้คนหนึ่ง มู่หรงอานก็ถามขึ้นอย่างฉุนเฉียว คนล่ะ?
ไม่…ไม่ทราบ… องครักษ์ตกใจเมื่อเห็นมู่หรงอานจึงรีบพูดออกมา ใบหน้าของมู่หรงอานดุร้ายขึ้นพร้อมกับออกแรงในมือ องครักษ์คนนั้นแม้แต่ต่อสู้ดิ้นรนก็ยังทำไม่ได้ จากนั้นก็ค่อยๆ สูญเสียเสียงของตัวเองไป
ท่านอ๋อง องครักษ์หลายคนจากจวนหนิงอ๋องรีบวิ่งมาด้านหน้า มองดูมู่หรงอานด้วยความกังวล มู่หรงอานพูดอย่างเคร่งขรึม ค้นหาคนมาให้ข้า!
องครักษ์คนหนึ่งตัวสั่นชี้ไปที่ประตูเรือนด้านหลังซึ่งยังคงเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งพร้อมกับเอ่ยเสียงแผ่วเบา ท่านอ๋อง…คนอาจจะหนีไปจากทางนั้นพ่ะย่ะค่ะ มู่หรงอานเหลือบมองไปยังเรือนที่สภาพกระจัดกระจายอย่างเศร้าโศก ก่อนที่จะสั่งด้วยเสียงทุ้มลึก ตาม!
พ่ะย่ะค่ะ!
มองดูมู่หรงอานออกไล่ตามคนจากประตูทางด้านหลัง คนทั้งหมดจึงพากันออกมาจากด้านหลังหินในส่วนลับของเรือนหลัง เฝิงจื่อสุ่ยจ้องมองไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครมองเห็นได้ในระยะไกล หยุดเท้าแล้วเอ่ยขึ้น องค์ชายเก้า นี่หมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นหนิงอ๋องก็กำลังไล่ตามพวกคุณหนูแล้ว เหตุใดท่านจึงปล่อยให้พวกเขาไป
หากมู่หรงอานตามคุณหนูและคุณชายใหญ่ทันจริงๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องละทิ้งความสำเร็จที่ผ่านมาทั้งหมดไปหรอกหรือ แต่องค์ชายเก้าที่อยู่ต่อหน้าเขาเห็นได้ชัดว่ายากที่จะรับมือเมื่อคุณหนูไม่อยู่ เขาไม่ได้สั่งให้ตามไป แน่นอนว่าคนที่เขาส่งมาช่วยไม่ว่าจะเป็นผู้ใดย่อมจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเฝิงจื่อสุ่ย ทำเพียงแค่มองดูมู่หรงอานนำคนไล่ตามออกไปจากประตูเรือน
ตอนต่อไป