หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 88 การแสดงละครของมู่เฟยหลวน (1)

หวนคืนชะตาแค้น

เป็นเพราะมู่ชิงอี! ข้าจะไม่ปล่อยนางไว้แน่! มู่หลิงกัดฟันกล่าว

มู่เฟยหลวนขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่าน้องชายผู้นี้มืดมนมากขึ้นกว่าตอนที่นางอาศัยอยู่ในจวน กล่าวอีกนัยหนึ่ง…คือเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เหตุการณ์ล่าสุดที่วัดเป้ากั๋ว ทว่ามู่เฟยหลวนกลับรู้สึกไม่สบายใจนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้

อย่าได้บุ่มบ่ามไป! มู่เฟยหลวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม ไม่ว่าครานั้นจะมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับน้องหญิงสี่หรือไม่ กระนั้น ในยามนี้เจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับนาง

มีร่องรอยของความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจปรากฏในสายตาของมู่หลิง มู่เฟยหลวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า หากครานั้นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนาง เช่นนั้นก็หมายความว่ายังมีผู้ที่สอดแนมเจ้าอย่างลับๆ ก็คงจะพร้อมที่จะทำสิ่งอื่นใดกับเจ้าได้ทุกเมื่อ หากไม่หาศัตรูให้พบเสียก่อน มัวแต่ไปจัดการกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วหรือ แต่หากเป็นนางที่ทำจริงๆ ดูไปแล้วในครั้งนั้นเจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้ แล้วในยามนี้เจ้าพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างนั้นหรือ

มู่หลิงกัดฟันกล่าว พลาดไปเพียงหนเดียวคงไม่เป็นไรกระมัง

มู่เฟยหลวนมองดูนิ้วเรียวยาวราวกับหยกของนางอย่างเฉยเมย แล้วกล่าวตอบอย่างแผ่วเบา ข้าจะพูดอีกครั้ง เรื่องน้องหญิงสี่ มอบให้ท่านพ่อจัดการ ในจวนซู่เฉิงโหวมีเพียงมู่ฮูหยินเฒ่าและมู่ฉังหมิงเท่านั้นที่สามารถรับมือกับมู่ชิงอีได้ แน่นอนว่ามู่เฟยหลวนหวังว่ามู่ฉังหมิงจะแก้ปัญหานี้ได้

ท่านโหวกลับมาแล้วขอรับ บนดาดฟ้าด้านนอกมีเสียงบ่าวรับใช้ดังขึ้น มู่ฉังหมิงเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว สีหน้าของมู่เฟยหลวนเปลี่ยนไป ใบหน้าของนางดูนิ่มนวลและแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย นางยืนขึ้นและทักทายด้วยรอยยิ้ม ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ

มู่ฉังหมิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นมู่เฟยหลวนที่ยืนขึ้นต้อนรับ เขาแสดงท่าทีไม่สบายใจเล็กน้อย เอ่ยตอบกลับในทันที พระสนมทรงพระครรภ์อยู่ จะยุ่งยากทำไมกัน มู่เฟยหลวนยิ้มและกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า เหตุใดท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ การต้อนรับท่านพ่อ เหตุใดจึงเป็นการยุ่งยาก หลวนเอ๋อร์ไม่ได้บอบบางเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ในฐานะอย่างมู่เฟยหลวน นางสามารถนั่งรอให้มู่ฉังหมิงมาหาได้โดยไม่มีความผิด ด้วยเหตุนี้ มู่ฉังหมิงจึงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ในฐานะบิดา การที่บุตรีมาเข้าพบตนย่อมดีกว่าการที่เขาคุกเข่าลงให้บุตรี เมื่อมองดูบุตรีที่เป็นความหวังมาตั้งแต่วัยเยาว์ผู้นี้แล้ว ใบหน้าของมู่ฉังหมิงที่ดูเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก

ผู้คนในครอบครัวนั่งลงอีกครั้ง มู่ฉังหมิงจึงเอ่ยถามว่า เหตุใดพระสนมจึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง ควรจะให้พระสนมเป็นผู้เชิญพวกนางไปพบไม่ใช่หรือ

มู่เฟยหลวนนึกถึงฮ่องเต้แคว้นหวาที่ทรงพิโรธบนเรือมังกร ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย อดทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เอ่ยตอบ ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่ด้านนอก จู่ๆ ฝ่าบาทก็ทรงพิโรธ ฝ่าบาททรงเห็นใจข้าจึงให้ข้ากลับก่อนได้ ส่วนอวิ๋นเฟยยังคงถูกดุด่าในตอนที่ข้าออกมา ข้าได้ยินว่านางถูกฝ่าบาทลดลำดับขั้น

อวิ๋นเฟยเป็นพระมารดาของมู่หรงอาน และเป็นว่าที่แม่สามีของมู่อวิ๋นหรงโดยตรง เมื่อได้ยินคำกล่าวของมู่เฟยหลวนเช่นนี้ มู่อวิ๋นหรงก็รู้สึกตกประหม่าเป็นอย่างมาก พี่หญิงใหญ่ พระสนมอวิ๋นไม่มีเรื่องอันใดใช่หรือไม่เพคะ

มู่เฟยหลวนชำเลืองมองมู่อวิ๋นหรงด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา เป็นเพียงการลดลำดับขั้น พระสนมอวิ๋นยังมีองค์ชายถึงสองพระองค์ กงอ๋องยังพระปรีชาสามารถ ข้าเดาว่าหากพระองค์ยังมิสิ้นพระชนม์ก็คงสามารถกลับมายืนหยัดได้ หลังจากได้ยินคำกล่าวของมู่เฟยหลวน มู่อวิ๋นหรงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อนุซุนและมู่อวิ๋นหรงเชื่อคำกล่าวของมู่เฟยหลวน แม้แต่มู่หลิงก็เชื่อ แต่ไม่สามารถหลอกลวงมู่ฉังหมิงซึ่งรู้จักฮ่องเต้แคว้นหวาเช่นกัน ฮ่องเต้แคว้นหวาเป็นอย่างไร มู่ฉังหมิงที่รู้จักฮ่องเต้แคว้นหวาตั้งแต่วัยหนุ่มย่อมพอมีความเข้าใจอยู่บ้าง หากฮ่องเต้แคว้นหวาปฏิบัติต่อพระสนมอวิ๋นเฟยอย่างไว้หน้ากงอ๋องจริงๆ พระสนมอวิ๋นเฟยคงจะไม่ใช่พระสนมขั้นสองมาหลายสิบปี ในทางตรงกันข้าม หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับมู่หรงอวี้และมู่หรงอาน ฮ่องเต้แคว้นหวาย่อมนำความพิโรธโกรธาไปลงยังพระสนมอวิ๋นอย่างแน่นอน

มู่ฉังหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวกับอนุซุนว่า ข้ามีเรื่องจะสนทนากับพระสนม พวกเจ้าออกไปก่อน

แม้ว่าสามแม่ลูกอนุซุนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนเจตจำนงของมู่ฉังหมิง จำต้องลุกขึ้นและจากไป

มีเพียงมู่ฉังหมิงและมู่เฟยหลวนเท่านั้นที่อยู่ภายในห้อง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดปริปากพูดออกมาแม้แต่น้อย บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น หลังจากนั้นมู่เฟยหลวนก็ถอนหายใจออกมา เอ่ยเสียงแผ่วเบา ท่านพ่อ ท่านจะตำหนิหลวนเอ๋อร์ใช่หรือไม่

หางตาของมู่ฉังหมิงกระตุก ใช้เวลานานก่อนที่เขาจะยิ้มแหยออกมา กล่าวว่า พระสนมกล่าวหนักไปแล้ว ในนั้น…

มู่เฟยหลวนมองเขาแล้วกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า ตั้งแต่สามปีก่อน…บิดากับบุตรีก็ไม่ได้พบกันอีกเลย ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเมื่อสามปีก่อน บิดาก็ไม่เคยไปเยี่ยมเยียนนางในวังอีกเลย ในฐานะซู่เฉิงโหว มู่ฉังหมิงสามารถส่งสาส์นเข้าไปในวังหลวงเพื่อขอเยี่ยมเยียนบุตรีได้เดือนละครั้ง แต่มู่ฉังหมิงกลับไม่เคยไปที่นั่นเลย ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็แก่ชราและอ่อนกำลังลง จึงไม่ค่อยได้เข้าไปในวังมากนัก ดังนั้นเมื่อมีเรื่องอันใด มู่เฟยหลวนจึงทำได้เพียงแค่บอกกล่าวกับมารดาเช่นอนุซุนเท่านั้น แต่อนุซุนก็ไม่ได้ฉลาดหลักแหลม มู่เฟยหลวนจึงไม่กล้าปล่อยให้นางกระทำการสำคัญหรือสิ่งที่เป็นความลับ

ท่านพ่อรู้สึกผิดต่อท่านแม่…รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อบุตรีผู้มีตำหนิ เช่นนั้น…ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่านจึงไม่มาเยี่ยมบุตรีเช่นข้าเลย ทว่าในช่วงสองสามปีมานี้กลับคอยปกป้องน้องหญิงสี่ไปทุกหนแห่ง ใช่หรือไม่เจ้าคะ มู่เฟยหลวนลูบท้องด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่มองมู่ฉังหมิงทั้งน้ำตา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ไม่มีผู้ใดลงมือกับมู่ชิงอีได้ หากไม่ใช่เพราะได้มู่ฉังหมิงปกป้องทั้งในที่ลับและที่แจ้ง มู่ชิงอีที่เก็บตัวเงียบและขลาดเขลาจะอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้เช่นไร

ร่องรอยของความโกรธเกรี้ยวและความละอายปรากฏขึ้นในดวงตาของมู่ฉังหมิง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลวนเอ๋อร์ เรื่องราวก่อนหน้านี้…มันผ่านไปแล้ว อย่าได้กล่าวถึงอีกต่อไปเลย

มู่เฟยหลวนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า มันผ่านไปแล้ว…ผ่านง่ายดายถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฝ่าบาททรงจดจำน้องหญิงสี่ได้ กล่าวกับข้าอยู่หลายครั้งหลายคราให้ข้าเรียกน้องหญิงสี่เข้าเฝ้าในวัง หากเป็นเช่นนั้น…หากฝ่าบาทพอพระทัยต่อน้องหญิงสี่จริงๆ ข้าควรจะทำเช่นไรเจ้าคะ

ดวงตาของมู่ฉังหมิงเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปยังบุตรีที่น่าสงสาร อดไม่ได้ต้องถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา ไม่เป็นอะไรหรอก หลวนเอ๋อร์ ยามนี้ท่านเป็นพระสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุด และกำลังจะเป็นกุ้ยเฟยในอนาคต จึงไม่จำเป็นต้องมีพระสนมของฮ่องเต้อีกผู้หนึ่งจากจวนซู่เฉิงโหว อีเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวัง พ่อให้สัญญา…ฝ่าบาทจะไม่มีวันได้พบหน้านาง!

มู่เฟยหลวนหลุบตาลงซ่อนแววตาเย็นชา นางกัดริมฝีปากสีแดงสดของนางเบาๆ ข้าทราบดีว่าการกระทำของท่านพ่อนี้ทำให้น้องหญิงสี่เสียเปรียบ ข้าถือเป็นบุตรีที่ไม่ดี แม้ว่าข้ากับน้องหญิงสี่จะไม่ได้เกิดจากมารดาเดียวกัน ก็ยังเป็นญาติทางสายโลหิตกัน แต่ข้า…ข้าก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ท่านพ่อ หากน้องหญิงสี่ทราบเรื่องฮูหยิน…ที่มันรั่วไหลออกไป ข้าเกรงว่ามันจะเป็นหายนะของจวนซู่เฉิงโหวของเรา

หัวใจของมู่ฉังหมิงกระตุก เขากล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นในตอนนั้น… ล้วนสิ้นชีพหมดแล้ว

มู่เฟยหลวนกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง หลวนเอ๋อร์ได้ยินมาว่าน้องหญิงสี่เริ่มสะกิดใจ หากนางเกิดเอ่ยถาม ข้าเกรงว่า…

มู่ฉังหมิงนิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า พ่อรู้แล้ว ไม่ต้องห่วง พ่อจะจัดการเป็นอย่างดี

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่เฟยหลวนก็กล่าวอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มว่า ท่านพ่อโปรดวางใจ หลวนเอ๋อร์มั่นใจถึงเจ็ดส่วนว่าเด็กคนนี้ในท้องจะเป็นพระโอรส เมื่อถึงยามนั้นท่านพ่อจะเป็นท่านตาขององค์ชายน้อยเจ้าค่ะ

ตอนต่อไป

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท