หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 90 การแสดงละครของมู่เฟยหลวน (3)

หวนคืนชะตาแค้น

แน่นอนว่ามู่ชิงอีทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับจูหมิงเยียน ในยามนี้เมื่อได้ยินมู่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวถึงเรื่องนี้ นางจึงทราบได้ว่าผลลัพธ์นั้นดีมากทีเดียว แค่ไม่รู้ว่า…กงอ๋องที่อดทนมาได้เป็นร้อยครั้ง ในคราวนี้จะยังทนรับได้หรือไม่

แต่… มู่อวิ๋นหรงกัดริมฝีปากพลางกล่าว นางไม่เพียงต้องการพบจูหมิงเยียนเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือนางต้องการถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนิงอ๋อง บิดาของนางไม่ได้กล่าวอะไรที่ชัดเจน ซึ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ

มู่ฉังหมิงมองไปที่มู่อวิ๋นหรงแล้วลอบถอนหายใจ แม้ว่าในยามนี้เขาจะไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับหนิงอ๋อง แต่มู่ฉังหมิงก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง

หากเกิดบางอย่างขึ้นกับหนิงอ๋องจริงๆ อวิ๋นหรงก็จะ…

ไม่มีแต่ทั้งนั้น! มู่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม นางจ้องมองไปที่มู่อวิ๋นหรงอย่างเข้มงวดแล้วกล่าวว่า หากไม่ต้องการรักษาชื่อเสียง เจ้าก็จงไปซะ ข้าจะไม่หยุดเจ้าแม้แต่น้อย จู่ๆ มู่อวิ๋นหรงก็ราวกับเป็นใบ้ นางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหดหู่ แล้วมองไปที่อนุซุนอย่างน่าสงสาร ท่านแม่…

อนุซุนก็ว้าวุ่นใจเล็กน้อย ท่านโหว เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับหนิงอ๋องหรือเจ้าคะ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหนิงอ๋อง ตำแหน่งพระชายาของอวิ๋นหรงจะต้องหายไปแน่นอน ไม่ใช่ว่าองค์ชายทุกพระองค์จะเต็มใจอภิเษกสมรสกับบุตรีที่เกิดจากอนุภรรยาของจวนซู่เฉิงโหวในฐานะพระชายา ยิ่งไปกว่านั้นในยามนี้ องค์ชายเพียงพระองค์เดียวที่มีอายุเท่ากับอวิ๋นหรง มีเพียงแค่หนิงอ๋องเท่านั้น

มู่ฉังหมิงส่ายศีรษะ หนิงอ๋อง…หนิงอ๋องพากู้ซิ่วถิงออกจาก…เรือนของกงอ๋อง เมื่อกล่าวถึงกู้ซิ่วถิงสามคำนี้ มู่ฉังหมิงก็เริ่มตัวแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย ในยามนี้ไม่รู้ว่าอยู่หนใด

กู้ซิ่วถิงเช่นนั้นหรือ มู่อวิ๋นหรงโวยวายขึ้นมา เขายังมีชีวิตอยู่หรือเจ้าคะ

มู่ฉังหมิงไม่ได้ตอบอะไร แม้ว่าหลายคนในเมืองหลวงจะรู้จักกู้ซิ่วถิง แต่ก็ยังไม่ได้แพร่กระจายไปถึงจุดที่แม้แต่หญิงสาวอย่างมู่อวิ๋นหรงจะทราบเรื่องนี้ ซู่เฉิงโหวจงใจบอกเพื่อปิดปากของมู่อวิ๋นหรง ไม่เช่นนั้นด้วยอารมณ์ของมู่อวิ๋นหรงก็ไม่อาดคาดเดาได้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ไม่เพียงแต่มู่อวิ๋นหรง อนุซุน มู่หลิง และมู่เชินเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่มู่ฮูหยินผู้เฒ่าที่ท่าทีสงบเป็นอย่างมาก ทว่าสีหน้ากลับดูมืดมนเล็กน้อย นางกัดฟันกล่าวว่า กู้ซิ่วถิงผู้นี้เป็นจิ้งจอกที่กลับชาติมาเกิดจริงๆ กระมัง เข้าทางหนิงอ๋อง เพื่อที่เขาจะ…

ดวงตามู่ชิงอีที่นั่งอยู่ข้างๆ มู่ฮูหยินผู้เฒ่า ค่อยๆ จมลึกลงเล็กน้อย มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนอาภรณ์กำแน่น แววตามาดร้ายไหลผ่านดวงตาอันงดงาม

นี่เป็นไปไม่ได้! หนิงอ๋องจะไม่ทำเช่นนั้น! มู่อวิ๋นหรงกรีดร้อง ชื่อเสียงในเมืองหลวงของมู่หรงอานนั้นไม่ดีนัก แต่นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงไปหรอกหรือถ้าจะบอกว่าเขาเชยชมได้ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่ม มู่อวิ๋นหรงได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาเช่นกัน แต่นางย่อมปฏิเสธที่จะเชื่อ

ในเวลานั้น มู่หรงอานมักจะระรานทำให้บุตรชายคนโตของตระกูลกู้ลำบากอยู่เสมอ อนุซุนเองก็พอรู้เรื่องราวอยู่บ้างเพราะมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วในหมู่ขุนนางในเมืองหลวง และยิ่งมู่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนั้นนางก็หน้าซีด

เป็นไปได้หรือไม่ว่าหนิงอ๋องหนีไปกับกู้ซิ่วถิงจริงๆ? หากเป็นเช่นนี้ทั้งจวนซู่เฉิงโหวและมู่อวิ๋นหรง เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดคงกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงแห่งนี้

เสียงที่บาดหูของมู่อวิ๋นหรงทำให้มู่ฮูหยินผู้เฒ่าอดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยสั่ง หุบปาก! อย่าให้มากไปนัก ยามนี้ท้องฟ้าก็ยังไม่ถล่มลงมาไม่ใช่หรือ สำหรับมู่อวิ๋นหรงแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันย่อมไม่ต่างอะไรกับการถล่มของท้องฟ้า มู่อวิ๋นหรงกัดฟันแล้วกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า หนิงอ๋องต้องสับสนอยู่แน่ๆ ล้วนเป็นเพราะกู้ซิ่วถิง…ล้วนเป็นเพราะไอ้สารเลวกู้ซิ่วถิงนั่น…ที่ไม่รู้สึกละอายเลย…

มู่ชิงอีกัดฟันของนางไว้เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นไปตบหน้าของมู่อวิ๋นหรง นางบังคับตัวเองให้มองลงไปที่พื้นเท่านั้น

มู่อวิ๋นหรง หากไม่ทำให้เจ้ามีชีวิตไม่เท่ากับตาย ก็อย่าเรียกข้าว่ากู้อวิ๋นเกอ! ในใต้หล้านี้ไม่มีใครดูหมิ่นพี่ใหญ่ได้ ผู้ใดก็ล้วนดูหมิ่นไม่ได้!

ชิงอี เจ้าคิดเยี่ยงไรกับเรื่องนี้หรือ แม้ว่ามู่ชิงอีจะพยายามอดทนอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ มู่ฉังหมิงหรี่ตาลงขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

มู่ชิงอีค่อยๆ เงยหน้ามองไปที่มู่อวิ๋นหรงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า พี่หญิงสามกังวลเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่หนิงอ๋องจะอภิเษกกับชายหนุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม หากหนิงอ๋องปฏิเสธที่จะกลับมาในยามนี้ พี่หญิงสามจะต้อง…เป็นม่าย แต่หากเป็นเช่นนี้จริงๆ น้องหญิงสี่คงต้องขอบพระคุณพี่หญิงสามแล้วเจ้าค่ะ

เมื่อมองไปที่มู่ชิงอีเป็นเวลานาน มู่ฉังหมิงก็แอบพึมพำในใจว่า

บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป มู่ชิงอีอาจยังคงไม่พอใจอวิ๋นหรงที่ได้รับตำแหน่งพระชายาหนิงในยามนั้น นอกจากนี้ก็คงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ กู้ซิ่วถิงนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของชิงอี คงยังมีความรักความห่วงใยให้อยู่บ้าง

มู่ชิงอี เจ้า! มู่อวิ๋นหรงโกรธจนตาแดงก่ำ ลุกขึ้นแล้วชี้นิ้วไปที่มู่ชิงอีทันที ขณะกำลังจะพูดสาปแช่ง องครักษ์ที่ปรากฏกายหน้าประตูก็รายงานขึ้นว่า ท่านโหว กงอ๋องเสด็จมาขอรับ

ก่อนที่มู่ฉังหมิงจะตอบโต้ มู่หรงอวี้ก็ก้าวเข้ามาในเรือนแล้ว

ท่านอ๋อง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง มู่ฉังหมิงรีบลุกขึ้นทักทายเขา มู่ฉังหมิงสับสนกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมู่หรงอวี้ไม่น้อย ดวงตาของมู่หรงอวี้จับจ้องไปที่ร่างของมู่ชิงอี มู่ชิงอีไม่ได้หลบและปล่อยให้เขามองดูอย่างใจกว้าง ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า ท่านอ๋อง มีอะไรจะกล่าวกับ…ชิงอีหรือไม่เพคะ

มู่หรงอวี้จ้องมองที่นางแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า น้องแปดมาพบเจ้าเมื่อสองสามวันก่อนเพื่อการใด

มู่ชิงอีก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับขู่เข็ญของมู่หรงอวี้แล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า ไม่มีเรื่องอันใด…หนิงอ๋องเพียงแค่เอ่ยถามบางอย่างเพคะ มู่หรงอวี้จ้องมองนางอย่างเย็นชา ข้าขอถามเจ้า เขาเอ่ยถามสิ่งใดหรือ

มู่ฉังหมิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า ท่านอ๋อง เกิดสิ่งใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ในวันนั้นยามที่หนิงอ๋องมาที่จวนกระหม่อมก็อยู่ด้วย กระหม่อมเป็นผู้นำหนิงอ๋องไปพบชิงอีด้วยตัวเอง เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ มู่หรงอวี้เหลือบมองไปที่มู่ฉังหมิงแล้วเอ่ยว่า เขาพาคนหนีไปแล้ว

มู่ฮูหยินผู้เฒ่ารีบลุกขึ้นนำคนอื่นออกไป เหลือไว้เพียงมู่ฉังหมิง มู่ชิงอี และมู่หรงอวี้อยู่ในห้องเท่านั้น มู่ฉังหมิงกล่าวว่า ท่านอ๋อง เชิญนั่งแล้วสนทนากันก่อนเถิด ชิงอีทานอาหารผิดสำแดงเมื่อสองสามวันก่อน นางจึงไม่ค่อยสบายนัก หากมีเรื่องใดผิดพลาด โปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ

มู่หรงอวี้จ้องมองไปที่ผ้าคลุมบนใบหน้าของมู่ชิงอี แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเผยช่วงดวงตาและผิวหนังบางส่วนที่สามารถมองเห็นผื่นสีแดงเข้มได้เล็กน้อย

คุณหนูสี่ เจ้าออกไปข้างนอกมาเมื่อสองสามวันก่อนหรือไม่ มู่หรงอวี้เอ่ยถาม

ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาคู่งามของมู่ชิงอี นางส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบ เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ออกไปไหนเพคะ เมื่อสองสามวันก่อนชิงอีได้ทานอาหารผิดสำแดงบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดผื่นขึ้นบนใบหน้า ท่านหมอบอกไว้ว่าหากผื่นยังไม่หาย เมื่อต้องลมเข้าจะทำให้เกิดแผลเป็นได้เพคะ

มู่หรงอวี้พยักหน้ารับ ลอบตัดสินความจริงในคำกล่าวของมู่ชิงอีแล้วเอ่ยถามต่อว่า เช่นนั้นแล้วเหตุใดหนิงอ๋องถึงมาหาเจ้าเมื่อสองสามวันก่อน มู่ชิงอีกล่าวด้วยท่าทีหวาดผวา เกิด…เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ

ตอบคำถามข้า มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม เขารู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นห่างไกลจากความไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตรายอย่างที่นางแสดงออกมา เขาจึงไม่คิดสงสารนาง มู่ชิงอีเองก็หาได้สนใจไม่ เพียงเอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบว่า หนิงอ๋อง หนิงอ๋องถามหม่อมฉันว่าทราบที่อยู่ของสมบัติตระกูลกู้อย่างจิ่วจ่วนหลิงหลงว่าอยู่ที่ใดหรือไม่

แล้วเจ้าตอบไปว่าอย่างไร มู่หรงอวี้หรี่ตาและจ้องไปที่มู่ชิงอีอย่างคาดคั้น

มู่ชิงอีส่ายศีรษะ หม่อมฉันไม่ทราบ…หม่อมฉันไม่เคยเห็นจิ่วจ่วนหลิงหลงมาก่อน แต่…หนิงอ๋องนั้นไม่เชื่อ ยังกล่าว…ยังกล่าวว่า…

ตอนต่อไป

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท