มู่ชิงอีกระซิบบอกเรื่องที่เฝิงจื่อสุ่ยและหรงจิ่นได้บอกกับตนให้กู้ซิ่วถิงได้ฟัง ในขณะที่ฟังเรื่องราว สีหน้าของคุณชายซิ่วถิงก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสี สีหน้าของเขามีความสลับซับซ้อน เมื่อมองไปที่มู่ชิงอีคล้ายกับว่าลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง เพียงแค่มองดูสีหน้าของเขามู่ชิงอีก็รู้ว่ากู้ซิ่วถิงจะต้องรู้บางอย่างที่นางไม่รู้อย่างแน่นอน จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที พี่ใหญ่ ได้โปรดบอกข้าเถิด ข้า…ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่ตายไปอย่างไม่ชัดเจนได้
กู้ซิ่วถิงมองดูนางอย่างจนปัญญา ถอนหายใจเอ่ยขึ้นเสียงเบา เรื่องนี้…เดิมทีไม่ควรให้พี่ใหญ่มาพูด น้าหญิงก็ได้จากไปแล้วพวกเราคนรุ่นหลังยิ่งไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ แต่ว่า…เจ้าก็รู้ ซู่เฉิงโหวเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
มู่ชิงอีพยักหน้า นางรู้ว่าคนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้ดีและมันก็ไม่ได้นับว่าเป็นความลับอะไร ดังนั้นแม้ว่าฮ่องเต้แคว้นหวาจะทรงดุร้ายและขี้สงสัยแต่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อซู่เฉิงโหวก็นับว่าไม่เลวเลย
กู้ซิ่วถิงเอ่ยขึ้น เรื่องราวในปีนั้น…ข้าก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก เวลานั้นข้าเพิ่งจะเกิด น้าหญิงกับซู่เฉิงโหวก็ยังไม่ได้สมรสกันแต่ว่าพวกเขาได้หมั้นหมายกันแล้ว ต้นฤดูใบไม้ผลิปีนั้นซู่เฉิงโหวเชิญน้าหญิงออกไปเที่ยวชมธรรมชาติ ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของทุกๆ ปี มักจะมีคู่หมั้นคู่หมายหลายคู่ชวนกันออกนอกจวนเพื่อเที่ยวชมธรรมชาติอยู่ไม่น้อย อีกทั้งไม่ได้มีผู้ใดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้ ส่วนท่านตากับท่านยายก็เห็นด้วย ในระหว่างการเที่ยวชมครั้งนั้น ซู่เฉิงโหวได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้แคว้นหวาที่ถูกลอบสังหารเพราะปลอมตัวออกจากวังเพื่อสำรวจราชการในขณะนั้น
หัวใจของมู่ชิงอีสั่นไหว เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า พูดเช่นนี้แสดงว่าท่านแม่และ…ได้ร่วมกันช่วยชีวิตฮ่องเต้แคว้นหวา
กู้ซิ่วถิงเหลือบมองมู่ชิงอีและพยักหน้าเห็นด้วยกับการคาดคะเนของนางจากนั้นจึงพูดต่อ หลังจากนั้นไม่นาน ท่านยายมาเยี่ยมเยียนท่านแม่ที่จวนบอกท่านแม่ว่าฮ่องเต้แคว้นหวาแสดงเจตนาอย่างลับๆ ให้กับท่านตาว่าต้องการให้น้าหญิงเข้าวังเพื่อเป็นพระสนม
มู่ชิงอีอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าในใจนางจะคาดเดาไว้แล้วแต่เมื่อความจริงได้รับการยืนยันจากปากของพี่ใหญ่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ท่านตาไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือเจ้าคะ
กู้ซิ่วถิงพยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า แน่นอนว่าท่านตาไม่เห็นด้วย น้าหญิงรับหมั้นซู่เฉิงโหวแล้ว แม้ว่าซู่เฉิงโหวจะไม่นับว่ามีใจเดียวแต่เขาก็เกรงใจน้าหญิงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดีกว่าทำลายชื่อเสียงเพื่อเข้าวังเป็นพระสนมชั่วชีวิตไร้ซึ่งอิสระ แต่เนื่องจากฮ่องเต้ได้ตรัสขอน้าหญิงแล้ว เรื่องนี้หากท่านตาไม่เห็นด้วยแล้วจะให้แก้ไขปัญหาอย่างไร สุดท้ายน้าหญิงก็ออกปากเองว่าหากฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์ให้นางเข้าวังนางก็เต็มใจที่จะถอนตัวจากการสมรสกับจวนซู่เฉิงโหวหนีเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์และจะไม่เหยียบเข้าไปในประตูวังแม้แต่ครึ่งก้าว ท้ายที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเลี่ยง อีกทั้งยังมีท่านยายที่พยายามเกลี้ยกล่อมเขา เรื่องนี้ก็นับว่าปล่อยไป เพียงแต่ไม่คิดว่า…
ไม่มีใครคิดว่าเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วฮ่องเต้จะยังจำเรื่องนี้ได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือมู่ฉังหมิงจะส่งภรรยาของตนเข้าวังไปและในที่สุดก็ลงมือทำร้ายนางจนตาย
มู่ฉังหมิง! มู่เฟยหลวน! มู่ชิงอีกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความขมขื่น
ชิงอี… กู้ซิ่วถิงยกมือขึ้นตบลงที่ไหล่นางเบาๆ พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน อย่าไปเอาอารมณ์ของคนพวกนั้นมาใส่ใจเลย…
มู่ชิงอียกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาจากหางตาพร้อมกับกัดฟันกล่าวว่า ข้าเพียงแต่คิดว่า…ท่านแม่ได้รับความทุกข์ใจและต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมมากมาย อีกทั้งยังมาจากไปเช่นนั้น…ข้าปรารถนาที่จะแผดเผาจวนซู่เฉิงโหวให้สิ้นซาก!
เด็กโง่ กู้ซิ่วถิงถอนหายใจเบาๆ เผาแล้วอย่างไรเล่า อย่างมากก็แค่สร้างขึ้นมาใหม่ก็ได้แล้ว สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด พวกเราจะทำลายพวกมันต่อหน้าต่อตาทีละคน ทำลายให้หมดสิ้น เช่นนี้น้าหญิงจึงจะสามารถตายตาหลับในยมโลกได้ เพียงแต่…อีเอ๋อร์ มู่ฉังหมิงเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเจ้า เจ้าคิดจริงจัง…
มู่ชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ชิงอีมีเพียงท่านแม่ ไม่มีท่านพ่อ! ผู้คนในจวนซู่เฉิงโหวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า มู่ชิงอีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มองไปยังแววตาที่เป็นกังวลของกู้ซิ่วถิง
ไม่รู้ว่าถ้าหากเป็นน้องหญิงนั้นจะเลือกอย่างไรแต่นี่เป็นการเลือกของนางกู้อวิ๋นเกอ! ถึงแม้ว่าน้องหญิงจะเกลียดนางอยู่ในยมโลกนางก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแม้แต่น้อย
หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว กู้ซิ่วถิงเอ่ยเสียงเบามองดูใบหน้าที่เย็นชาของนาง
เมื่อก่อนชิงอีเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้ผู้คนล้วนรักใคร่ แม้ว่าในจวนซู่เฉิงโหวจะไม่ได้รับการโปรดปรานมากนักแต่คนตระกูลกู้ต่างก็ชื่นชอบเด็กไร้เดียงสาและเก็บตัวคนนี้เป็นอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม อวิ๋นเกอซึ่งแก่กว่าสองปีดูเหมือนจะดีเลิศแต่ก็เป็นตัวของตัวเองเกินไปจนทำให้ผู้คนลืมไปว่าจริงๆ แล้วนางไม่ได้โตขนาดนั้น แม้แต่องค์รัชทายาทมู่หรงซีในขณะนั้นยังปฏิบัติต่อชิงอีไม่เลวเลยทีเดียวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาและอวิ๋นเกอ สภาพแวดล้อมแบบใดกันที่สามารถขัดเกลาเด็กสาวไร้เดียงสาใสซื่อบริสุทธิ์ให้กลายเป็นสิ่งที่นางเป็นอยู่ในตอนนี้ได้?
มู่ชิงอียิ้มบางๆ ชิงอีไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่ใหญ่สิที่ต้องทุกข์ทรมาน ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ มู่ชิงอีดึงหยกแขวนออกจากแขนเสื้อเพื่อต้องการมอบให้กู้ซิ่วถิง พี่ใหญ่ สิ่งนี้คืนให้ท่านเจ้าค่ะ
กู้ซิ่วถิงส่ายหัวและผลักมือของนางกลับคืนไป มู่ชิงอีมองดูเขาอย่างสงสัย กู้ซิ่วถิงยิ้มบางเอ่ย ในตอนนั้นท่านปู่ทิ้งกฏเกณฑ์เอาไว้ ผู้ใดได้รับไปก่อนก็เป็นของผู้นั้น ไม่สามารถส่งต่อได้
แต่ว่าเดิมทีนี่คือสิ่งที่เป็นของพี่ใหญ่นะเจ้าคะ ยิ่งไปกว่านั้น…หากพี่ใหญ่ไม่เจอเรื่องร้ายจะต้องได้รับสิ่งนี้ก่อนข้าอย่างแน่นอน มู่ชิงอีเอ่ยอย่างยืนกราน สิ่งเหล่านี้เดิมทีเป็นของตระกูลกู้มอบให้พี่ใหญ่ จากนี้ไปการฟื้นฟูตระกูลกู้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำหรอกหรือเจ้าคะ
ฟื้นฟูตระกูลกู้? สายตาของกู้ซิ่วถิงทอดมองไปในระยะไกล รอยแผลเป็นอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าซูบผอมแต่หล่อเหลา หลังจากผ่านไปนานจึงเห็นกู้ซิ่วถิงค่อยๆ ส่ายหัวและเอ่ยขึ้นว่า ไม่สำคัญว่าตระกูลกู้จะสามารถฟื้นฟูได้หรือไม่ อีเอ๋อร์ เจ้าสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้
มู่ชิงอีอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ใหญ่พูด
ถ้าหากพี่ใหญ่จากไปอย่างที่นางคิดในตอนแรกจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่สำคัญ คนไม่อยู่แล้วยังจะพูดถึงเรื่องการฟื้นฟูไปเพื่อสิ่งใด แต่พี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ การฟื้นฟูตระกูลกู้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำหรอกหรือ
เมื่อเห็นท่าทางที่ตกตะลึงของนาง กู้ซิ่วถิงยิ้มและเอ่ยอย่างไม่เดือดร้อนใจว่า อีเอ๋อร์คิดที่จะพัฒนาตระกูลกู้อย่างไรหรือ สนับสนุนองค์ชายสักพระองค์หรือผิงอ๋องอีกครั้งให้ต่อสู้เพื่ออำนาจและบัลลังก์ รอจนกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์และจะสามารถฟื้นฟูตระกูลกู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่…แล้วอย่างไรเล่า ไม่แน่ว่า…หลายสิบปีให้หลังอาจจะเกิดหายนะอีกครั้งหนึ่ง ปีนั้นท่านปู่ตัดสินใจว่าภายในห้าปีหากไม่มีผู้ใดไปรับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลกู้ มันก็จะถูกกระจัดกระจายให้แก่ผู้คนทั่วแคว้น อีเอ๋อร์เข้าใจหรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด
มู่ชิงอีต้องการลบล้างคำพูดของกู้ซิ่วถิงแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะหักล้างได้อย่างไร อย่างที่พี่ใหญ่บอกนอกจากนี้การสนับสนุนให้องค์ชายต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์รอเมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่เสด็จขึ้นครองราชย์เพื่อฟื้นฟูตระกูลกู้ แต่ตระกูลกู้จะได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งแน่หรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงตรงนี้มู่ชิงอีรู้สึกว่านางไม่ต้องการ
ไม่ว่านางจะสนับสนุนองค์ชายองค์อื่นๆ หรือแม้แต่มู่หรงซีที่เป็นลูกพี่ลูกน้องนางล้วนไม่ต้องการ ตระกูลกู้ถูกฆ่าทั้งตระกูล มู่หรงอวี้เป็นตัวการสำคัญที่วางแผนใส่ร้ายตระกูลกู้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากฮ่องเต้ไว้วางใจขุนนางที่ช่วยเขาปกครองมานานกว่าสิบปีมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลกู้จะถูกตัดสินลงโทษด้วยหลักฐานที่เล็กน้อยเช่นนี้ เหตุใดขุนนางระดับสูงในเมืองหลวงจึงไม่กล้าพูดถึงตระกูลกู้เพราะว่าในใจของทุกคนรู้ดีว่าไม่ใช่กงอ๋องที่ต้องการให้ตระกูลกู้ตายไปจริงๆ แต่เป็นฮ่องเต้ผู้อยู่เหนือคนทั้งปวง
ตอนต่อไป