ทั้งสามคนเดินมายังส่วนลึกที่สุดของสวนดอกไม้ในจวนอ๋องซึ่งก็คือภูเขาปลอมที่ทิวทัศน์งดงามอย่างมาก ด้านในมีเสียงคนคุยกันดังแว่วออกมารำไร หรงจิ่นและเกอซูปิงล้วนเรียนศิลปะป้องกันตัวมาย่อมฟังได้ชัดกว่ามู่ชิงอีอยู่แล้ว เกอซูปิงขมวดคิ้วคิดจะเปิดปากถามว่าใครอยู่ข้างในนั้นแต่กลับเห็นหรงจิ่นกำลังส่ายนิ้วแล้วส่งเสียง ชู่
เกอซูปิงกะพริบตาปริบๆ อย่างประหลาดใจ ครั้นเห็นหรงจิ่นลากมู่ชิงอีเดินมุ่งหน้าไปทางภูเขาปลอมจึงตามไปด้วย
มู่ชิงอีถูกหรงจิ่นลากตัวไปปุบปับทัดทานไว้ไม่ทัน จากนั้นก็ถูกหรงจิ่นปิดปากพลางยืดตัวตรงเอ่ย “ชิงชิงเป็นเด็กดีนะ ด้านหน้ามีเรื่องสนุกๆ ให้ดูด้วย”
ไม่รู้ว่านักออกแบบของจวนอ๋องในตอนนั้นคิดอย่างไร กลุ่มภูเขาปลอมนี้กินพื้นที่สวนของจวนอ๋องไปถึงหนึ่งในห้าส่วนโดยประมาณ ถ้าเล่นซ่อนแอบละก็คนที่หลบอยู่ตรงนี้คงไม่ถูกเจอตัวง่ายๆ มู่ชิงอีและเกอซูปิงเดินตามหลังหรงจิ่นแล้วมุ่งหน้าไปทางจุดที่มีเสียงดังแว่วมาอย่างระมัดระวัง พวกเขาเดินทะลุผ่านภูเขาปลอมนี้ไปจนพอใกล้ถึงสุดขอบจึงหยุดฝีเท้าลง เสียงนั้นดังออกมาจากหลังภูเขาปลอมนั้น
“พระชายารอง ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นจืออี๋ต้องขอตัวก่อน ออกมานานแล้วพี่น้องคนอื่นจะเป็นกังวลได้” ด้านหลังภูเขาปลอมมีเสียงสตรีใสกังวานดังแว่วออกมา เกอซูปิงที่ไม่คุ้นชินกับแคว้นหวานักกะพริบตาปริบๆ มองมู่ชิงอีและหรงจิ่นอย่างฉงนสงสัย
“ท่านพี่ไม่มีทางชอบเจ้าหรอก!” เสียงของจูหมิงเยียนที่แฝงความเอาแต่ใจเย่อหยิ่งและเจือความเกรี้ยวโกรธเล็กน้อยดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าก่อนที่พวกเขาจะมา บทสนทนาระหว่างพวกนางคงไม่ค่อยดีสักเท่าไร
หลี่จืออี๋เงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะหัวเราะเสียงราบเรียบออกมา “แล้วอย่างไรเล่า กงอ๋องก็ต้องอภิเษกกับข้าแต่งตั้งขึ้นเป็นพระชายาเอก นี่ถึงจะเป็นความจริงไม่ใช่หรือ”
จูหมิงเยียนหายใจติดขัดเห็นได้ชัดว่าถูกคนพูดทิ่มแทงหัวใจ ครั้นได้สติกลับมาก็กรีดร้องเสียงเล็กแหลมกว่าเดิม “ต่อให้เจ้าเป็นพระชายาแล้วอย่างไรเล่า ท่านพี่ขออภิเษกกับเจ้าก็เพราะตระกูลหลี่ เจ้าคิดว่าเขาจะชื่นชอบเจ้าจริงๆ งั้นหรือ”
หลี่จืออี๋สูดลมหายใจเข้าปากเสียงเบา ยกยิ้มบาง “ในเมื่อพระชายารองก็รู้เรื่องพวกนี้แล้วทำไมต้องมาหาเรื่องจืออี๋ด้วยเล่า รอหลังจากจบงานอภิเษกของหม่อมฉันกับกงอ๋อง หม่อมฉันก็กลายเป็นพระชายากงของหม่อมฉันไป ส่วนพระชายารองพอใจจะชอบจะพลอดรักกับกงอ๋องอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกท่าน ถึงแม้จืออี๋จะไม่ใช่สตรีเพียบพร้อมด้วยหลักคุณธรรมอะไรนักแต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสตรีขี้อิจฉา”
จูหมิงเยียนหายใจติดขัดอีกครั้ง สิ่งที่หลี่จืออี๋พูดไม่ผิดเลย แต่ทุกอย่างนั้นควรอยู่บนรากฐานที่มู่หรงอวี้รักนาง แต่จูหมิงเยียนรู้ดียิ่งกว่าใครว่าแต่ไรมามู่หรงอวี้ไม่เคยรักนางเลย
หลังภูเขาปลอมหญิงสาวงามสง่าอ่อนช้อยนุ่มนวลมองจูหมิงเยียนที่มีสีหน้าอิจฉาริษยาเบื้องหน้า ถึงแม้จะงดงามเช่นเคยแต่ซูบผอมลงไปอยู่บ้างเลยถอนหายใจอย่างนึกเห็นใจ เพียงแต่ความเห็นอกเห็นใจเช่นนี้ของนางกลับยิ่งยั่วโมโหจูหมิงเยียน จูหมิงเยียนเอ่ยยิ้มเย็นชา “ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นเห็นใจข้าหรอก! เจ้าคิดว่าตัวเองดีขนาดไหนเชียว? เขาแต่งกับเจ้าก็เพื่อให้ได้แรงสนับสนุนจากตระกูลหลี่ ถ้าไม่มีจวนตระกูลหลี่เจ้าจะเป็นตัวอะไรกันล่ะ อย่างเจ้าคงตกอับยิ่งกว่าข้าเสียอีก!”
หลี่จืออี๋แน่นิ่งไม่พูดอะไร นางรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่จูหมิงเยียนกล่าวเป็นความจริง นางได้รับความโปรดปรานจากองค์ไทเฮาได้ย่อมไม่ใช่คนโง่เขลา ความจริงนางมองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าใคร แต่…คำสั่งกษัตริย์นั้นยากจะขัดขืน ฮ่องเต้อยากให้นางอภิเษกกับกงอ๋อง อย่าพูดแค่ว่ากงอ๋องไม่รักนางเลย เพราะอย่างน้อยก็นับว่าเป็นองค์ชายสถานะสูงศักดิ์ที่มากความสามารถหล่อเหลาเพียบพร้อม ต่อให้ฮ่องเต้รับสั่งให้นางอภิเษกกับขอทานที่ไม่มีอะไรเลย นางก็ต้องทำตามอยู่ดี
ในเมื่อต้องอภิเษก ตนก็จำเป็นต้องยกสถานะของตัวเองขึ้น ถ้านางเป็นพระชายาของกงอ๋อง นางไม่เอาความรักจากมู่หรงอวี้ก็ได้ แต่นางจะยอมทนให้จูหมิงเยียนมายั่วยุสถานะของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ไม่ได้
“จืออี๋จะเป็นเช่นไรไม่จำเป็นต้องให้พระชายารองมากังวลหรอกเพคะ ถ้าพระชายารองเก่งนักก็ไปกังวลเรื่องตัวเองเถิด รอหลังจากหม่อมฉันอภิเษกกับกงอ๋องแล้ว หวังว่าเราจะใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุขนะเพคะ” หลี่จืออี๋เอ่ยเสียงเบา
“เจ้าเลิกคิดได้เลย! ข้าไม่ยอมให้ท่านพี่อภิเษกกับเจ้าแน่! ท่านพี่เป็นของข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งข้าไป” จูหมิงเยียนกัดฟันเอ่ย ครั้งนี้จูหมิงเยียนรู้สึกได้ลึกๆ ว่าหลี่จืออี๋ผู้นี้ไม่ธรรมดา
ถ้าปล่อยให้นางเข้าวังมาได้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตนจะต้องถูกนางเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน เช่นนั้นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวก็คือทำให้นางเข้าจวนกงอ๋องไม่ได้ไปตลอดชีวิต!
เป็นถึงบุตรสาวจากตระกูลผู้ดี ครั้นถูกสบประมาทเช่นนี้ต่อให้หลี่จืออี๋จะถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างดีก็อดเดือดดาลไม่ได้ เอ่ยเสียงขรึมว่า “พระชายารองลืมไปแล้วกระมัง เหมือนว่าท่านเองก็แย่งกงอ๋องมาจากคนอื่นเหมือนกัน แต่ไรมาตระกูลหลี่ของหม่อมฉันนั้นไม่สอนให้แย่งคู่หมั้นของสหายคนสนิทของตัวเอง งานอภิเษกของหม่อมฉันกับกงอ๋องฝ่าบาทเป็นคนประทานให้ โทษที่พระชายารองเอ่ยมานั้นหนักเกินไป หลี่จืออี๋รับไม่ไหวหรอกเพคะ” ตอนนั้นสกุลกู้เข้าคุกไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน กู้อวิ๋นเกอถูกขังคุกยังไม่ทันถูกไต่สวนด้วยซ้ำ จูหมิงเยียนก็อภิเษกกับมู่หรงอวี้สายฟ้าแลบ ถ้าบอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรในก่อไผ่ใครเล่าจะเชื่อบ้าง นี่ก็คือสาเหตุที่เหล่าพระชายาไม่ชอบจูหมิงเยียนกัน แม้แต่สหายคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กยังหักหลังกันได้ ใครจะไปรู้ว่าจะแทงเข้าข้างหลังเราเมื่อไรเล่า
“หุบปาก! นังสารเลว!” กู้อวิ๋นเกอชื่อนี้เป็นหนามที่ทิ่มแทงจูหมิงเยียนมาโดยตลอด สะกิดนิดเดียวก็เจ็บปวดจนเลือดแดงสดไหลรินแล้ว
หลี่จืออี๋ขมวดคิ้วมองจูหมิงเยียนที่อาการคลุ้มคลั่งเบื้องหน้าแล้วเซถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่งโดยไม่ปริปาก แล้วกล่าว “พระชายารองโปรดระวังคำพูดด้วย จืออี๋มีธุระขอตัวก่อนเพคะ”
“คิดจะหนีไปหรือ ง่ายขนาดนั้นเชียว?” จูหมิงเยียนไม่ได้พุ่งเข้าไปขวางหลี่จืออี๋แต่แสยะยิ้มเอ่ยแดกดันแทน หลี่จืออี๋ขมวดคิ้วคิดจะพูดบางอย่าง แต่กลับรู้สึกว่าท้ายทอยเจ็บแปลบขึ้นมา เบื้องหน้าพลันมืดมนจนสลบล้มลงพื้นไป
จูหมิงเยียนผุดยิ้มได้ใจพลางมองหลี่จืออี๋ที่สลบอยู่บนพื้น ผิงหนานจวิ้นจู่อย่างนางเป็นถึงพระชายากง ในจวนจื้ออ๋องย่อมมีคนของจวนกงอ๋องและจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องอยู่แล้ว ง่ายดายจะตายไป
จูหมิงเยียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจมองบุรุษหน้าตาซื่อๆ จงรักภักดีแล้วเอ่ย “ดีมาก เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไรต่อ” บุรุษถูมือพลางเอ่ย “จวิ้นจู่โปรดวางใจได้ เรือนทางตะวันออกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เชื่อได้เลยว่าอีกเดี๋ยวจะทำให้ทุกคนได้เห็นฉากเด็ดคุณหนูสามตระกูลหลี่นัดเจอชู้รัก”
“ดีมาก ไปซะ” จูหมิงเยียนพยักหน้ายิ้มเอ่ย
อีกด้าน เกอซูปิงเบิกตากว้างฟังคำพูดของทางฝั่งนั้น คิดไม่ถึงว่าพระชายากงที่หน้าตางดงามอ่อนโยนใจกว้างจะจิตใจอำมหิตเช่นนี้ นางคิดจะเอ่ยเสียงขัดขวางแต่กลับถูกหรงจิ่นถลึงตาห้ามไว้ หรงจิ่นมองมู่ชิงอีที่อยู่ข้างกายอย่างเป็นห่วง นับตั้งแต่หญิงสองคนนั้นพูดถึงกู้อวิ๋นเกอ ชิงชิงก็ดูแปลกๆ ไป เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างมู่ชิงอีและกู้อวิ๋นเกอ หรงจิ่นจึงยกมือลูบไหล่นางเบาๆ คิดว่านางนึกถึงเรื่องของลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนเลยรู้สึกแย่
มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาเป็นห่วงของหรงจิ่น ริมฝีปากผุดรอยยิ้มบางพลางส่ายศีรษะสื่อว่าตนไม่เป็นไร
เกอซูปิงคว้าแขนของมู่ชิงอีด้วยท่าทีร้อนใจเอ่ยเสียงต่ำว่า “เราจะไม่ช่วยคนงั้นหรือ ถ้าเกิดคุณหนูตระกูลหลี่ถูกพวกเขาทำร้าย…” ความบริสุทธิ์ของสตรีนั้น แม้แต่ขนบธรรมเนียมเปิดกว้างของเป่ยฮั่นก็ยังให้ความสำคัญมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแคว้นหวาที่อนุรักษ์และเข้มงวดยิ่งกว่า
จูหมิงเยียนแค่ถูกคนเอาเสื้อผ้าขาดวิ่นโยนทิ้งเรี่ยราดข้างทางยังถูกประณามทำให้อับอาย ถ้าหลี่จืออี๋ถูกใส่ร้ายว่านัดเจอชู้รัก เกรงว่าคงไม่ต้องมีชีวิตรอดแล้วกระมัง
ตอนต่อไป