อู๋ซินลอบพรูลมหายใจ ขณะเดียวกันก็มองสาวน้อยที่นั่งมุ่นคิ้วอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วงสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“อู๋ซิน เขาเป็นอะไรไปหรือ ไม่สบายอีกแล้วหรือ”
อู๋ซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าเอ่ย “ขอรับ อีกอย่างเหมือนกับว่าองค์ชายจะสู้กับใครมาด้วย ประจวบกับป่วยด้วยพอดี…” อาการป่วยมาเจอกับอาการช้ำใน ไม่รู้ว่านี่เป็นเวรกรรมที่หรงจิ่นชอบทำเรื่องไม่ดีในยามปกติหรือไม่ ดังนั้นพอฝืนใจเข้ามาในห้องของมู่ชิงอีได้ก็หมดสติไปเลย
“สู้กับคนอื่นหรือ ชอบก่อเรื่องจริงๆ!” มู่ชิงอีมุ่นคิ้วเอ่ย ร่างกายของหรงจิ่นอ่อนแอขี้โรค ถึงแม้จะมีวิทยายุทธที่ไม่เลวแต่หากคิดจะลงไม้ลงมือกับคนอื่นก็ออกจะอันตรายไปหน่อยจริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าอาการป่วยของเขาจะกำเริบขึ้นมาเมื่อไร ต่อให้จะเก่งกาจเพียงใดแต่ทันทีที่ป่วยขึ้นมาความสามารถในการป้องกันตัวก็จะหายไปทันที เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร มู่ชิงอีสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่หรงจิ่นสวมใส่ไม่ใช่ชุดที่ใส่ในงานเลี้ยงคืนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปท้าดวลกับคนอื่น ฉับพลันในใจก็ผุดนึกบางอย่างขึ้นได้ มู่ชิงอีเอ่ยเสียงขรึมว่า “ท่านไปหาเลี่ยอ๋องมาจริงๆ หรือ”
หรงจิ่นนอนไม่หลับ ความเจ็บปวดในขณะที่ป่วยทำให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้ยาก เขาค่อยๆ เปิดตาขึ้นมองมู่ชิงอีแล้วกล่าวว่า “แค่ฟันไปทีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เอาถึงตายหรอกน่า”
มู่ชิงอียิ้มเย็นชากล่าว “ใช่ แต่ตอนนี้คนที่ใกล้ตายกลับเป็นท่านมิใช่หรือ” ระหว่างที่พูดมู่ชิงอีก็นิ่งไปชั่วขณะแล้วนึกบางอย่างขึ้นได้ เกอซูฮั่นมีฉายาว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเป่ยฮั่น ร่างปวกเปียกขี้โรคอย่างหรงจิ่นยังฟันเขาได้ “ท่าน…ท่านคืออวิ๋นอิ่นอย่างนั้นหรือ” เสื้อผ้าบนเรือนร่างก็สามารถอธิบายคำตอบข้อนี้ได้แล้ว ผ้าแพรต่วนสีดำปักลายริ้วเมฆสีทองอ่อนประดับเต็มไปหมด สุขุมสง่างามแต่ดูหยิ่งผยอง หากไม่ไตร่ตรองดูให้ลึกซึ้งคงไม่มีอะไร แต่พอจำกัดขอบเขตให้แคบลงก็ทำให้เดาออกได้อย่างง่ายดาย
หรงจิ่นแหงนหน้ามองชิงอีแวบหนึ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ชิงชิง ฉลาดขนาดนี้ช่างไม่ดีเอาเสียเลย” เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้จะให้ข้าตัดใจจากเจ้าได้เช่นไร
มู่ชิงอีมองค้อนเขาไปทีหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “มียาอะไรบ้างหรือไม่ หรือว่าจะให้เรียกหมอมาให้ท่านดี” เรื่องเชิญหมอมาทางที่ดีไม่ควรเลยเป็นดีที่สุดเพราะนางไม่อยากฆ่าปิดปากใคร
หรงจิ่นยกมือขึ้นล้วงหยิบขวดแก้วสีดำขึ้นมาเปิดฝาเทยาเม็ดหนึ่งออกด้วยมือข้างเดียวแล้วถึงเอาเข้าปาก จากนั้นก็โยนขวดทิ้งบนเตียง มู่ชิงอีมองขวดแก้วเล็กกะทัดรัดนั้นพลางแอบขมวดคิ้ว ขวดสีดำขนาดเล็กวาดลวดลายซับซ้อนและน่าประหลาดเช่นนั้นมักชวนให้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
แต่หลังจากกินยาเข้าไปสีหน้าของหรงจิ่นก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้มือที่เกาะกุมมู่ชิงอีไว้จะยังกระตุกอยู่เล็กน้อย ซึ่งทำให้เห็นว่ายาเม็ดนี้ไม่ได้ช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บปวดหายเป็นปลิดทิ้งได้อย่างสิ้นเชิง
“ทรมานขนาดนี้ทุกครั้งเลยหรือ” ถึงแม้สีหน้าของหรงจิ่นจะดูสงบลงบ้างแล้วแต่พอมู่ชิงอีก้มหน้ามองมือที่เขากุมนางไว้ก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าหรงจิ่นไม่ได้สบายอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ ถึงแม้ปกติหรงจิ่นจะนิสัยเหลาะแหละชอบก่อกวนแต่กลับเป็นคนที่มีความอดทนสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว
หรงจิ่นปิดตาลงพร้อมเอ่ยขานรับเสียงเบา ผ่านไปสักพักถึงเอ่ยขึ้นอีกว่า “ข้าง่วงแล้ว ชิงชิง ที่นี่มีเครื่องหอมโยวหันหรือไม่”
มู่ชิงอีพยักหน้าลุกขึ้นแล้วไปหยิบเครื่องหอมโยวหันมาจุด จากนั้นก็เรียกให้อิ๋งเอ๋อร์เข้ามาทำความสะอาดรอยเลือดบนพื้นให้เรียบร้อย แล้วบอกให้พวกเขาทั้งสองไปพักผ่อน
หลังจากจุดเครื่องหอมโยวหัน เสียงลมหายใจของหรงจิ่นถึงค่อยๆ ช้าลงและสม่ำเสมอตามลำดับ เดิมทีเขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา แต่ปกติขอแค่ลืมตา หากไม่ชวนให้รู้สึกชิงชังจนนึกคันฟันกรามยุบยิบก็เย็นชาจนชวนให้นึกหวาดกลัว พอยามนี้เขานอนอยู่บนเตียงเงียบๆ กลับเหมือนเด็กน้อยแรกเกิดที่ไร้พิษภัยใดๆ คนหนึ่งแทน
อู๋ซินและอิ๋งเอ๋อร์จากไปเงียบๆ มู่ชิงอีก้มศีรษะมองบุรุษที่เหมือนว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วก็ลอบถอนหายใจเสียงเบา จากนั้นนางก็หยัดกายลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปพักผ่อนเช่นกัน
มือเย็นๆ ข้างหนึ่งได้คว้าแขนของนางไว้ ไม่รู้ว่าหรงจิ่นลืมตาขึ้นตั้งแต่เมื่อไร “อย่าไป”
มู่ชิงอีมองเขาอย่างเอือมระอากล่าว “ท่านนอนพักที่นี่เถิด หม่อมฉันจะไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือ”
“อย่าไป” หรงจิ่นเอ่ยเสียงนิ่ง มือที่กำลังกุมข้อมือของมู่ชิงอีอยู่ออกแรงบีบมากขึ้นเล็กน้อย มู่ชิงอีขมวดคิ้วแล้วเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “เห็นแก่ที่ท่านบาดเจ็บถึงให้ที่พักพิงกับท่าน คงไม่ได้หวังให้หม่อมฉันเฝ้าท่านตลอดทั้งคืนหรอกกระมัง”
หรงจิ่นชี้ไปข้างๆ แล้วเอ่ยอย่างวางอำนาจว่า “นอนเป็นเพื่อนข้า!”
มู่ชิงอีรู้สึกอีกครั้งว่าเส้นขมับตรงหน้าผากตนใกล้ขาดผึงเต็มทีแล้ว
นางมิอาจคาดหวังให้เจ้าบ้านี่ปกติเหมือนคนอื่นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว!
ครั้งนี้นางคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาเลยลุกขึ้นเดินหนีออกไปโต้งๆ ทว่าดูท่าทางหรงจิ่นเองก็พอจะเดาปฏิกิริยาของนางออก มือที่กำลังกุมข้อมือของนางไว้ออกแรงบีบขึ้นอีกเล็กน้อยแล้วกระชากนางขึ้นเตียง ถึงแม้มู่ชิงอีจะหกล้มชนนั้นชนนี่แต่เขากลับทำเพียงแค่นเสียงเบาเท่านั้น ทั้งยังรั้นจะดึงนางมาอยู่ในอ้อมอกให้ได้เช่นเคย
“หรงจิ่น!”
หรงจิ่นยกมือขึ้นแตะตัวนางเบาๆ ทันใดนั้นมู่ชิงอีก็ค้นพบว่าร่างของตนแข็งทื่อขยับเขยื้อนไม่ได้ เพราะเขาสกัดจุดบ้านั่น!
หรงจิ่นหาววอดใหญ่อย่างอ่อนล้าแล้วกระชับมู่ชิงอีให้มาอยู่ในอ้อมอกของตนดีๆ ถึงเอ่ยว่า “เด็กดี ข้าง่วงแล้ว นอนเถิด”
มู่ชิงอีที่ถูกใครบางคนรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมอกมองเปลวไฟที่สั่นไหวในห้องพร้อมกับดมกลิ่นเย็นอ่อนๆ กระจายไปทั่วห้อง ชั่วขณะนั้นนางก็คิดว่าความเป็นห่วงเป็นใยใครบางคนเมื่อครู่ช่างเป็นเรื่องโง่เง่าสิ้นดี เดิมทีตอนที่เห็นเขาครั้งแรกตนน่าจะสั่งให้อู๋ซินโยนเขาออกไปข้างนอกเสียมากกว่า!
ถึงแม้จะตายมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางได้สัมผัสกับผู้ชายอย่างแนบชิดขนาดนี้ ในเมื่ออยู่ในอ้อมอกใครบางคนอย่างไม่เป็นอิสระเลยทำให้นอนไม่หลับ จึงทำได้เพียงจ้องมุ้งด้านบนพลางคิดสับใครบางคนเป็นชิ้นๆ ในใจ ในที่สุดดวงตาที่จับจ้องก็เริ่มปวดจึงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป
หรงจิ่นที่เดิมทีปิดตาราวกับหลับสนิทแล้วกลับค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นแล้วหันหน้าไปมองสาวน้อยใบหน้างดงามที่นอนหลับตาพริ้มพร้อมเสื้อผ้าครบชุดอยู่ในอ้อมอกของตน คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ถึงแม้จะอยู่ในห้วงฝันแต่กลับยังเผยความโกรธออกมาให้เห็น ทว่าท่าทีอ่อนโยนสงบในยามปกติกลับเพิ่มความไร้เดียงสาแฝงมาด้วย นอนกับข้าไม่ดีขนาดนั้นเชียวหรือ หนุ่มรูปงามก้มหน้าลงอย่างไม่สบอารมณ์นัก ริมฝีปากนุ่มของสาวน้อยขบกันเล็กน้อย แววตาเย็นชาในตอนแรกกลับดูอบอุ่นขึ้นมาจางๆ
เขาช่วยคลายจุดที่ถูกสกัดไว้อย่างเบามือ หากนอนโดยถูกสกัดจุดเช่นนี้ไปตลอดทั้งคืนพรุ่งนี้ตื่นมาคงปวดระบมไปทั้งตัวแน่ จากนั้นเขาก็นอนลงเพื่อชมสาวน้อยในอ้อมกอดอีกครั้ง หรงจิ่นปิดตาลง มือที่วางไว้นอกผ้าห่มดีดนิ้วทีหนึ่งแสงเทียนที่สว่างไสวก็ดับลงในทันที
ชิงชิง ข้าอยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดเช่นนี้เสียจริง
ณ ลานรับแขกด้านนอก จูเอ๋อร์และอิ๋งเอ๋อร์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปพักผ่อนนานแล้วเดินไปเดินมาอยู่ในลานรับแขกอย่างกระวนกระวาย ครั้นเห็นตะเกียงไฟในห้องของคุณหนูดับลงก็รีบรุดหน้าหมายจะบุกเข้าไปทันที แต่กลับถูกอู๋ซินที่ยืนอยู่อีกฝั่งเข้ามาขวางหน้าไว้อย่างเงียบๆ
“เจ้าทำแบบนี้หมายความอย่างไร” อิ๋งเอ๋อร์ขึงตาเอ่ยกับอู๋ซินอย่างไม่สบอารมณ์ คุณหนูเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือน องค์ชายเก้าบุกเข้าห้องหนังสือบ้างห้องนอนบ้างทุกครั้งตามใจชอบยังพอช่างมันได้ แต่ดึกดื่นมืดค่ำกลับวิ่งแจ้นบุกเข้ามาในห้องนอนของคุณหนูเช่นนี้อีก หากคนอื่นรู้เข้าชื่อเสียงของคุณหนูจะยังเหลืออยู่อีกหรือ
ตอนต่อไป