จู่ๆ ได้ขึ้นเป็นองค์หญิงของแคว้น แต่เหมือนว่าสาวน้อยผู้นี้กลับไม่มีท่าทีตกใจหรือตื่นตระหนกที่ถูกแต่งตั้งยศสูงศักดิ์อย่างกะทันหันเช่นนี้เลยสักนิด เพียงแค่ท่าทีไม่ใส่ใจหรือหวั่นไหวกับการเป็นคนโปรดนี้ก็นับว่าห่างชั้นกับเหล่าคุณหนูตระกูลผู้ดีอื่นๆ ในเมืองหลวงอยู่มากโข ฉับพลันมู่หรงอวี้ก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงชื่นชอบสาวน้อยคนนี้นัก
“กงอ๋องมาด้วยพระองค์เองเช่นนี้มีเรื่องอันใดหรือเพคะ” รอกระทั่งสาวใช้วางถ้วยชาลง มู่ชิงอีถึงเอ่ยถามเสียงเบา
มู่หรงอวี้เหลือบมองเนี่ยอวิ๋นที่นั่งดื่มชาอยู่เงียบๆ อีกฝั่งแวบหนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างสง่างาม “ได้ยินเสด็จแม่บอกว่าสองวันมานี้พูดคุยกับองค์หญิงเพลิดเพลินนัก เพราะเรื่องของน้องแปด…หลายวันมานี้เสด็จแม่เลยเอาแต่กลัดกลุ้มเซื่องซึมไป ดังนั้นข้าถึงได้นึกประหลาดใจขึ้นมา หากเป็นไปได้ล่ะก็ ข้าหวังว่าองค์หญิงจะพอพูดคุยเป็นเพื่อนเสด็จแม่ได้บ้าง ท่านจะได้ไม่เหงา”
มู่ชิงอีค้นพบว่าความหน้าด้านของมู่หรงอวี้เอามาใช้เปรียบเทียบกับคนทั่วไปไม่ได้เลยจริงๆ นางจำได้ว่าหลังจากตนฟื้นขึ้นมา ตอนเจอมู่หรงอวี้ครั้งแรกเขาแสดงท่าทางไม่เป็นมิตรกับตนเลยสักนิด ไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นก็ไม่เห็นว่าจะปฏิบัติกับนางดีสักเท่าไร แต่มู่หรงอวี้ในเวลานี้กลับทำตัวราวกับสนิทสนมลึกซึ้งกับนางมากก็มิปาน
มู่ชิงอีลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ย “เช่นนี้คงไม่ดีกระมังเพคะ ได้ยินมาว่าอวิ๋นผินชอบความสงบ ชิงอีกลัวว่าจะเป็นการรบกวนนางมากกว่า”
ครั้นได้ฟังมู่ชิงอีกล่าวเช่นนั้น มู่หรงอวี้ก็แอบเบาใจไม่น้อย ก่อนเข้าวังมาเขาถามไถ่พฤติกรรมของมู่ชิงอีมาจากมู่ฉังหมิงบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่ามู่ฉังหมิงโกรธบุตรสาวผู้นี้มาก มู่หรงอวี้ย่อมรู้ปมแค้นระหว่างมู่ชิงอีและมู่ฉังหมิงดีอยู่แล้ว มู่ชิงอีมีปฏิกิริยาเช่นนี้ก็ไม่นับว่าน่าแปลกอะไร ในเมื่อในความทรงจำของเขาแล้วมู่ชิงอีมิใช่หญิงสาวผู้โง่เขลา หากนางมีปมแค้นกับมู่ฉังหมิงและมู่เฟยหลวนย่อมไม่เป็นเรื่องดีกับเขานัก ถึงแม้เวลานี้มู่ฉังหมิงจะยังไม่หลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขา แต่มู่หรงอวี้รู้ดีว่าหากมู่เฟยหลวนให้กำเนิดองค์ชายและเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ได้อย่างสงบ เช่นนั้นความจงรักภักดีของมู่ฉังหมิงคงไร้หนทางจะรับประกันได้แล้ว อีกทั้งด้วยพระวรกายของเสด็จพ่อในตอนนี้ ดูแล้วคงใช้ชีวิตได้อีกไม่นาน พอถึงตอนนั้นเหล่าองค์ชายที่อายุยังน้อยกลับได้เปรียบกว่าคนอายุมากอย่างพวกเขาเสียอีก
ในเมื่อเสด็จพ่อทรงโปรดปรานองค์หญิงที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ผู้นี้ หากสามารถใช้ประโยชน์จากมู่ชิงอีคืนสถานะให้เสด็จแม่ได้ กระทั่งกดมู่เฟยหลวนได้ด้วยก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย และเขาก็เชื่อว่าองค์หญิงที่เพิ่งถูกแต่งตั้งใหม่ไร้ซึ่งอำนาจอิทธิพลใดแต่เฉลียวฉลาดผู้นี้ย่อมรู้ว่าหากอาศัยกำลังนางเพียงลำพังคงไร้หนทางใช้ชีวิตอย่างสุขสงบในวังได้จริงๆ
หากมู่ชิงอีเป็นองค์หญิงที่ไร้ซึ่งอำนาจอิทธิพลแต่อยากใช้ชีวิตในวังและเมืองหลวงได้ในระยะยาว เช่นนี้การคาดเดาของมู่หรงอวี้ก็ถูกต้องอย่างมิต้องสงสัย หากมู่ชิงอีเป็นเพียงบุตรสาวภรรยาเอกตระกูลโหวที่ฉลาดธรรมดาคนหนึ่ง เช่นนั้นแผนการของมู่หรงอวี้ก็อาจจะเป็นจริงได้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือมู่อวี้หรงเดาถูกทุกอย่างแต่กลับมองข้ามมู่ชิงอีไปเท่านั้น เพราะสาวน้อยท่าทางใสสะอาดบริสุทธิ์กลับเคยมือเปื้อนเลือดมาก่อน นางสามารถจัดการน้องชายของเขาจนอาการปางตายได้ อีกทั้งอดีตพระชายาเองก็ตายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ดังนั้นการคาดเดาในขณะที่ยังไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร การคาดคะเนที่ผิดพลาดย่อมเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว
มู่ชิงอีไม่คิดจะเอาสถานะขององค์หญิงและภาพลักษณ์อันสูงส่งมานำทางใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอยู่แล้ว ดังนั้นนางเลยไม่คิดจะข้องแวะกับมู่หรงอวี้ผู้นี้เท่าไร เพราะนางรู้ว่าบางทีเวลาที่ใช้คงมีไม่มากนัก ถึงแม้นางจะยังไม่ได้ตอบรับหรงจิ่นแต่กลับรู้อยู่ลึกๆ ในใจว่านางคงหลุดพ้นจากเจ้าหมอนั่นได้ยาก
ใช่ว่ามู่ชิงอีจะไม่เคยไตร่ตรองฉกฉวยโอกาสของมู่หรงอวี้นี้เข้าใกล้อวิ๋นผิน แต่มู่ชิงอีก็รู้ดีเช่นกันว่าสตรีที่ไม่ได้รับความโปรดปรานแต่ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบมาได้ครึ่งค่อนชีวิตอย่างอวิ๋นผินย่อมมีใจป้องกันหวาดระแวงมากพอสมควร ตนไม่อยากเสียเวลามากมายไปกับอวิ๋นผิน ดังนั้น…เลยไม่อยากใช้วิธีการนี้ ด้วยอาการปางตายของมู่หรงอานในเวลานี้ สำหรับอวิ๋นผินไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบุตรชายอย่างมู่หรงอวี้ผู้นี้แล้ว มู่หรงอวี้เป็นดั่งความหวังที่จะฝากฝังชีวิตนี้ไว้ด้วยและเป็นดั่งที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียวในครึ่งชีวิตนี้ที่เหลือของนาง หากตนคิดจะต่อกรกับมู่หรงอวี้ อวิ๋นผินคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่
“องค์หญิงหมิงเจ๋ออย่ากังวลไปเลย เสด็จแม่นิสัยอ่อนโยนรักสงบย่อมพร้อมต้อนรับองค์หญิงเสมอ” มู่หรงอวี้ยิ้มบางกล่าว
มู่ชิงอีเอียงศีรษะพร้อมปรากฏความสงสัยเจือความใสซื่อเล็กน้อยบนใบหน้าอันงดงามของนาง “หืม เช่นนั้น…เหตุใดกงอ๋องถึงคิดว่าหม่อมฉันต้องไปนั่งคุยคลายความเศร้าใจให้กับพระสนมที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่งด้วยเล่า หากหม่อมฉันอยากหาใครคุยเป็นเพื่อนสักคน ในวังแห่งนี้คงมีคนตั้งมากมายพร้อมเล่นเป็นเพื่อนหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงอวี้ดูตึงเล็กน้อยราวกับเป็นรอยยิ้มจอมปลอมและไม่น่าดูขึ้นมาชั่วขณะ แต่ไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงอวี้ก็หายไปพลางจับจ้องมู่ชิงอีที่ฉีกยิ้มกว้างซึ่งเห็นได้ยากนักพร้อมทั้งขมวดคิ้วมุ่น เพราะเนี่ยอวิ๋นอยู่ข้างๆ เลยมีคำมากมายที่ไม่สะดวกพูดออกมานัก อีกทั้งมู่หรงอวี้เองก็ไม่ใช่คนนิสัยบุ่มบ่ามอะไรเลยกล่าวเสียงเรียบว่า “องค์หญิงพูดเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไร”
มู่ชิงอีเท้าคางแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “กงอ๋องมาหาหม่อมฉันเพราะอยากให้หม่อมฉันผูกมิตรกับอวิ๋นผิน ไม่แน่ฝ่าบาทอาจดีพระทัยขึ้นมาจนคืนตำแหน่งให้อวิ๋นผินมิใช่หรือเพคะ” ครั้นเห็นสีหน้าดูไม่ได้ของมู่หรงอวี้เช่นนั้น มู่ชิงอีก็ลอบพึงพอใจในใจ ท่าทีของนางในเวลานี้คงเหมือนเด็กน้อยไม่รู้ความที่เอาแต่ใจและได้ใจจนเหลิงไปแล้ว แต่มู่หรงอวี้กลับรู้ดีว่านางไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้น เพราะเหตุนี้สีหน้าของมู่หรงอวี้ถึงดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เพราะมู่หรงอวี้เข้าใจดีว่านางจงใจทำให้เขารู้สึกแย่
มู่หรงอวี้สูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยเสียงขรึมอย่างอดกลั้นความโมโหเอาไว้ไม่อยู่ “องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “เช่นนั้นกงอ๋องไม่ได้คิดจะทวงตำแหน่งเดิมคืนให้อวิ๋นเฟยหรอกหรือ เช่นนั้นก็ดี…เพราะเรื่องหลังวังของฝ่าบาทไม่ใช่เรื่องที่องค์หญิงที่เพิ่งถูกแต่งตั้งใหม่คนหนึ่งอย่างชิงอีจะเข้าไปยุ่มย่ามด้วยได้”
มู่หรงอวี้มุ่นคิ้วพลางจับจ้องสาวน้อยที่ผุดยิ้มหวานขึ้นมาขณะที่พูด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเดาความคิดของคนตรงหน้าไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เหมือนว่ามู่ชิงอีตรงหน้าไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่คิดไว้ นางเข้าวังมาได้ไม่กี่วัน นอกจากฮองเฮาและไทเฮา นางก็ล่วงเกินพระสนมที่มีสถานะสูงส่งไปไม่น้อย ตอนนี้ก็เริ่มแสดงท่าทีไม่เกรงใจองค์ชายอย่างเขาแล้ว นางคิดจริงๆ หรือว่าขอแค่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อแล้วอยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ต้องรู้ก่อนว่ามีหลายคนที่ตายในวังโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยสักนิด
ทว่ามู่ชิงอีกลับไม่อยากให้โอกาสเขาได้พูดต่อเลยโบกมือด้วยท่าทีเกียจคร้าน “หม่อมฉันเหนื่อยแล้ว หากกงอ๋องไม่มีเรื่องอันใดแล้วก็โปรดเชิญกลับเถิดเพคะ”
ครั้นถูกองค์หญิงที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลใดเอ่ยปากไล่อย่างไม่เกรงใจ ต่อให้มู่หรงอวี้จะอดทนเก่งมากแค่ไหนก็ย่อมอดกลั้นต่อความโกรธไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่ชิงอีที่ฟุบตัวอยู่บนโต๊ะราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด หลายคราที่มู่หรงอวี้ข่มอารมณ์โกรธได้มากกว่าคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่พอใจท่าทีไร้มารยาทของคนๆ นั้น ความจริงแล้วสำหรับคนที่ผ่านชีวิตอย่างยากลำบากมาตั้งแต่เด็กและมีใจทะเยอทะยานอย่างมู่หรงอวี้ยิ่งทนต่อท่าทีไร้มารยาทที่คนอื่นปฏิบัติกับตนไม่ไหวมากกว่าเสียอีก เพียงแต่หลายครั้งหลายคราเขาต้องใช้ปณิธานอันแกร่งกล้าอดกลั้นข่มใจไว้ จากนั้นค่อยแอบเอาคืนลับหลัง
ต่อให้มู่ชิงอีจะปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีทางแสดงท่าทีเกรี้ยวโกรธออกมาต่อหน้ามู่ชิงอีแน่นอน เพราะตอนนี้นางเป็นองค์หญิงที่เสด็จพ่อทรงโปรดปรานมากที่สุด แต่ทันทีที่เสด็จพ่อไม่ให้ความสำคัญเมื่อใด เช่นนั้นนางก็ต้องใช้ชีวิตดั่งตกขุมนรก อีกอย่างแต่ไหนแต่ไรมาความโปรดปรานของกษัตริย์เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว
ตอนต่อไป