แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก….เพราะเขาไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี” คิ้วหนาของมู่ฉังหมิงขมวดเป็นปม เขากวาดตามองมู่เชินอย่างไม่ชอบใจแวบหนึ่ง “เจ้าโตกว่ามู่หลิงตั้งสองปี คิดไม่ถึงว่า…”
มู่เชินแอบยิ้มเยาะในใจ ท่านพ่อจะบอกว่าเขาโตกว่ามู่หลิงแต่กลับสู้อะไรมู่หลิงไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเหตุใดท่านพ่อถึงไม่คิดบ้างว่าจุดยืนของเขากับมู่หลิงมีความต่างอะไรกันบ้าง มู่หลิงมักได้สิ่งที่ดีที่สุดมาตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะสำนักเรียนที่ดีที่สุด อาจารย์ที่ดีที่สุด กระทั่งท่านพ่อก็เป็นคนแนะนำสั่งสอนเขาเอง แล้วตนล่ะมีอะไรบ้าง
มู่ฉังหมิงโบกมืออย่างหงุดหงิด “เอาล่ะ เจ้าออกไปเถิด”
มู่ฉังหมิงหลุบตาลงกล่าวด้วยความเคารพ “ขอรับ ลูกขอตัว”
“รายงานท่านโหว คุณหนูสี่…องค์หญิงหมิงเจ๋อกลับมาแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้นอกประตูเอ่ยรายงานเสียงต่ำ มู่ฉังหมิงมุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “นางกลับมาทำไมอีก”
“ท่านพ่อ” มู่เชินเปิดปากเอ่ยเตือนความจำ “น้องหญิงสี่…เป็นบุตรภรรยาเอกแห่งจวนซู่เฉิงโหว”
มู่ฉังหมิงชะงักไป จากนั้นใบหน้าก็ดูย่ำแย่จนมู่เชินยากจะเข้าใจได้ คงเพราะครั้งก่อนเขากับน้องหญิงสี่ทะเลาะกันอย่างไม่สบอารมณ์นัก ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไรดีกระมัง
“กลับมาก็กลับมาสิจะรายงานทำไมกัน” มู่ฉังหมิงแค่นเสียงเบาแล้วเอ่ยเสียงยะเยือก
องครักษ์เอ่ย “องค์หญิงบอกว่า…มีเรื่องจะหารือกับท่านโหวขอรับ”
มู่ฉังหมิงเงียบอยู่พักหนึ่งถึงปริปากเอ่ย “ให้นางเข้ามา”
“ท่านพ่อ ถ้าทำเพื่อจวนซู่เฉิงโหว น้องหญิงสี่…” มู่เชินขบคิดแล้วจึงเปิดปากเอ่ยเตือน ความจริงมู่เชินรู้สึกแปลกใจกับความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อและน้องหญิงสี่มาโดยตลอด ด้วยนิสัยเอาแต่ผลประโยชน์โดยไม่สนใจเรื่องใดอย่างท่านพ่อ ช่วงเวลาที่น้องหญิงสี่เป็นถึงองค์หญิงและโหรวเฟยตายจากไปแล้วในเวลานี้ เขาน่าจะทำดีต่อน้องหญิงสี่ทุกอย่างและดึงน้องหญิงสี่มาเป็นพวกให้ได้ถึงจะถูกสิ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อและน้องหญิงสี่กลับห่างเหินกระทั่งแย่ลงกว่าเมื่อก่อนเสียอีก สะใภ้ซุนสำคัญต่อท่านพ่อขนาดนั้นจริงๆ หรือ
มู่ฉังหมิงมองมู่เชินด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง สิ่งที่มู่เชินพูดเขาจะไม่รู้ได้เช่นไร แต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับแววตาสุกใสและสงบราวกับมองเรื่องทุกอย่างออกตั้งแต่แรกแล้วของมู่ชิงอี เขาก็อดรู้สึกละอายใจจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ยามที่เขาพูดคุยกับมู่ชิงอีเหมือนถูกหนามตำหลังทุกครั้งไป หมดหนทางจะสนทนาดีๆ ด้วยได้อีก
พอผ่านไปสักพักกลับไม่เห็นมู่ชิงอีที่พวกเขารออยู่ปรากฏตัว มู่ฉังหมิงจึงลุกขึ้นด้วยท่าทีรำคาญใจ จากนั้นถึงได้ยินองครักษ์รีบร้อนวิ่งเข้ามารายงานว่า “ท่านโหว ฮูหยิน…ฮูหยินขวางองค์หญิงไว้หน้าประตูเรือนหลานจื่อขอรับ”
หลายวันมานี้สะใภ้ซุนทำตัวผิดปกติมาก ทันทีที่ได้ยินองครักษ์กล่าวรายงาน มู่ฉังหมิงก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่ เขาไม่พูดอะไรอีกแล้วลุกขึ้นมุ่งหน้าไปทางเรือนหลานจื่อทันที
มู่เชินที่อยู่ด้านหลังเลิกคิ้วสงสัย เดินตามไปอย่างเงียบๆ
มู่ชิงอีกลับมาถึงจวนซู่เฉิงโหว พอคิดๆ ดูแล้วพลันรู้สึกว่าต้องคุยกับมู่ฉังหมิงสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินมาถึงนอกประตูเรือนหลานจื่อก็ถูกสะใภ้ซุนที่มีท่าทีขึงขังขวางทางไว้แล้ว
ถึงแม้สะใภ้ซุนจะเป็นคนพูดจาไม่น่าฟัง แต่มู่ชิงอีก็ไม่เคยหาเรื่องทำให้นางลำบากใจเลยสักครั้ง ในฐานะศัตรู เห็นได้ชัดว่าสะใภ้ซุนมีคุณสมบัติไม่พอด้วยซ้ำ ขอแค่เกิดเรื่องขึ้นกับมู่หลิง เกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฟยหลวน เกิดเรื่องขึ้นกับมู่อวิ๋นหรง แค่นี้ก็เพียงพอให้สะใภ้ซุนทุกข์ทรมานใจแล้ว อีกอย่างด้วยความสามารถของสะใภ้ซุน นอกจากความทุกข์ทรมานใจแล้วนางจะทำอะไรได้ หากวันใดที่จวนซู่เฉิงโหวถูกทำลาย วันเวลาของสะใภ้ซุนก็คงจบลงเพียงเท่านั้น ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมามู่ชิงอีคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องเจาะจงทำอะไรหาเรื่องสะใภ้ซุนทั้งนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าสะใภ้ซุนที่ไม่เคยเจอมู่ชิงอีแผลงฤทธิ์กลับไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเฉกเช่นมู่อวิ๋นหรง พอได้ยินว่ามู่ชิงอีกลับจวนนางก็รีบพาคนออกมาประจันหน้าทันที
“มู่ชิงอี!” ครั้นเห็นมู่ชิงอีที่บุคลิกโดดเด่นเหนือใครและสุขุมสง่างามตรงหน้า สะใภ้ซุนก็เผยแววตาเดือดดาลอยากรีบกระโจนเข้าไปกัดนางแรงๆ สักที
ทุกอย่างเป็นความผิดของมู่ชิงอี! นับตั้งแต่นางเปลี่ยนไปก็เกิดเรื่องในจวนไม่เว้นวัน ตอนนี้มู่หลิงตายแล้ว เฟยหลวนก็ตายแล้ว แม้แต่อวิ๋นหรงก็จะถูกส่งตัวไปเกี่ยวดองอภิเษกอยู่ต่างแคว้น ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือไม่ ตนไม่เหลืออะไรแล้ว…ทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือของมู่ชิงอีทั้งสิ้น!
“สามหาวนัก!” อิ๋งเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังมู่ชิงอีเอ่ยเสียงเย็น “ชื่อขององค์หญิงหมิงเจ๋อเป็นสิ่งที่เจ้าจะเรียกสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างนี้ได้ด้วยหรือ”
สะใภ้ซุนราวกับเลือดขึ้นตา แววตาแฝงไปด้วยความคลุ้มคลั่ง อิ๋งเอ๋อร์ถลึงตาใส่นางเป็นการตักเตือนแล้วเดินขึ้นไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อยืนข้างกายมู่ชิงอี
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! เป็นเพราะเจ้านังตัวกาลกิณี!” สะใภ้ซุนสบถด่า “เป็นเจ้าที่ทำให้หลิงเอ๋อร์และหลวนเอ๋อร์ต้องตาย”
มู่ชิงอีมองสตรีบ้าคลั่งตรงหน้าด้วยท่าทีสงบ ริมฝีปากยกยิ้มแผ่วเบา เอ่ยเสียงต่ำ “ต่อให้เป็นข้า…แล้วเจ้าจะทำอะไรได้”
“ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย” สะใภ้ซุนชะงักไปก่อนที่จู่ๆ จะคลุ้มคลั่งขึ้นมาปัดมือของบ่าวรับใช้ของนางออก จากนั้นก็กระโจนไปทางมู่ชิงอี อิ๋งเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่นร้องแหวเสียงสูง “ยังไม่จับไว้อีก! หากล่วงเกินองค์หญิงขึ้นมาพวกเจ้ารับโทษไม่ไหวแน่!”
ถึงบ่าวรับใช้พวกนี้จะเป็นคนของจวนซู่เฉิงโหวแต่ก็รู้ว่ามิอาจล่วงเกินองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ได้ หากปล่อยให้สะใภ้ซุนทำอะไรองค์หญิงหมิงเจ๋อขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าชีวิตของพวกเขาก็คงชดใช้ให้ไม่ไหว
สะใภ้ซุนยังไม่ทันกระโจนเข้าไปตรงหน้าของมู่ชิงอีก็ถูกบ่าวรับใช้ทั้งหลายที่เคลื่อนไหวเร็วกว่ากุมตัวไว้ “ฮูหยิน…ฮูหยินใจเย็นหน่อยเจ้าค่ะ”
“ฮูหยิน ไม่ได้เด็ดขาดเลยเจ้าค่ะ”
หลายวันมานี้สะใภ้ซุนเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว ร่างกายเองก็อ่อนแอไม่แพ้กัน พอเวลานี้ฮึกเหิมขึ้นมาเลยเปลืองแรงร่างกายยิ่งกว่าเดิม จะดิ้นสู้แรงของบ่าวรับใช้ได้อย่างไร
มู่ชิงอีมองฉากอลหม่านตรงหน้าแน่นิ่ง ยิ่งสะใภ้ซุนเผยแววตาคลุ้มคลั่งไม่พอใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งดูสงบผ่อนคลายจนน่าหวั่นใจมากกว่าเดิม
นางย่างกรายเดินไปตรงหน้าสะใภ้ซุนอย่างช้าๆ จากนั้นก็มองสะใภ้ซุนที่พยายามดิ้นให้หลุดจากมุมสูงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ชอบทำร้ายสตรีตามอำเภอใจ แต่…ท่านกับหลวนเอ๋อร์ของท่านเหยียบย่ำฟางเส้นสุดท้ายของข้าแล้วจริงๆ หากข้ามีชีวิตอยู่ต่อได้…แล้วเหตุใดนางจะตายไม่ได้เล่า”
สะใภ้ซุนขึงตาจับจ้องมู่ชิงอีอย่างดุดัน มู่ชิงอีกลับคลี่ยิ้มบางเอ่ย “อย่ามองข้าเช่นนั้นเลย คนที่ฆ่ามู่เฟยหลวนก็คือคนของอวิ๋นกุ้ยเหริน ตอนนี้จูซื่อก็ต้องตายแล้ว ถือว่าแก้แค้นแทนบุตรสาวท่านแล้วมิใช่หรือ ท่านควรพอใจถึงจะถูก”
สะใภ้ซุนดวงตาหดลง ขึงตามองมู่ชิงอีที่ยืนยิ้มตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น เป็นนางจริงๆ ด้วย…เป็นนางที่ทำให้หลวนเอ่อร์ต้องตายจริงๆ ด้วย
“ทำไม…ทำไมกัน” สะใภ้ซุนกรีดร้องร่ำไห้เสียงสูงเหมือนเสียงร้องของสัตว์ป่าก็มิปาน ทำเอาบ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างอดหวาดกลัวไม่ได้
มู่ชิงอีเอ่ยเสียงอ่อนลง “ตอนนั้นท่านแม่ของข้าก็เคยถามมู่เฟยหลวนว่าทำไมมิใช่หรือ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้”
“ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน สะใภ้ซุนผลักบ่าวรับใช้ข้างกายออกไปอย่างแรงแล้วกระโจนพุ่งตัวเข้าหามู่ชิงอี นางไม่สนว่ามู่เฟยหลวนเคยทำอะไรไว้ นางรู้เพียงว่ามู่ชิงอีฆ่าบุตรสาวของนาง! นางต้องแก้แค้นให้หลวนเอ๋อร์!
ซวบ!
ลมอ่อนๆ พัดผ่านมาจากด้านหลัง สะใภ้ซุนยังไม่ทันแตะต้องชายผ้าของมู่ชิงอี ฉับพลันร่างก็ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็ล้มลงบนพื้นพลางโอดร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ไหล่แขนขวาที่เดิมทียกขึ้นหมายจะจับตัวมู่ชิงอีไว้กลับย้อมไปด้วยเลือด