ยามที่นางสร้างความมั่งคั่งให้แก่ตระกูลจู พวกเขาก็ดีแต่ยกยอประจบนาง ทว่าพอตอนนี้ตกทุกข์ได้ยากขึ้นมาความผิดทุกอย่างกลับเป็นของนางทั้งหมด ราวกับนางทำความผิดใหญ่มหันต์ไม่เคยทำคุณประโยชน์ใดให้ตระกูลจูและไม่เคยมีตัวตนมาก่อน แม้แต่ท่านพ่อของนางยังด่าทอนาง…พวกเขาลืมไปแล้วหรือ ตอนที่นางเข้าวัง ตอนนั้นตระกูลจูตกอับกระทั่งศักดิ์ศรีอันต่ำต้อยที่สุดยังแทบรักษาเอาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ความมั่งคั่งและสุขสบายตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ล้วนเป็นเพราะนางและบุตรชายของนาง แต่พวกเขา…เคยให้อะไรนางบ้างหรือ
ขอแค่อวี้เอ๋อร์ของตนไม่เป็นอะไร…เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว! ความเป็นความตายของคนพวกนี้เกี่ยวข้องอันใดกับนางด้วยเล่า
ครืด…
เกิดเสียงเสียดหูดังขึ้นมาจากประตูบานใหญ่ของคุกเพราะถูกคนผลักเข้ามาจากด้านนอกอย่างช้าๆ เสียงร้องก่นด่าของคนมากมายในตอนแรกก็พลันชะงักหยุดลงทันใด สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปทางประตูกันอย่างพร้อมเพรียงพลันแฝงไปด้วยแววตาแห่งความหวัง
จากนั้นก็ปรากฏตัวสาวน้อยสวมชุดกันลมผ้าเนื้อบางสีเขียวอ่อนคนหนึ่งอยู่ตรงประตู นางมองห้องขังที่ทั้งแออัดและสกปรกตรงหน้าด้วยท่าทีสงบ
หากเป็นในยามปกติ เหล่าบุรุษของตระกูลจูที่เห็นสาวน้อยเช่นนี้ไม่แน่อาจรุดหน้าเข้าไปเกี้ยวพาราสีทำความรู้จักด้วยแล้ว แต่เวลานี้พวกเขากลับแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ นางเป็นเพียงสาวน้อยที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง มิใช่กงอ๋อง…
“เจ้า…เจ้าคือคนที่กงอ๋องส่งมาหรือ” มีคนอดใจไม่ไหวโพล่งถามออกไปอย่างมีความหวัง
สาวน้อยเพียงยิ้มแผ่วเบา ไม่พูดตอบอะไร
ด้านหลังของสาวน้อยมีผู้ดูแลศาลอาญาคุกเทียนสวรรค์เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “องค์หญิง ที่นี่สกปรกนัก ท่านอยากพบผู้ใดหรือ เช่นนั้นให้กระหม่อมเอาตัวออกมาเป็นอย่างไรเล่า” สาวน้อยตรงหน้าผู้นี้เป็นถึงองค์หญิงหมิงเจ๋อที่ฝ่าบาททรงให้ความโปรดปรานมากที่สุดย่อมต้องคอยดูแลรับใช้อย่างระมัดระวัง เขาจะบังอาจให้สิ่งสกปรกในนี้แปดเปื้อนดวงตาขององค์หญิงได้เช่นไรกัน
มู่ชิงอีคลี่ยิ้มบาง พยักหน้าเอ่ย “เช่นนั้นคงต้องรบกวนใต้เท้าแล้ว” ด้านในสกปรกจนเดินไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ตอนนั้นนางเองก็เคยถูกจับขังในคุกเทียนสวรรค์ระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าผู้นั้นรู้สึกดีกับองค์หญิงที่เป็นกันเองและไม่ได้วางตัวสูงส่งผู้นี้ไม่น้อย ปากเอ่ยแต่ “มิบังอาจ” แล้วเชิญมู่ชิงอีไปนั่งดื่มชาในห้องด้านหน้า จากนั้นถึงออกคำสั่งให้คนไปเอาตัวจูซื่อออกมา
มู่ชิงอีนั่งในห้องที่กว้างขวางสะอาดสะอ้านด้วยท่าทีผ่อนคลายเพื่อรอการมาถึงของจูซื่อ พี่ชายกับพี่ใหญ่ไม่อยากเจอจูซื่อแล้ว บางทีพวกเขาอาจคิดว่าในฐานะที่เป็นบุรุษ หากทรมานสตรีที่ใกล้ตายเต็มทีเช่นนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าสนุกเท่าไรนัก แต่มู่ชิงอีกลับอยากเจอจูซื่ออีกครั้ง นาง…ไม่มีทางปล่อยให้จูซื่อตายไปอย่างสงบแน่นอน
ไม่นานจูซื่อก็ถูกคนพาเข้ามาแล้วโยนลงพื้นจากมุมที่ไม่ไกลมู่ชิงอีนัก
“องค์หญิง…จะให้กระหม่อมส่งคนมาคอยคุ้มกันองค์หญิงหรือไม่…หญิงผู้นี้…”
มู่ชิงอีคลี่ยิ้มบางกล่าว “ไม่ต้องหรอก เหลือแค่คนของข้าไว้ก็พอ ข้ามีบางเรื่องอยากพูดคุยกับจูซื่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับทราบ”
คนที่พูดก็รีบพาคนขอตัวออกไปอย่างว่าง่าย มู่ชิงอีหันไปมองอิ๋งเอ๋อร์แวบหนึ่ง อิ๋งเอ๋อร์ก็รีบพาพวกเขาออกไปข้างนอกด้วยตัวเองพร้อมถือโอกาสยัดถุงผ้าเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเงินตำลึงใส่มือทุกคน เหล่าทหารเฝ้าคุกต่างยิ้มหน้าบานทันที จากนั้นก็ยิ่งแสดงท่าทีเป็นกันเองกับอิ๋งเอ๋อร์ขึ้นไม่น้อย
“อวิ๋นเฟย ท่านสบายดีหรือไม่” มู่ชิงอีมองจูซื่อจากมุมบนพร้อมรอยยิ้มสบายๆ
จูซื่อเงยหน้าขึ้นจับจ้องมู่ชิงอีด้วยความอาฆาต มู่ชิงอีเอียงศีรษะมองนาง ยกยิ้มแล้วเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “อะไรกันเล่าอวิ๋นเฟย ชิงอีมาเยี่ยมท่านด้วยเจตนาดี ท่านมองข้าเช่นนั้น…เหมือนข้าทำความผิดใดกับท่านอย่างนั้นแหละ”
จูซื่อยิ้มเย็นชา “สนมอย่างข้าไม่ต้องการเจตนาดีของเจ้า! เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ธาตุแท้ของเจ้าหรือ”
“สนมอย่างข้าหรือ” มู่ชิงอีปิดปากยิ้มแล้วกล่าวต่อ “หึๆ เหมือนว่าอวิ๋นเฟยจะถูกถอดตำแหน่งแล้ว…ทั้งยังโดนไล่ออกจากวังด้วย เกรงว่าคงใช้สรรพนามเรียกตัวเองเช่นนี้ไม่ได้แล้วกระมัง จูซื่อ?”
“เจ้ามาเพื่อเยาะเย้ยมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือ” จูซื่อเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก ราวกับไม่อยากเผยความน่าอายและความอ่อนแอของตนต่อหน้ามู่ชิงอี
มู่ชิงอีส่ายศีรษะกล่าว “ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือ เปล่าเลย ข้าไม่ได้ว่างจนเบื่อชีวิตขนาดนั้น ข้าก็แค่แวะมาเยี่ยมเยียนอวิ๋นเฟย แล้วถือโอกาส…พูดคุยกับท่านไปด้วย”
“ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า” จูซื่อปฏิเสธเสียงกร้าว
“ไม่มีอะไรคุยด้วยอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงอีมองนางด้วยท่าทีเสียดาย “ข้าตั้งใจแวะมาหา แต่อวิ๋นเฟยกลับบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วย ควรรู้ว่าบางที…ข้าอาจเป็นคนสุดท้ายที่จะได้ฟังอวิ๋นเฟยพูดก็ได้นะ”
จูซื่อจับจ้องมู่ชิงอีด้วยความระแวงเอ่ย “เจ้าคิดจะทำอันใด”
มู่ชิงอีก้มหน้ามองมือทั้งสองข้างที่เรียวยาวผิวเนียนละเอียดบนหน้าตักของตัวเองแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นเฟยอย่าระแวงไปเลย ข้าไม่ฆ่าท่านตอนนี้หรอก ฝ่าบาทก็ทรงตรัสแล้วว่ารอฤกษ์ประหาร ข้าจะบังอาจขัดพระราชโองการของฝ่าบาทได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น…หากปล่อยให้อวิ๋นเฟยตายในคุกเทียนสวรรค์เงียบๆ เช่นนี้ ข้าคงรู้สึกผิดกับกงอ๋องมากจริงๆ”
“เจ้า…เจ้าจะพูดเรื่องอันใดกันแน่” ขอแค่เอ่ยถึงมู่หรงอวี้ จูซื่อก็จะตึงเครียดขึ้นมาทันที นางจับจ้องมู่ชิงอีแน่นิ่ง หากไม่ใช่เพราะด้านหลังของมู่ชิงอีมีอิ๋งเอ๋อร์กับอู๋ซินยืนอยู่ด้วย ไม่แน่นางอาจกระโจนเข้าใส่แล้วก็ได้
มู่ชิงอีพยักหน้าอย่างพึงพอใจยิ้มเอ่ย “แบบนี้ก็ดีมิใช่หรือ ความจริงข้าไม่อยากไร้มารยาทกับอวิ๋นเฟยเลยสักนิด อีกอย่างก่อนท่านจะเผชิญกับความตายไม่คิดอยากจะบอกอะไรสักหน่อยหรือ ”
จูซื่อหลุบตาเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่”
มู่ชิงอีจับจ้องนางพลางเอ่ยเสียงเรียบ “อย่างเช่นตอนนั้นอวิ๋นเฟยลอบวางพิษอดีตฮองเฮาเช่นไร หรือว่า…อวิ๋นเฟยวางยาพิษอะไรใส่อดีตฮองเฮากับผิงอ๋องกันแน่”
จูซื่อผงะไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงอีอย่างดุดัน แสยะยิ้มเอ่ย “ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของมู่หรงซีนี่เอง! นั่นสิ ข้าลืมเสียสนิทว่าเจ้ากับสองพี่น้องตระกูลกู้นั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หากคิดจะช่วยมู่หรงซีคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ข้าเกลียดก็แต่…เหตุใดก่อนหน้านี้ข้านึกไม่ถึงจนโดนเด็กอย่างเจ้าหลอกเอาได้!”
มู่ชิงอีเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ตอนนี้อวิ๋นเฟยรู้แล้วก็ยังไม่สาย เช่นนั้น…ท่านก็ควรบอกคำตอบที่ข้าต้องการมิใช่หรือ”
จูซื่อเผยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าที่ดูแก่ลงไปมาก พลางจับจ้องมู่ชิงอีอยู่นานถึงค่อยพ่นคำไม่กี่คำออกไป “เจ้าอย่าได้หวังเลย”
ทว่ามู่ชิงอีกลับไม่โกรธสักนิดแล้วมองหญิงสาวที่อยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ รอยยิ้มของจูซื่อแฝงด้วยท่าทีย่ามใจ ราวกับว่าในที่สุดตนก็เป็นต่อคนตรงหน้า จากนั้นก็จับจ้องมู่ชิงอีพร้อมเอ่ยพลางหัวเราะ “อย่างไรมู่หรงซีก็ต้องตาย เจ้าคิดจะช่วยเขาหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ว่ายาพิษที่ข้าใส่ ในใต้หล้านี้ไม่มีใครแก้พิษได้หรอก”
มู่ชิงอียิ้มบาง เอ่ยขึ้น “บนโลกใบนี้ไม่มีพิษใดที่แก้ไม่ได้”
จูซื่อแววตาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็พูดเคล้าเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ใช่ บนโลกใบนี้ไม่มีพิษใดที่แก้ไม่ได้ แต่…ก็มีพิษที่ชั่วชีวิตนี้พวกเจ้าก็หาวิธีแก้ไม่ได้เช่นกัน ฮ่าๆ…มู่หรงซีต้องตายแน่นอน นังกู้ซื่อนั่น…คิดว่าตัวเองสูงส่งเทียมฟ้า สุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือข้ามิใช่หรือ ทุกอย่างในใต้หล้านี้ล้วนเป็นของอวี้เอ๋อร์ของข้า อวี้เอ๋อร์ต้องแก้แค้นให้ข้าแน่นอน”