ในที่สุดพอเห็นกู้ซิ่วถิงถูกมู่หรงซีลากตัวไป หรงจิ่นก็อาศัยจังหวะตอนที่มู่ชิงอีไม่ทันสังเกตเห็นยักคิ้วใส่กู้ซิ่วถิงที่หันมามองน้องสาวของตัวเอง ยั่วโมโหจนคุณชายซิ่วถิงสีหน้าขรึมลงไม่น้อย
องค์ชาย ล่วงเกินพี่เขยในอนาคตเช่นนี้จะเป็นเรื่องดีจริงๆ หรือ อู๋ซินลอบคิดในใจ
“ชิงชิง”
มู่ชิงอีเหลือบมองใครบางคนที่ขยับเข้ามาพิงกายพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “องค์ชายคิดจะเอาอย่างไรอีก” ถึงแม้มู่ชิงอีจะมองไม่เห็นท่าทียุแหย่ที่หรงจิ่นลอบทำใส่พี่ใหญ่แต่สถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าองค์ชายเก้าต้องการคำปลอบประโลม แต่หากใครบางคนแสดงกิริยาเกินพอดี นางก็ไม่ติดใจอะไรหากจะทำให้เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความเหมาะสม!
ครั้นสังเกตเห็นสายตาอันตรายของมู่ชิงอี หรงจิ่นก็เข้าใจในทันทีว่าแผนการที่ตนวางไว้ถูกชิงชิงมองออกนานแล้วเลยทำได้แค่ยิ้มเจื่อนเอ่ย “ชิงชิง เจ้ารับปากว่าจะไปแคว้นเย่ว์กับข้าแล้ว อย่าผิดคำพูดล่ะ”
มู่ชิงอีชะงักไปพลันจับจ้องเขาเอ่ย “หม่อมฉันรับปากตั้งแต่เมื่อไรกัน”
หรงจิ่นเอ่ยอย่างได้ใจ “เมื่อคืนชิงชิงพูดแล้ว ข้าได้ยินเองกับหูเลย”
“หรงจิ่น” มู่ชิงอีลอบสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ปัดใบหน้าของใครบางคนที่ยื่นเข้ามาออกไป เอ่ยเสียงเบานุ่มนวลว่า “ท่านไปตายเสียเถิด”
เขามองมู่ชิงอีที่ลุกขึ้นเดินจากไปโดยไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์อย่างเศร้าใจ หรงจิ่นที่มีระดับสติปัญญาสูงเหนือใครแต่ความฉลาดทางอารมณ์กลับถูกดึงลงต่ำพลันกะพริบตาปริบๆ “โกรธอีกแล้ว…ชิงชิงโมโหร้ายไม่เบาเลย แต่ข้ายอมให้อยู่แล้ว”
อู๋ซินที่ยืนอยู่ตรงประตูมุมปากกระตุกครู่หนึ่งพลางครุ่นคิด องค์ชาย คุณหนูนิสัยดีหาได้ยากในใต้หล้านี้แล้ว หากเปลี่ยนเป็นสตรีคนอื่น ป่านนี้ท่านคงถูกตีตายไปนานแล้ว
มู่หรงซีและกู้ซิ่วถิงที่อยู่นอกประตูกำลังหารือกันเรื่องหลังจากนี้ ครั้นเห็นมู่ชิงอีเดินออกมาพวกเขาสองคนถึงหยุดบทสนทนาลงแล้วมองมาทางมู่ชิงอีอย่างพร้อมเพรียงกัน มู่ชิงอีคลี่ยิ้มบางกล่าว “ทำให้ท่านทั้งสองต้องเป็นกังวลแล้ว”
มู่หรงซีส่ายศีรษะเอ่ย “เป็นเพราะเราคิดไม่รอบคอบเอง คิดไม่ถึงว่าน้องหกจะจนตรอกถึงขั้นลักพาตัวเจ้า”
กู้ซิ่วถิงขมวดคิ้วเป็นปมแล้วกล่าว “มู่หรงอวี้รู้เรื่องของเราแล้วหรือ”
มู่ชิงอีพยักหน้าเอ่ย “เรื่องเมื่อคืนมู่หรงอวี้น่าจะเพิ่งผุดคิดแผนการขึ้นมากะทันหัน เขาได้ข่าวของพี่ใหญ่มาจากที่อื่น จากนั้นคงเดาว่าข้ามีส่วนเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นถึงไปหาข้าที่จวนซู่เฉิงโหว”
“เว่ยหลี” กู้ซิ่วถิงเอ่ยเสียงเรียบ บัดนี้คนที่อยู่ในเมืองหลวง นอกจากมู่หรงซี มู่ชิงอีและหรงจิ่นคงมีเพียงเว่ยหลีและมู่หรงจ้าวเท่านั้นที่รู้เรื่องของเขาแล้ว
มู่ชิงอีพยักหน้ากล่าว “ใช่แล้ว แต่…มู่หรงอวี้น่าจะรู้เรื่องนี้จากตวนอ๋องแห่งแคว้นเย่ว์”
“ตวนอ๋องหรือ”
มู่ชิงอีพยักหน้า นางมองมู่หรงซีด้วยท่าทีลังเลใจครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เหมือนว่ามู่หรงอวี้กำลังวางแผนอะไรบางอย่างลับๆ กับหรงเหยี่ยน”
ถึงแม้มู่ชิงอีจะพูดอ้อมๆ แต่มู่หรงซีกลับเข้าใจความหมายของนาง ตอนนี้เรื่องที่มู่หรงอวี้กับหรงเหยี่ยนจะสมรู้ร่วมคิดกันได้จะมีเรื่องใดได้อีก ในเมื่อมู่หรงอวี้ที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แคว้นหวาไม่มีค่าให้แคว้นเย่ว์ใช้งานได้ นอกเสียจาก…“ทรยศบ้านเมือง!”
เขามองศาลผุพังด้านหลังแวบหนึ่งอย่างสงสัย ถึงแม้หรงจิ่นจะช่วยชิงอีมาตลอด แต่ถึงอย่างไรสถานะของเขาก็คือองค์ชายแคว้นเย่ว์ มู่หรงซีเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหรงจิ่นจะรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
“ข้ากับหรงเหยี่ยนไม่ใช่พวกเดียวกัน” หรงจิ่นปรากฎตัวตรงประตูพลางมองมู่หรงซีด้วยท่าทีเกียจคร้าน
มู่หรงซีที่กำลังมองมู่ชิงอีอยู่ ก็เห็นมู่ชิงอีพยักหน้าน้อยๆ มู่หรงซีถึงวางใจลงมาก มู่หรงซีย่อมเข้าใจความสามารถและสติปัญญาของน้องสาวผู้นี้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเชื่อสายตาอันเฉียบคมในการมองคนของนาง
กู้ซิ่วถิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า “ประตูเมืองน่าจะเปิดแล้ว พวกเราควรกลับไปได้แล้ว” ขณะที่พูดก็กวาดสายตาเรียบนิ่งมองร่างของหรงจิ่น “องค์ชายเก้าก็ควรกลับได้แล้ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนของแคว้นเย่ว์ต้องเป็นห่วง”
หรงจิ่นกลับไม่ใส่ใจแต่โค้งคำนับแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณในความเป็นห่วงของพี่ใหญ่แต่มิต้องกังวลไป” หรงจิ่นปลอมตัวเป็นคุณชายอวิ๋นอิ่นโผล่ไปทุกที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแคว้นเย่ว์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นแค่จวนราชทูตแคว้นเย่ว์ในแคว้นหวาเล็กๆ เท่านั้น ตอนนี้ไหวหยางก็อยู่ในวัง หรงเหยี่ยนเองก็ยุ่งวุ่นวายกว่าตนอีก ต่อให้หรงจิ่นหายตัวไปวันสองวันก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ ข้ากลับไปไม่ได้เจ้าค่ะ” มู่ชิงอีพลันเอ่ยขึ้นเสียงเบา
กู้ซิ่วถิงขมวดคิ้วแน่น “ทำไมเล่า”
มู่หรงซีขบคิดบางอย่างพลางมองมู่ชิงอีแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “ซิ่วถิง ชิงอีพูดถูก ครั้งนี้…กล่าวได้ว่านี่เป็นโอกาสหนึ่งที่ทำให้ชิงอีได้หลุดพ้น” ถึงแม้เสด็จพ่อจะโปรดปรานชิงอีมาก แต่สถานที่อย่างในวังไม่ใช่สถานที่ที่ควรอยู่นานนัก ตอนนี้เหมือนเรื่องทุกอย่างใกล้ถึงตอนจบแล้ว หากชิงอีอยู่เมืองหลวงต่อไปกลับจะมีสถานะเป็นอุปสรรคทำเรื่องใดไม่ค่อยสะดวก อีกอย่างหากจะรอให้เรื่องทุกอย่างสงบลงแล้วค่อยหาทางหนีออกมาโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้ สู้ตอนนี้อาศัยมือของมู่หรงอวี้ช่วยพายเรือตามน้ำไปเลยดีกว่า
กู้ซิ่วถิงเข้าใจเหตุผลนี้ดี เขาเองก็ไม่อยากให้น้องสาวต้องวุ่นวายไปๆ มาๆ ระหว่างจวนซู่เฉิงโหวและวังหลวงเช่นกัน อีกทั้งต้องจัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวังโดยไม่มีช่วงผ่อนคลายเลย
เขามุ่นคิ้วขบคิดครู่หนึ่งถึงพยักหน้าเอ่ย “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วก็ว่าตามนั้นเถิด”
มู่ชิงอีอมยิ้มพลางพยักหน้า “พี่ใหญ่กับพี่ชายแพร่งพรายเรื่องที่ข้าถูกมู่หรงอวี้ลักพาตัวไปให้ฝ่าบาทรับรู้ได้เลยเจ้าค่ะ”
มู่หรงซีพยักหน้า คิดว่าหากถึงตอนนั้นฮ่องเต้แคว้นหวาคงกริ้วมาก หลายวันมานี้มู่หรงอวี้ก่อเรื่องไม่เว้นวัน ต่อให้ฮ่องเต้แคว้นหวาอยากปล่อยตัวเขาแค่ไหนก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ครั้นได้ยินบทสนทนาระหว่างมู่ชิงอีกับพวกเขาสองคน หรงจิ่นก็ฉีกยิ้มแป้นมากกว่าเดิม “พี่ใหญ่กับผิงอ๋องวางใจแล้วกลับไปเถิด เรื่องความปลอดภัยของชิงชิงมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าได้เลย”
มู่หรงซีมองหรงจิ่นที่ไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอกอย่างขบขัน ก่อนจะหันไปมองกู้ซิ่วถิงที่เผยใบหน้าขึงขังอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง จากนั้นก็ส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาแล้วลากตัวกู้ซิ่วถิงเดินจากไป
ถึงอย่างไรก็ต้องไปแจ้งศาล แต่จะแจ้งเช่นใดโดยไม่แฝงอันตรายและไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้คืออีกหนึ่งปัญหา มู่หรงซีไม่มีทางเขียนสาส์นกราบทูลฮ่องเต้แคว้นหวาด้วยตัวเองว่ามู่หรงอวี้ลักพาตัวมู่ชิงอีไปเช่นนั้นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงส่งคนเอาข่าวขององค์หญิงหมิงเจ๋อไปบอกหัวหน้าองครักษ์วังหน้าอย่างเนี่ยอวิ๋น รวมถึงส่งตัวอิ๋งเอ๋อร์และจูเอ๋อร์ของจวนซู่เฉิงโหวไปร้องขอความช่วยเหลือจากเซ่าจิ่นที่ศาลอิงเทียนฝู่
เพราะเหตุนี้จึงเป็นไปได้ยากหากฮ่องเต้แคว้นหวาจะไม่รู้เรื่องขององค์หญิงหมิงเจ๋อเลย คนดวงซวยคนแรกคือมู่ฉังหมิง เดิมทีมู่ฉังหมิงคิดจะปิดข่าวนี้ไว้ ในเมื่อเขามีจุดอ่อนอยู่ในมือของมู่หรงอวี้ไม่น้อย หากมู่ชิงอีถูกมู่หรงอวี้ฆ่าตาย เขาค่อยคิดหาวิธีแพร่ข่าวว่าป่วยตายก็จบแล้ว แม้แต่บรรดาบ่าวไพร่ของเรือนหลานจื่อก็ถูกเขาคอยสอดส่องควบคุมตัวอยู่ แต่มู่ฉังหมิงคิดไม่ถึงว่ามู่หรงอวี้จะทำอะไรไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ไม่เพียงแต่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เรื่องนี้ยังถูกแพร่งพรายอีกต่างหาก ส่วนอิ๋งเอ๋อร์และจูเอ๋อร์ที่ถูกเขาขังอยู่ในเรือนหลานจื่อวิ่งไปฟ้องศาลอิงเทียนฝู่ได้เช่นไร มู่ฉังหมิงเองก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน
ภายใต้อารมณ์เกรี้ยวโกรธ เดิมทีฮ่องเต้แคว้นหวาก็เห็นมู่ฉังหมิงขัดหูขัดตาอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาไม่เห็นแก่หน้าขุนนางทูตของเป่ยฮั่นอีกต่อไปเพราะทรงรับสั่งจับคนทั้งจวนซู่เฉิงโหวไปขังคุกโดยไม่คิดลังเลใจสักนิด แน่นอนว่าเว้นไว้แต่เหอหรงจวิ้นจู่ที่ต้องไปเกี่ยวดองต่างแคว้น
มู่อวิ๋นหรงถูกรับตัวเข้าวังตามคำชี้แนะของฮองเฮา ถึงอย่างไรเกอซูฮั่นก็เคยมาทูลลากลับกับเขาแล้ว ซึ่งใกล้จะเดินทางในเร็ววันนี้ด้วย ฮ่องเต้แคว้นหวายังไม่รีบถอดถอนตำแหน่งของมู่ฉังหมิงแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยก่อนที่เหอหรงจวิ้นจู่จะเดินทางออกจากเมือง มู่ฉังหมิงก็ยังมีตำแหน่งเป็นซู่เฉิงโหวอยู่